เครื่องมือ
1.บัดกรี
2.ตะกั่ว
3.ทินเนอร์
อุปกรณ์โม
1.คาปาซิเตอร์ (ชนิด อิเล็กโทรไลต์) ตัวตั้งๆกลมๆนั่นเเหละ ซื้อได้ที่ บ้านหม้อ
ก่อนโม
1ควรถอดปลั๊กก่อน
2.ตรวจสอบตำแหน่งขาของตัวคาปาซิเตอร์
ขาลบ (จะมีแถบสีขาวๆหรือสกรีนบอกว่าลบ)
3.ก่อนถอดอุปกรณ์ตัวเก่าออกควรจดค่าของอุปกรณ์ให้ดี ว่ามีค่าเท่าไหร่ กับตำแหน่งขาให้ชัดเจน
4.ในขณะที่ใส่อุปกรณตัวใหม่เข้าไปควรถอดอุปกรณ์ตัวเก่าออกทีละตัว ป้องกันการสับสน ตรวจสอบ
ขาให้ดี ตรงแผ่นปริ้นซ์จะมีสีดำบอกนั้นคือตำแหน่งขาลบ
5.หลังจากที่ใส่อุปกรณ์ตัวใหม่เข้าไป อย่าลืมตรวจสอบอุปกณ์ทุกๆตัวให้ดีครับ อย่าใจร้อน
6.ล้างหลังจุดบัดกรี ด้วยทินเนอร์ให้สะอาด
7.ตรวจสอบจุดบัดกรีอีกครัง ว่าจุดบัดกรีสนิทกับลายปริ้นซ์ดีหรือเปล่า
ย้ำ
ระวังการสลับขั้ว
ใส่ให้ตรงโวลต์
1.คาปาซิเตอร์ (เอายี่ห้อดีๆหน่อย) อิเล็กโทรไลต์
มีลักษณะสังเกตุ คือ สีดำๆฟ้าๆหรือเขียวเข้ม จะกระจุกอยู่กับสายไฟ อันนี้จะมี อยู่ 3 ระดับแรงดัน
-12V ตัวอุปกรณ์จะสกรีนว่า 1000UF16V เพิ่มค่าเป็น 2200/16-5V ตัวอุปกรณ์จะสกรีนคำว่า 680 UF 10 V เพิ่มค่าเป็น 1000/10
-3.3 Vตัวใหญ่สีดำๆจอยู่ก่อนหน้า 470 UF 6.3V เพิ่มค่าเป็น 680/6.3อลูมิเนียมระบายความร้อน
คาปาซิเตอร์อีกตัว ที่สำคัญที่สุด จุดนี้จะเป็นไฟ 220V ครับ
ตัวที่ใหญ่ที่สุด อยู่หน้าแผ่นระบายความร้อน
ตัวอย่างเช่น 330UF200V เพิ่มเป็น 680 UF330V
ที่ต้องโมเนื่องจาก
เพาเวอร์เก่าๆน้ำยาที่อยู่ในตัวเก็บประจุจะแห้งเลยเกิดอาการเรียกว่าเก็บไฟไม่อยู่
สำรองไฟไม่ทันอุปกรณ์ เวลาที่ตัวอุปกรณ์เรียกใช้ FULL LOAD ก็จะมีอาการจอดับ
เนื่องจากอาการที่เรียกว่า สำรองไฟไม่ทัน กระแสไม่พอจ่าย
ถ้าหากท่านใดมีเทคนิคเชิงช่างอยู่บ้าง ก็ลองทำดูครับ
ถ้าหากท่านใดคิดว่าคุ้มไม่เท่าเสียก็ไม่ว่ากัน
ผมก็ทำอย่างนี้เป็นประจำกับคอมทุกเครื่องที่ประกอบ ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้มาหลายปีไม่มีปัญหาเลย
อาจจะเรียกว่าเป็นการยืดอายุเพาเวอร์ตัวเก่าของเราไปได้อีกนานครับ
ถ้าหากท่านใดไม่มีความชำนาญก็อย่าทำเลยครับ ซื้อเอาดีกว่าครับ แต่ถ้าท่านใดจะลองก็ไม่เสียหลาย
ไหนๆก็จะเปลี่ยนตัวใหม่แล้ว ขอทำเป้นความรู้ก็ฌไม่สงวนนะครับ
