Tweet
Originally posted by KopaCaBanA
View Post
สุดท้ายขอบคุณมากๆครับ ยังไงเข้ามาคุยกันได้เรื่อยๆนะครับ
Originally posted by sapporo
View Post
Originally posted by slipknot66
View Post
เขียนให้อ่าน เล่น ๆ นะครับ อ้างอิงมาจากท่าน CEO แต่นำมาเรียบเรียงใหม่โดยผมเอง(มั่วนิด ๆ) เรื่อง PSU
PSU (Power Supply) เป็นอุปกรณ์ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับทุกสิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์
ทำไมต้องมี PSU ด้วย เสียบปลั๊กตรง ๆ ไม่ได้เหรอ ? ไม่ได้ครับ เพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์
ต้องการไฟฟ้าที่เป็นกระแสตรง(Direct Current เรียกย่อ ๆ ว่าไฟ DC)
แต่ไฟฟ้าที่เราใช้กันในบ้านเรือนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating current เรียกย่อ ๆ ว่า ไฟ AC) มีแรงดันไฟที่ 220V ดังนั้นจำเป็นต้องมีอุปกรณ์
ที่ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้า จาก ไฟ AC ให้เป็น ไฟ DC และเจ้าอุปกรณ์ตัวนั้นคือ PSU นั้นเอง ฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว แต่ !
ทำไมหลาย ๆ คนจึงเลือก PSU ถูก ๆ เช่น พวก PSU วัตต์ล่ะบาท 500w 500 บาท ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องการกระแสไฟที่ราบเรียบนิ่งไม่แกว่งไปมา ซึ่งถ้าไม่ได้รับกระแสไฟที่นิ่งและเรียบพอแล้วล่ะก็
อุปกรณ์ที่มีโอกาสพังง่ายอยู่แล้ว เช่น HDD,VGA อาจจะได้กลับบ้านเก่าไปกับ PSU ของท่านด้วย
ทีนี้ถามว่า อ้าวแล้วจะดูยังไงเลือก PSU ไม่เป็น
ปัจจุบันนี้มีมาตรฐานของ PSU ที่ชื่อว่า 80 Plus มีลักษณะดังรูป จะติดอยู่ที่ตัวของ Psu
80 Plus หมายถึงอะไร
หมายถึงว่า PSU นั้น ๆ มีประสิทธิภาพหรือค่า Efficiency เกิน 80% ในทุกการทดสอบนั่นเอง
งงอีกแล้วค่า Efficiency มันคืออะไรล่ะ
ค่า Efficiency ถ้าแปลตามตัวก็คือ ความมีประสิทธิภาพ แล้วประสิทธิภาพที่ว่าคืออะไร มันคือ ประสิทธิภาพในการแปลงไฟ จากไฟบ้านเราที่เป็นกระแสสลับให้เป็นกระแสตรง
ไปสู่ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ว่ามันจะต้องสูญเสียกำลังไฟพลังงานไปกับการแปลงไฟขนาดไหน เช่น Efficiency ที่ 75% ก็แสดงว่าอุปกรณ์นั้นสูญเสียพลังงานไปกับการแปลงไฟไป 25% ครับ
ซึ่งจริงๆ แล้ว PSU จะมีประสิทธิภาพสูงสุดที่การโหลดไฟ 20% -50% จากกำลังของ Power Supply จ่ายได้สูงสุด แล้วเราจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันล่ะว่า PSU เนี่ยมีค่า Efficiency โดยเฉลี่ยเท่าไหร่?
