D.I.Y.ตอน ต่อแอมป์ 40+40 w. ราคาไม่ถึงพัน

[pluanant]

ตอนนี้กำลังค่อยๆ ลองอยู่ แต่เจอปัญหาเบื้องต้นคือ"ร้อนมาก" เสียบปลั๊กไว้เฉยๆ ยังไม่ส่งสัญญาณเสียงเข้า อุณหภูมิซิ้งไปเพ่นพ่านอยู่แถวๆ 60-70องศา!!! (ไม่มีพัดลม)

ลองแยกซิ้งของใครของมันครับ ว่าแต่นั้นมันซิ้งAMDนี้ 5555

[Rev]

ไล่วงจรไม่ค่อยออก คือมี c filterเพิ่ม คร่อมไฟ บวกลบป่ะ
ปรกติจะบวกกราวน์ กับ ลบกราวน์ด
ตอบถูกมั้ยเนี้ย?
แล้วทำแบบนี้มันเห็นผลต่างจากปกติยังไงเหรอ

อันนี้เป็นการเพิ่มความจุของภาคจ่ายไฟรวมเมื่อมองจากไฟบวก/ลบละครับ โดยถ้าเป็นการมองจากขั้วไฟบวก/ลบแล้ว ก็จะเป็นC2ตัวอนุกรมกัน แล้วเอามาขนานกันอีกที ค่าความจุก็จะเป็น 2*(3300/2)=3300 เท่าเดิม ทั้งๆ ที่ถ้ามองในส่วนของไฟบวกหรือลบจะเป็น 6600 ซึ่งความจุที่น้อยกว่าก็ส่งผลให้เกิดไฟกระเพื่อม(Ripple)มากกว่า

ปกติแล้ววงจรขยายแบบ OCL จะสังเกตได้ว่าขั้วลบของลำโพงจะต่อลงกราวนด์ตลอดเวลา เวลาจ่ายมีสัญญาณเฟสบวกออกไปก็คือไฟบวกกับกราวนด์ เฟสลบก็คือไฟลบกับกราวนด์

ทีนี้วงจรบริดจ์ที่ผมทำออกมานี่ ลำโพงถูกแขวนลอยไว้กับเอาท์พุทของแอมป์2ตัวที่ทำงานกลับเฟสกัน คือถ้าแอมป์ตัวแรกให้เฟสบวก ตัวหลังจะให้เฟสลบ ไฟก็จะผ่านจากไฟบวกมาที่ไฟลบโดยไม่มีกราวนด์มารับเหมือนวงจร OCL แบบปกติ ทำให้ค่าความจุของคาปาซิเตอร์ที่ต่อกับไฟบวก/ลบมีความสำคัญมากกว่าไฟบวกกับกราวนด์หรือไฟลบกับกราวนด์



อันที่จริงเรื่องนี้ผมได้ความรู้มาจากหนังสือ Electronic Handbook นะเนี่ย และมันก็ใช้ได้ดีมากับหลายๆ วงจรที่ทำไปแล้วด้วย กำลังสำรองเหลือเฟือเลยแค่เพิ่มคาปาซิเตอร์เข้าไปนี่แหละ

[tiger X-fi]

^
ขอบคุณมากครับ

[fenderfree]

อ้อ......
ผมเข้าใจละหลักการทำงานแอมป์ของคุณ Rev แบบนี้คือ Brigde Mono นั่นเอง
ใช่หรือเปล่าครับ แต่ผมลองไล่ๆดูแล้ววงจรที่ท่านลงนี้ ไม่มีวงจรแยกเฟส
แล้ว ไอซี 2 นั้นไม่ได้รับเฟสลบมาขยาย แต่ทำหน้าที่เป็นแค่ กราวด์ ใช่หรือเปล่า
ผมแค่เดาเอามั่วๆน่ะครับ แหะๆ ผิดถูกประการใดรบกวน ชี้แจงให้กระจ่าง ที่ครับ
ขอบคุณมากครับ ^^

[Rev]

อ้อ......
ผมเข้าใจละหลักการทำงานแอมป์ของคุณ Rev แบบนี้คือ Brigde Mono นั่นเอง
ใช่หรือเปล่าครับ แต่ผมลองไล่ๆดูแล้ววงจรที่ท่านลงนี้ ไม่มีวงจรแยกเฟส
แล้ว ไอซี 2 นั้นไม่ได้รับเฟสลบมาขยาย แต่ทำหน้าที่เป็นแค่ กราวด์ ใช่หรือเปล่า
ผมแค่เดาเอามั่วๆน่ะครับ แหะๆ ผิดถูกประการใดรบกวน ชี้แจงให้กระจ่าง ที่ครับ
ขอบคุณมากครับ ^^

