การเบิร์นลำโพงต้องทำอย่างไร แล้วเบิร์นเพื่ออะไรครับ
Announcement
Collapse
No announcement yet.
การเบิร์นลำโพงเขาทำกันยังไงครับ
Collapse
X
-
ส่วนใหญ่แล้วลำโพงจะมีการใช้วัสดุที่มีความแตกต่างกัน เช่น กรวยที่ใช้หากเป็นแบบกระดาษเมื่อใช้งานไปสักระยะก็จะอ่อนตัวลงจะทำให้เสียงที่แข็งกระด้างมาเป็นนุ่นนวลขึ้นได้
การเบิร์นจะเป็นการเปิดฟังเสียงเพลงไปสักระยะเวลาหนึ่ง เช่น เมื่อฟังไปแล้ว 6 ชั่วโมง กรวยลำโพงรวมไปถึงขอบก็จะเริ่มอยู่ตัวให้ลำโพงลดเสียงแข็งกระด้างลงทำให้มีความนิ่มนวลมากขึ้น ซึ่งจะเห็นผลในการฟังเสียงจากผู้ที่ชื่นชมการรับเสียงแนวหูทอง
Comment
-
ล้อเล่นนิดนึงนะครับ การ Burn-in คือ คุณเปิดลำโพงใช้งานตามปกติ โดยใช้ระดับ Volume ปกติที่คุณชอบฟัง เปิดไปซัก 2 - 3 อาทิตย์ เสียงมันจะอิ่มอยู่ตัวขึ้นนะครับ จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย ใช้งานไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไป 2 - 3 อาทิตย์ ... เหมือนเปลี่ยนผ้าเบรครถยนต์นะครับ มันจะมีระยะ Run-in ประมาณ 200 กม. หมายถึง ช่วงก่อน 200 กม. พึงสังวรณ์ว่าผ้าเบรคยังทำงานประสิทธิภาพไม่เต็ม 100% อย่าขับจ่อท้ายคันหน้าเกินไป และอย่าเบรครุนแรง อาจจะเบรคไม่อยู่
การ Burn-in มันจะทำให้ขอบกรวยลำโพงที่ชักเข้าออก จะนุ่มขึ้นคลายตัวขึ้น เมื่อเล่นมาซักพักใหญ่ๆ เสียงมันจะอิ่มขึ้นครับ
sigpic
Comment
-
เอาแบบบ้านๆ นะครับที่ได้ยินมา เหมือนที่ทุกท่านบอกนะคับ ลำโพงซื้อมาใหม่ซึ่งยังไม่มีการยืดตัวของดอก จะทำให้เสียงแข็ง อันดับแรกพอได้ลำโพงใหม่มา คุณต้องมี cd หรื dvd เพลงที่จะใช้เบิร์นแนะนำพวกวง ออเครสตร้า(ไม่รุ้เขียนถูกเปล่า) หรือมันจะมี cd, dvd ที่ใช้เบิร์นเฉพาะครับ ชื่อแผ่น burn-in cd ครับ เพราะจะให้ความถี่เสียงที่ครอบคุม 20-20,000 เฮิรตซ์ (เป็นความถี่ที่หูมนุษย์สามารถได้ยิน) ทุ้ม กลาง แหลม การเบิร์นตามที่กล่าวมาจะทำให้กลวยชักเข้าลึกสุดและชักตื้นสุดทำงานทั่วแกนลำโพง การเบิร์นมีเบาบ้างอัดสุดบ้างไม่ต้องกลัวดอกแตกครับอัดสุดไปเลย(ระวังก็หัวนี่แหล่ะจะแตกเพราะข้างบ้าน)บางคนกลัวพังเพราะของยังใหม่ ยังไม่เข้าที่ผิดครับคิดผิด แรกๆเบาก่อน ต่อมาอัดสุดไปเลย(อยู่ในเกณท์ที่ลำโพงรับได้นะ)เวลาที่ใช้เบิร์น 100 ชม.เป็นอย่างน้อย(สำหรับคนหูทองเขาจะเบิร์น 2 อาทิตย์ up ครับ) เทคนิคการเบิร์นยังมีอีกเยอะครับ ลองหาดูทางเวฟครับ บ้านเราก็มีเวฟเครืองเสียงเยอะครับ(ผมก็ฝันถึง LEONA G9 EXCITE ทุกวันเลย หุ..หุ)
