Announcement

Collapse
No announcement yet.

รีวิว Yamaha MCR-840 !!! ขุมพลังล้ำลึก ใต้ความงามเรียบหรู

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • รีวิว Yamaha MCR-840 !!! ขุมพลังล้ำลึก ใต้ความงามเรียบหรู



    สำหรับ Yamaha ตัวนี้นั้น มีความโดดเด่นในเรื่องของการดีไซน์ที่เรียบหรู และวงจรภายในแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบและประกอบขึ้นมาด้วยชิ้นส่วนชั้นดี เพื่อสร้างคุณภาพเสียงที่สุดยอด ออกมาตอบสนองความต้องของบรรดา Audiophile ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รีวิวอันนี้จะเน้นหนักไปทางเสียงซะส่วนใหญ่นะครับ สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ของ MCR-840 มีดังต่อไปนี้

    Yamaha MCR-840 Micro Component System (PianoCraft)
    • ภาคแอมป์ขยายให้กำลังขับสูงสุด 65 วัตต์ x 2 แชนแนล
    • โปรแกรมสถานีวิทยุ FM 30 สถานี
    • ใช้งานกับ iPod หรือ iPhone พร้อมชาร์จไฟ
    • ช่องต่อสัญญาณภาพ HDMI
    • เล่นแผ่น DVD, CD, ไฟล์ MP3, JPEG, WMV, WMA
    • ช่องต่อ USB
    • ช่องต่อหูฟัง
    • ลำโพง 2 ทาง ระบบ Bass-reflex ตัวตู้ลำโพงมันวาวเหมือนเปียโน (Piano Finished)
    • ช่องต่อซับวูฟเฟอร์ (แนะนำอุปรณ์เสริม ลำโพงซับวูฟเฟอร์ YST-SW015)




    Receiver
    Output Power/Channel (6 ohms, 1 kHz, 10% THD)
    65 W + 65 W

    Total Harmonic Distortion(CD to Sp Out, 20 Hz-20 kHz)
    0.04% (20 Hz 20 kHz, 30 W / 6 )

    Dynamic Power/Channel (6/4/2 ohms)
    75 W / 100 W (4 / 2 )

    Dimensions (W x H x D)
    215 x 110 x 348 mm

    Weight
    5.7 kg

    CD / DVD Player
    Harmonic Distortion + Noise (1 kHz)
    0.003%

    Signal-to-Noise Ratio (1 kHz)
    100 dB

    Dynamic Range
    100 dB

    Dimensions (W x H x D)
    215 x 108 x 318 mm

    Weight
    2.8 kg

    Speaker System
    Woofer
    13 cm cone woofer

    Tweeter
    2.5 cm dome tweeter

    Input Power (Max/Nominal)
    110 W / 60 W

    Frequency Response
    55 Hz to 28 kHz (-10 dB)

    Dimensions (W x H x D)
    176 x 318 x 305 mm

    Weight
    4.3 kg / unit


    ราคา 23,900 บาท / ชุด (รวม VAT 7%) (ราคาอ้างอิงจากเว็บ Yamaha.co.th)


    ด้วยการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์หลัก PianoCraft ทำให้ภาพรวมของเครื่องออกมาไฮโซหรูหรา ตรงกันข้ามกับสถานะคนรีวิวซะจริง ๆ ว่าแล้วเราค่อย ๆ มาไล่ดูไปทีละส่วนกันเลยดีกว่า

    เริ่มจาก Main Unit ก่อน ประกอบไปด้วย Integrated Amp. และ Player ทำมาจากอะลูมิเนียมสีเงินแวววับ
    มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมแข็ง ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความหรูหราประณีต

    หน้าตา DVD Player แบบใกล้ ๆ หน้าปัดและปุ่มควบคุมต่าง ๆ ถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
    ไม่ยั้วเยี้ยสับสน ไม่ต้องกลัวว่า ผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการที่บ้าน) จะบ่นว่าใช้งานยากแน่นอน


    ภาพหน้าปัดขณะทำงาน บอกรายละเอียดแบบสั้น ๆ อาจต้องดูคู่มือสักนิดเพื่อที่จะเข้าใจว่าส่วนไหนบอกถึงอะไร

    ส่วนหน้าของ Amp มีองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกับ Player แต่ค่อนข้างจะเยอะกว่านิดหน่อย
    อย่างไรก็ตามมันก็ยัง User-Friendly มาก ๆ อยู่ดี


    หน้าตาของรีโมทควบคุมก็ยังสวย แบ่งส่วนในการใช้งานไว้อย่างชัดเจน


    ด้านบนจะมี iPod, iPhone Docking โดยมีฝาปิดกันฝุ่นมาให้อย่างดี


    ภาพขณะที่เอาฝาปิดออกเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งาน


    เมื่อเสียบใช้งานก็จะมีลักษณะแบบนี้ ดูกลมกลืนกันไปซะทุกอย่าง


    งาน Finished แบบ PianoCraft คือการนำไม้แบบเดียวที่ใช้กับในการผลิตเปียโนมาเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ยังเป็นตัวการัณตีถึงความปราณีตในการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ อีกด้วย ว่าทาง Yamaha นั้นใส่ใจทุกรายละเอียดขนาดไหน

    มาดูที่ลำโพงกันบ้าง PianoCraft มันงามแบบนี้นี่เอง สัมผัสได้เลยว่าเค้าตั้งใจทำสุด ๆ
    ไม่ใช่แค่เอาชิ้นส่วนมาแปะ ๆ ๆ ไว้เฉย ๆ แน่นอน