ดูในรูปรีพลายที่แล้วนะครับ ไอ้เจ้า R5 นั่นแหละ ป้อนสัญญาณไปเข้าขา Inverting ของ IC2 ทำให้ไอซีขยายสัญญาณแบบกลับเฟสเสร็จสรรพเรียบร้อย

แอมป์แบบบริดจ์ไม่จำเป็นต้องสร้างวงจรกลับเฟสเลยครับ R ตัวเดียวก็จบแล้ว

ส่วนวงจรนี้ก็วงจรเดียวกันแต่เขียนอีกแบบนึง R5 ในวงจรที่แล้วก็คือ R9 ในวงจรนี้



วงจรเดิมของผมก็ใช้ TDA2030 นี่แหละ แต่ผมยัด LM1875 ลงไปแทน(จริงๆ ก็ได้ทั้ง TDA2040,TDA2050 LM3886ก็ได้นะเพียงแต่ต้องมาไล่ขาใช้งานให้ตรงกัน)

แอมป์แบบบริดจ์ดีอยู่อย่างนึงครับ "ไฟเท่าเดิม กำลังออกเพิ่ม3เท่า(แต่เพิ่มอุปกรณ์2เท่า 5555)"

[ManiacMaew]

ขอบคุณครับ
แต่อ่านไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องภาคจ่ายไฟค่อยไปหาหนังสือเล่มที่ว่าอ่านเพิ่ม

____





R5ในรูปควรจะให้ทางเดินสั้นที่าสุดเท่าที่ทำได้รึเปล่า (เหมือนพวกr feed back)
ถ้ายาวไปมันic สองตัวมันจะทำงานไม่พร้อมเพรียงกันรึเปล่า เดามั่วๆน่ะ

[fenderfree]

อ๋อ...ผมเข้าใจละครับ พอท่านบอก ตัว R ตัวเดียวจบ ผมดันไผไล่ งมกับ ขาไอซี ขอบคุณครับ
วงจรนี้ดูแล้วเข้าใจง่ายดี

ดูในรูปรีพลายที่แล้วนะครับ ไอ้เจ้า R5 นั่นแหละ ป้อนสัญญาณไปเข้าขา Inverting ของ IC2 ทำให้ไอซีขยายสัญญาณแบบกลับเฟสเสร็จสรรพเรียบร้อย

แอมป์แบบบริดจ์ไม่จำเป็นต้องสร้างวงจรกลับเฟสเลยครับ R ตัวเดียวก็จบแล้ว

ส่วนวงจรนี้ก็วงจรเดียวกันแต่เขียนอีกแบบนึง R5 ในวงจรที่แล้วก็คือ R9 ในวงจรนี้



วงจรเดิมของผมก็ใช้ TDA2030 นี่แหละ แต่ผมยัด LM1875 ลงไปแทน(จริงๆ ก็ได้ทั้ง TDA2040,TDA2050 LM3886ก็ได้นะเพียงแต่ต้องมาไล่ขาใช้งานให้ตรงกัน)

แอมป์แบบบริดจ์ดีอยู่อย่างนึงครับ "ไฟเท่าเดิม กำลังออกเพิ่ม3เท่า(แต่เพิ่มอุปกรณ์2เท่า 5555)"

[Rev]

ขอบคุณครับ
แต่อ่านไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องภาคจ่ายไฟค่อยไปหาหนังสือเล่มที่ว่าอ่านเพิ่ม

____



[IMG]http://www.circuit-finder.com/files/345/collection-of-little-bridged-power-amplifiers2_orig.gif[IMG]

R5ในรูปควรจะให้ทางเดินสั้นที่าสุดเท่าที่ทำได้รึเปล่า (เหมือนพวกr feed back)
ถ้ายาวไปมันic สองตัวมันจะทำงานไม่พร้อมเพรียงกันรึเปล่า เดามั่วๆน่ะ

Electronic Handbook ประมาณเล่ม7รึไงนี่แหละครับ เป็นวงจรแอมป์ที่ใช้ไอซี TDA2050 (จะหาอ่านได้ไม๊นั่น 5555)