ระดับความดังของเสียง (อันนี้แถมครับไปเจอมา)
140 dB ระดับความดังที่ทำให้หูพิการถาวร
130 dB ระดับที่ทำให้หูพิการได้
120 dB เสียงปืนใหญ่ที่ดังใกล้ ๆ
110 dB เสียงดังที่เฉลี่ยในดิสโก้เธค
100 dB เสียงภายในไนท์คลับ, บาร์, แจ๊ซผับ
90 dB เสียงวิ่งของรถสิบล้อ
80 dB เสียงดังจากรถเมล์
70 dB เสียงวิทยุทั่ว ๆ ไป
60 dB เสียงรบกวนการพูดคุยภายในสำนักงานทั่วไป
50 dB เสียงรบกวนในห้องพักผ่อน
40 dB ห้องพักยามดึก
30 dB ดึกสงัด
20 dB เสียงภายในห้องบันทึกเสียงเกรดเยี่ยม
10 dB ห้องแล็ป
0 dB เงียบสนิท
Comment
-
ความคิดผมนะคับ ที่ต้องเบิร์นลำโพงส่วนมากจะเป็นคนหูทองครับ(ไม่ได้ว่าใครนะ อิ อิ) ถ้าเราไม่ใช่คนกลุ่มนี้อย่าซีเรียสเลยครับ ผมเคยบ้าอยู่พักแต่ตอนนี้ปล่อยวางแล้วครับ(ไม่ได้ว่าใครนะ อิ อิ) ส่วนคำถามท่าน ผมว่าลองดูก็น่าจะดี ส่วนเพี้ยนใหมผมบอกว่าไม่ครับ เพราะลำโพงเป็นแสนเสียงที่ท่านได้สัมผัสอาจไม่ชอบเท่าลำโพงหลักพันก็เป็นได้(แต่ห้ามบอกราคาก่อนนะ อิ อิ) ง่ายๆเพราะเราชอบไม่เหมือนกัน ถ้าเรายังพอใจกับมันอยู่ก็อย่ายุ่งกับมันเลยครับ ไม่ได้บอกให้เชื่อนะแต่ศึกษาไว้ก็ดีครับ
Comment
-
--
Originally posted by chian View Postความคิดผมนะคับ ที่ต้องเบิร์นลำโพงส่วนมากจะเป็นคนหูทองครับ(ไม่ได้ว่าใครนะ อิ อิ) ถ้าเราไม่ใช่คนกลุ่มนี้อย่าซีเรียสเลยครับ ผมเคยบ้าอยู่พักแต่ตอนนี้ปล่อยวางแล้วครับ(ไม่ได้ว่าใครนะ อิ อิ) ส่วนคำถามท่าน ผมว่าลองดูก็น่าจะดี ส่วนเพี้ยนใหมผมบอกว่าไม่ครับ เพราะลำโพงเป็นแสนเสียงที่ท่านได้สัมผัสอาจไม่ชอบเท่าลำโพงหลักพันก็เป็นได้(แต่ห้ามบอกราคาก่อนนะ อิ อิ) ง่ายๆเพราะเราชอบไม่เหมือนกัน ถ้าเรายังพอใจกับมันอยู่ก็อย่ายุ่งกับมันเลยครับ ไม่ได้บอกให้เชื่อนะแต่ศึกษาไว้ก็ดีครับ
Comment
-
ผิดบอร์ดเปล่านี่ ??
การเบิร์นไม่ใช่เปิดเสียงดังครับ แต่เป็นการทำให้กรวยหดเข้าสุดแกนลำโพง(เสียงเบสต่ำๆ) และยืดออกสุด(เสียงแซ็คหร์เสียงแหลมๆ)ถ้าเพลงที่เปิดเสียงดนตรีไม่ครอบคลุมระหว่าง 20-20,000 เฮิรตซ์ (มันไม่มีอยู่แล้ว) ก็ไม่มีประโยชน์ต่อให้เปิดดังๆกลวยก็จะชักเข้าออกแค่ความถี่ที่ได้รับเท่านั้น โดยเพลงแบบใดที่ใช้เบิร์นตามที่บอกแหล่ะคับ เพลงสตริง หรือร็อคแบบปัจจุบันที่ฟังอยู่ไม่มีประโยชน์คับ ท่องไว้กรวยยืดเข้า-ออกให้มากสุดนั่นแหล่ะเบิร์น
Comment
Comment