เขาจึงได้มีการจัดตั้งมาตรฐานขึ้นมาครับ ชื่อว่า 80 Plus นั่นเอง
ตารางการแบ่งมาตรฐาน 80 Plus
(เครดิต http://yak1zoba.exteen.com/20100920/...y-power-supply)
อีกนิด ยกตัวอย่างนิดหนึ่ง
สมมุติคอมพิมเตอร์ของผม Full Load ที่ 600w ผมต้องการได้ค่า Efficiency ที่มากที่สุด สมมุติผมใช้ Corsiar AX1200w
อ้างอิงจากกราฟ
จะเห็นว่า ค่า Efficiency จะมากที่สุดคือ 92% เมื่อ PSU จ่ายไฟที่ 600w หรือโหลดที่ 50% พอดิบพอดี
ดังนั้นถ้าสามารถ ทำให้ PSU โหลด ที่ 50% โดยที่ System อยู่ในขณะ Full load หรือ Idle ก็ได้
เราจะได้กระแสไฟที่นิ่งและเรียบที่สุด เท่าที่ Psu ตัวนั้น ๆ จะทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ AX1200w ก็ได้ครับผมแค่ยกตัวอย่าง
และจำเอาไว้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างเมื่อได้รับกระแสไฟฟ้าแล้ว ย่อมจะต้องเกิดความร้อน
และไอ้ความร้อนนี่ล่ะ ที่จะทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์นั้น ๆ เสื่อมสภาพลง และใช้งานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่าง เครื่อง Full load ที่ 600w แต่ดันใช้ PSU 700w ซึ่งทำให้ PSU ต้องรับภาระหนักคือต้องโหลดที่ 90% ตลอดเวลา
จึงจะจ่ายไฟให้ตามที่ระบบต้องการได้ จริงอยู่ที่ว่าแม้เครื่องไม่ได้ Full load ตลอดเวลา แต่ก็ควรมองในระยะยาวด้วย
ถ้าปล่อยให้ PSU ต้องโหลดที่ 90% นานๆ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ เพราะถ้าต้องโหลดหนักขนาดนี้ ย่อมต้องเกิดความร้อนมากมายแน่นอน
ซึ่งจะไปทำให้ PSU เสื่อมสภาพ แล้วสุดท้ายอุปกรณ์อื่น ๆ ก็ะพากันลงเหวหมด ดังกรณีของท่าน เทพ ดร.สาโรธ 500w (อิอิ แซวเล่น ๆ ตามกระแส)
เมื่อได้อ่านแล้วคงเข้าใจกันขึ้นมาบ้างนะครับ สำหรับเรื่อง PSU
ทีนี้เรามาดูการคำนวณค่าไฟในแบบ คร่าว ๆ กันนะครับ ย้ำนะครับว่าคร่าว ๆ
สมมุติคอมพิวเตอร์ผมกินกระแสไฟรวม 550w แบ่งเป็น CPU 120w M/B 130w VGA 200 RAM+HDD+FAN+LED 100w
= 120+130+200+100 = 550w ซึ่งทั้งหมดอยู่ในช่วง Full load ซึ่งเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 1 เดือน
ที่นี้เราก็ต้องหาหน่วยไฟฟ้าที่เราใช้ก่อน ซึ่งหาได้จากสูตร
จำนวนวัตต์ของเครื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า x จำนวนที่ใช้งาน
1000 วัตต์
เมื่อแทนค่าลงไปจะได้
550x24 = 13.2 หน่วย เราจะได้จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ใน 1 วันมาแล้ว
1000
ที่นี้ นำค่าที่หาได้จากสูตรเมื่อกี๊ มาใส่ลงในสูตรนี้ คือ จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ x อัตราค่ากระแสไฟฟ้าต่อหน่วย ในที่นี้กำหนดให้ค่าไฟคิดหน่วยล่ะ 2 บาท
= 13.2 x 2 = 26.4 บาท นี้คือค่าไฟที่เราต้องเสียใน 1 วัน
ที่นี้จะหาว่าในหนึ่งเดือนต้องเสียเท่าไหร่ ก็คูณ30เข้าไป
= 26.4 x 30 = 792 บาท
นี้คือกรณีของไฟตามบ้านนะครับ ถ้าไฟตามหอนี่
ผมอยู่หอผมคิดหน่วยล่ะ 5 บาท ก็จะได้
= 13.2 x 5 = 66 บาท
= 66 x 30 = 1980 บาท บร๊ะเจ้า !!