R5 ไม่จำเป็นต้องสั้นนักหรอกครับ ธรรมดาๆ ก็พอแล้ว

[fenderfree]

ไปนั่งพิจารณาอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบว่า รูปวงจรอันบน R5 มีใว้ทำไม งง มากๆ
วานท่านที่รู้ชอบทีครับ

[AS5HOLE]

ไปนั่งพิจารณาอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบว่า รูปวงจรอันบน R5 มีใว้ทำไม งง มากๆ
วานท่านที่รู้ชอบทีครับ

มีใว้ให้งงเล่น

[Rev]

ไปนั่งพิจารณาอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบว่า รูปวงจรอันบน R5 มีใว้ทำไม งง มากๆ
วานท่านที่รู้ชอบทีครับ

ฟีดแบ็คสัญญาณเฟสปกติจาก IC1 มาเข้าขา Inverting ของ IC2 นั่นละครับ R5ของวงจรแรก=R9ของวงจรที่2

ทั้ง2วงจร ลายวงจรเหมือนกันเป๊ะ เพียงแต่วางตำแหน่ง IC1-IC2 ไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ถ้าเรียนอีเล็กฯมามองปราดเดียวรู้เลย

[fenderfree]

หรือมันมีใว้ให้ไอซีทั้งสอง มองเห็น(รับสัญาณ) จากฟีดแบ็คแหล่งเดียวกัน จะได้ขยายเฟสบกและลบเท่าๆกัน

[milestone]

ฟีดแบ็คสัญญาณเฟสปกติจาก IC1 มาเข้าขา Inverting ของ IC2 นั่นละครับ R5ของวงจรแรก=R9ของวงจรที่2

ทั้ง2วงจร ลายวงจรเหมือนกันเป๊ะ เพียงแต่วางตำแหน่ง IC1-IC2 ไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง ถ้าเรียนอีเล็กฯมามองปราดเดียวรู้เลย

ไม่ใช่มั้ง
R5 = R4 สำหรับผมมันน่าจะเป็นตัวนี้นะ มันเป็นส่วนโซเบิ้ลนี่
ส่วน R9 น่าจะเป็น R feedback ของวงจรรวม
ส่วน R2 R7 เป็น R feedback ของวงจรย่อย

ความรู้ผม งูๆปลาๆ รอท่านอื่นออกความเห็นบ้าง ^^

ปล.ยังไม่เข้าใจว่าเป็นบิรดจ์ได้ยังไง ถ้ามันไม่ขยายซ้อนแล้วกำลังจะเพิ่มขึ้นจากไหนหว่า ช่วยอธิบายทีครับ ?
ปล.2 C filter ทำไมวงจรนี้ใช้น้อยจังครับ 100+100 เอง

[fenderfree]

หมายถึง R5 ของอีกวงจรนึงไม่ใช่วงจรอันล่างน่ะครับ

ไม่ใช่มั้ง
R5 = R4 สำหรับผมมันน่าจะเป็นตัวนี้นะ มันเป็นส่วนโซเบิ้ลนี่
ส่วน R9 น่าจะเป็น R feedback ของวงจรรวม

ความรู้ผม งูๆปลาๆ รอท่านอื่นออกความเห็นบ้าง ^^

[Rev]

หรือมันมีใว้ให้ไอซีทั้งสอง มองเห็น(รับสัญาณ) จากฟีดแบ็คแหล่งเดียวกัน จะได้ขยายเฟสบกและลบเท่าๆกัน

จะว่างั้นก็ได้ครับ

หลักๆ คือให้ไอซีตัวที่2รับสัญญาณจากไอซีตัวแรกแล้วทำการขยายกลับเฟสรับอย่างทันทีทันใด

ถ้าไอซี1รับสัญญาณเสียงที่เป็นเฟสบวกแล้วทำการขยายเฟสบวกออกไปปุ๊บ ไอซี2ก็จะรับสัญญาณเฟสบวกผ่านทาง R5,R9 เข้าขา Inverting จากนั้นก็จะขยายสัญญาณเฟสตรงข้ามออกไป(ในที่นี้คือเฟสลบ) เพื่อให้กระแสไฟจากไอซี1ได้ครบวงจรซะ ลำโพงจะได้มีเสียงออก เพราะถ้าดันขยายสัญญาณเฟสเดียวกันลำโพงมันจะดังได้อย่างไร(บวกชนบวก กระแสมันจะครบวงจรยังไง???)