1.บัดกรี
2.ตะกั่ว
3.ทินเนอร์
อุปกรณ์โม
1.คาปาซิเตอร์ (ชนิด อิเล็กโทรไลต์) ตัวตั้งๆกลมๆนั่นเเหละ ซื้อได้ที่ บ้านหม้อ
ก่อนโม
1ควรถอดปลั๊กก่อน
2.ตรวจสอบตำแหน่งขาของตัวคาปาซิเตอร์
ขาลบ (จะมีแถบสีขาวๆหรือสกรีนบอกว่าลบ)
3.ก่อนถอดอุปกรณ์ตัวเก่าออกควรจดค่าของอุปกรณ์ให้ดี ว่ามีค่าเท่าไหร่ กับตำแหน่งขาให้ชัดเจน
4.ในขณะที่ใส่อุปกรณตัวใหม่เข้าไปควรถอดอุปกรณ์ตัวเก่าออกทีละตัว ป้องกันการสับสน ตรวจสอบ
ขาให้ดี ตรงแผ่นปริ้นซ์จะมีสีดำบอกนั้นคือตำแหน่งขาลบ
5.หลังจากที่ใส่อุปกรณ์ตัวใหม่เข้าไป อย่าลืมตรวจสอบอุปกณ์ทุกๆตัวให้ดีครับ อย่าใจร้อน
6.ล้างหลังจุดบัดกรี ด้วยทินเนอร์ให้สะอาด
7.ตรวจสอบจุดบัดกรีอีกครัง ว่าจุดบัดกรีสนิทกับลายปริ้นซ์ดีหรือเปล่า
ย้ำ
ระวังการสลับขั้ว
ใส่ให้ตรงโวลต์
1.คาปาซิเตอร์ (เอายี่ห้อดีๆหน่อย) อิเล็กโทรไลต์
มีลักษณะสังเกตุ คือ สีดำๆฟ้าๆหรือเขียวเข้ม จะกระจุกอยู่กับสายไฟ อันนี้จะมี อยู่ 3 ระดับแรงดัน
-12V ตัวอุปกรณ์จะสกรีนว่า 1000UF16V เพิ่มค่าเป็น 2200/16-5V ตัวอุปกรณ์จะสกรีนคำว่า 680 UF 10 V เพิ่มค่าเป็น 1000/10
-3.3 Vตัวใหญ่สีดำๆจอยู่ก่อนหน้า 470 UF 6.3V เพิ่มค่าเป็น 680/6.3อลูมิเนียมระบายความร้อน
คาปาซิเตอร์อีกตัว ที่สำคัญที่สุด จุดนี้จะเป็นไฟ 220V ครับ
ตัวที่ใหญ่ที่สุด อยู่หน้าแผ่นระบายความร้อน
ตัวอย่างเช่น 330UF200V เพิ่มเป็น 680 UF330V
ที่ต้องโมเนื่องจาก
เพาเวอร์เก่าๆน้ำยาที่อยู่ในตัวเก็บประจุจะแห้งเลยเกิดอาการเรียกว่าเก็บไฟไม่อยู่
สำรองไฟไม่ทันอุปกรณ์ เวลาที่ตัวอุปกรณ์เรียกใช้ FULL LOAD ก็จะมีอาการจอดับ
เนื่องจากอาการที่เรียกว่า สำรองไฟไม่ทัน กระแสไม่พอจ่าย
ถ้าหากท่านใดมีเทคนิคเชิงช่างอยู่บ้าง ก็ลองทำดูครับ
ถ้าหากท่านใดคิดว่าคุ้มไม่เท่าเสียก็ไม่ว่ากัน
ผมก็ทำอย่างนี้เป็นประจำกับคอมทุกเครื่องที่ประกอบ ตอนนี้ก็ยังใช้งานได้มาหลายปีไม่มีปัญหาเลย
อาจจะเรียกว่าเป็นการยืดอายุเพาเวอร์ตัวเก่าของเราไปได้อีกนานครับ
ถ้าหากท่านใดไม่มีความชำนาญก็อย่าทำเลยครับ ซื้อเอาดีกว่าครับ แต่ถ้าท่านใดจะลองก็ไม่เสียหลาย
ไหนๆก็จะเปลี่ยนตัวใหม่แล้ว ขอทำเป้นความรู้ก็ฌไม่สงวนนะครับ
Comment