นี่คือการคิดค่าไฟแบบคร่าว ๆ จริง ๆ จะมีบวกค่าอะไรอีกผมจำไม่ได้และมี Vat อีก 7%
ขอบคุณท่าน CEO มาก ๆ นะครับสำหรับความรู้
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนเหนื่อยแล้วครับ อิอิ
PSU (Power Supply) เป็นอุปกรณ์ที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับทุกสิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์
ทำไมต้องมี PSU ด้วย เสียบปลั๊กตรง ๆ ไม่ได้เหรอ ? ไม่ได้ครับ เพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์
ต้องการไฟฟ้าที่เป็นกระแสตรง(Direct Current เรียกย่อ ๆ ว่าไฟ DC)
แต่ไฟฟ้าที่เราใช้กันในบ้านเรือนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating current เรียกย่อ ๆ ว่า ไฟ AC) มีแรงดันไฟที่ 220V ดังนั้นจำเป็นต้องมีอุปกรณ์
ที่ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้า จาก ไฟ AC ให้เป็น ไฟ DC และเจ้าอุปกรณ์ตัวนั้นคือ PSU นั้นเอง ฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว แต่ !
ทำไมหลาย ๆ คนจึงเลือก PSU ถูก ๆ เช่น พวก PSU วัตต์ล่ะบาท 500w 500 บาท ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ต้องการกระแสไฟที่ราบเรียบนิ่งไม่แกว่งไปมา ซึ่งถ้าไม่ได้รับกระแสไฟที่นิ่งและเรียบพอแล้วล่ะก็
อุปกรณ์ที่มีโอกาสพังง่ายอยู่แล้ว เช่น HDD,VGA อาจจะได้กลับบ้านเก่าไปกับ PSU ของท่านด้วย
ทีนี้ถามว่า อ้าวแล้วจะดูยังไงเลือก PSU ไม่เป็น
ปัจจุบันนี้มีมาตรฐานของ PSU ที่ชื่อว่า 80 Plus มีลักษณะดังรูป จะติดอยู่ที่ตัวของ Psu
80 Plus หมายถึงอะไร
หมายถึงว่า PSU นั้น ๆ มีประสิทธิภาพหรือค่า Efficiency เกิน 80% ในทุกการทดสอบนั่นเอง
งงอีกแล้วค่า Efficiency มันคืออะไรล่ะ
ค่า Efficiency ถ้าแปลตามตัวก็คือ ความมีประสิทธิภาพ แล้วประสิทธิภาพที่ว่าคืออะไร มันคือ ประสิทธิภาพในการแปลงไฟ จากไฟบ้านเราที่เป็นกระแสสลับให้เป็นกระแสตรง
ไปสู่ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ว่ามันจะต้องสูญเสียกำลังไฟพลังงานไปกับการแปลงไฟขนาดไหน เช่น Efficiency ที่ 75% ก็แสดงว่าอุปกรณ์นั้นสูญเสียพลังงานไปกับการแปลงไฟไป 25% ครับ
ซึ่งจริงๆ แล้ว PSU จะมีประสิทธิภาพสูงสุดที่การโหลดไฟ 20% -50% จากกำลังของ Power Supply จ่ายได้สูงสุด แล้วเราจะเอาอะไรมาเป็นหลักประกันล่ะว่า PSU เนี่ยมีค่า Efficiency โดยเฉลี่ยเท่าไหร่?
เขาจึงได้มีการจัดตั้งมาตรฐานขึ้นมาครับ ชื่อว่า 80 Plus นั่นเอง
ตารางการแบ่งมาตรฐาน 80 Plus
(เครดิต http://yak1zoba.exteen.com/20100920/...y-power-supply)
อีกนิด ยกตัวอย่างนิดหนึ่ง
สมมุติคอมพิมเตอร์ของผม Full Load ที่ 600w ผมต้องการได้ค่า Efficiency ที่มากที่สุด สมมุติผมใช้ Corsiar AX1200w
อ้างอิงจากกราฟ
จะเห็นว่า ค่า Efficiency จะมากที่สุดคือ 92% เมื่อ PSU จ่ายไฟที่ 600w หรือโหลดที่ 50% พอดิบพอดี
ดังนั้นถ้าสามารถ ทำให้ PSU โหลด ที่ 50% โดยที่ System อยู่ในขณะ Full load หรือ Idle ก็ได้
เราจะได้กระแสไฟที่นิ่งและเรียบที่สุด เท่าที่ Psu ตัวนั้น ๆ จะทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ AX1200w ก็ได้ครับผมแค่ยกตัวอย่าง
และจำเอาไว้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างเมื่อได้รับกระแสไฟฟ้าแล้ว ย่อมจะต้องเกิดความร้อน
และไอ้ความร้อนนี่ล่ะ ที่จะทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์นั้น ๆ เสื่อมสภาพลง และใช้งานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่าง เครื่อง Full load ที่ 600w แต่ดันใช้ PSU 700w ซึ่งทำให้ PSU ต้องรับภาระหนักคือต้องโหลดที่ 90% ตลอดเวลา
จึงจะจ่ายไฟให้ตามที่ระบบต้องการได้ จริงอยู่ที่ว่าแม้เครื่องไม่ได้ Full load ตลอดเวลา แต่ก็ควรมองในระยะยาวด้วย
ถ้าปล่อยให้ PSU ต้องโหลดที่ 90% นานๆ ย่อมไม่เป็นผลดีแน่ เพราะถ้าต้องโหลดหนักขนาดนี้ ย่อมต้องเกิดความร้อนมากมายแน่นอน
ซึ่งจะไปทำให้ PSU เสื่อมสภาพ แล้วสุดท้ายอุปกรณ์อื่น ๆ ก็ะพากันลงเหวหมด ดังกรณีของท่าน เทพ ดร.สาโรธ 500w (อิอิ แซวเล่น ๆ ตามกระแส)
เมื่อได้อ่านแล้วคงเข้าใจกันขึ้นมาบ้างนะครับ สำหรับเรื่อง PSU
ทีนี้เรามาดูการคำนวณค่าไฟในแบบ คร่าว ๆ กันนะครับ ย้ำนะครับว่าคร่าว ๆ
สมมุติคอมพิวเตอร์ผมกินกระแสไฟรวม 550w แบ่งเป็น CPU 120w M/B 130w VGA 200 RAM+HDD+FAN+LED 100w
= 120+130+200+100 = 550w ซึ่งทั้งหมดอยู่ในช่วง Full load ซึ่งเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 1 เดือน
ที่นี้เราก็ต้องหาหน่วยไฟฟ้าที่เราใช้ก่อน ซึ่งหาได้จากสูตร
จำนวนวัตต์ของเครื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า x จำนวนที่ใช้งาน
1000 วัตต์
เมื่อแทนค่าลงไปจะได้
550x24 = 13.2 หน่วย เราจะได้จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ใน 1 วันมาแล้ว
1000
ที่นี้ นำค่าที่หาได้จากสูตรเมื่อกี๊ มาใส่ลงในสูตรนี้ คือ จำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ x อัตราค่ากระแสไฟฟ้าต่อหน่วย ในที่นี้กำหนดให้ค่าไฟคิดหน่วยล่ะ 2 บาท
= 13.2 x 2 = 26.4 บาท นี้คือค่าไฟที่เราต้องเสียใน 1 วัน
ที่นี้จะหาว่าในหนึ่งเดือนต้องเสียเท่าไหร่ ก็คูณ30เข้าไป
= 26.4 x 30 = 792 บาท
นี้คือกรณีของไฟตามบ้านนะครับ ถ้าไฟตามหอนี่
ผมอยู่หอผมคิดหน่วยล่ะ 5 บาท ก็จะได้
= 13.2 x 5 = 66 บาท
= 66 x 30 = 1980 บาท บร๊ะเจ้า !!
นี่คือการคิดค่าไฟแบบคร่าว ๆ จริง ๆ จะมีบวกค่าอะไรอีกผมจำไม่ได้และมี Vat อีก 7%
ขอบคุณท่าน CEO มาก ๆ นะครับสำหรับความรู้
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนเหนื่อยแล้วครับ อิอิ
Comment