    ส่วนหน้ากากเป็นแบบแม่เหล็ก ทำให้สะดวกต่อการถอด-ติด เป็นอย่างมาก
    หมดห่วงเรื่องอาการหลวมของช่องเสียบหน้ากากได้แน่นอน

    Bass Reflex Speaker เป็นชื่อเรียกทางเทคนิคของลำโพงตัวนี้ สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการ Hi-Fi ก็จะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ขออธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า มันคือชื่อเรียกลำโพงที่มีท่อ reflex เสียงย่านความถี่ต่ำที่ถูกขับออกมาจาก woofer (ดูรูปด่านล่างประกอบครับ) หรือเรียกกันอีกแบบว่ามันเป็นลำโพงแบบเปิด แล้วปิดกับเปิดดีกว่ากันยังไง ?? แบบเปิดนั้นจะให้เสียงเบสที่ชัดเจนหนักแน่นครับ เนื่องจากมีท่อคอยส่งออกมา แต่ก็จะมีข้อจำกัดว่าเราต้องไม่วางลำโพงในตำแหน่งที่จะทำให้ท่อ reflex อยู่ชิดกับผนังมากเกินไป มิฉะนั้นแล้วจะทำให้เบสที่ออกมาเป็นเบสที่บวมได้ครับ




    จบจากเรื่องดีไซน์เรามาดูในส่วนของช่อมเชื่อมต่อต่าง ๆ ที่มีใน MCR-840 ตัวนี้ดีกว่า


    นี่คือบริเวณด้านหลังของทั้งตัว Player และ Amps ครับ
    (ด้านบน Amps ด้านล่าง Player)


    มาดูที่ Player กันก่อน ประกอบไปด้วยช่องหลัก ๆ อย่าง HDMI-out, AV และ Optical สำหรับปล่อย
    Digital Audio out โดยช่องที่ไม่คุ้นตาเราก็คือ System Connector ที่ใช้ในการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานคู๋กับ Amps


    ถัดมาที่ Amps ก็จะมีช่องพื้นฐานดังภาพครับ จะเห็นได้ว่าทำมารองรับการใช้งานกับ Subwoofer ด้วย


    ภาพขณะเชื่อมต่อสายสัญญาณต่าง ๆ เข้ากับช่องเสียบ


    การเชื่อมต่อแบบมาตรฐานเลยก็จะมีการเสียบ Audio-out ให้ผ่านไปยัง Amps
    และเสียบ System Connector เพื่อให้ Amps สามารถควบคุม Player ได้


    การเชื่อมต่อลำโพงเข้ากับชุดนี้จะเป็นแบบเปลือย คือต้องหมุนให้ขั้วทองแดงชิดซึ่งกันและกัน
    ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้จะให้อิสระในการเลือกใช้สายสัญญาณที่ดีขึ้น เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียง



    มาถึงจุดเด่นสำคัญกันแล้วนะครับกับเรื่องของเสียง อย่างที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้นว่าเจ้า MCR-840 ได้รับการดีไซน์วงจรภายในมาอย่างดี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเสียงให้อยู่ในระดับแนวหน้าท่ามกลางบรรดา Micro Component ด้วยกัน แต่ก่อนอื่นนั้น อยากให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า การวิจารณ์ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความรู้สึกส่วนตัวของผมเอง ซึ่งไม่ค่อยจะฟัง Audiophile สักเท่าไร แต่ก็พอจะแยกออกระหว่างคำว่า "ดังไพเราะ" กับ "ดังน่ารำคาญ" ได้ครับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากแน่ใจจริง ๆ ก็อยากให้ไปฟังด้วยตัวท่านเองดีกว่าครับว่าชอบลักษณะเสียงที่ได้จากเจ้าตัว นี้จริงหรือเปล่า... ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเลยครับ


    สำหรับตำแหน่งการวางลำโพงในช่วงการทดสอบนั้นจะมีลักษณะแบบนี้ครับ
    ***งจากผนังด้านหลังพอประมาณเนื่องจากลำโพงตัวนี้เป็น Bass Reflex ที่ยิงลมออกทางด้านหลังครับ
    ถ้าวางไว้ใกล้เกินไปอาจจะทำให้เสียงเบสที่ได้มีอาการบวมครับ

    EQ เดิม ๆ (ลูกบิด Bass Treble) จากโรงงานมีลักษณะแบบนี้ครับ ไม่ใช่ว่าเราปรับขึ้นเองนะ

    CD audio test
    การทดสอบเราก็ควรจะเริ่มจากอะไรที่มันเป็นพื้น ๆ เดิม ๆ กันก่อนนะครับกับไฟล์เสียงที่มีคุณภาพสูงที่สุดซึ่งก็คือการเล่นเพลงจากแผ่น CD ตรง ๆ นั่นเอง เป็นการทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันระหว่าง Amps กับ Player ว่าจะแสดงอำนาจในการขับเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือเปล่า



    ส่วนหนึ่งของแผ่นที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ครับ คุ้นหน้าคุ้นตากันทีเดียว



    เริ่มต้นด้วยการบรรจงใส่แผ่นเพลงฟังสบาย ๆ บวกกับน้ำเสียงหวานซึ้งของ Olivia กันก่อนครับ เมื่อเสียงเพลงเริ่มบรรเลงนั้น ทางทีมงานเกือบทุกคนในออฟฟิศเรียกได้ว่าตกอยู่ในภวังค์กันทันที น้ำเสียงที่ถูกขับออกมามีความชัด ใส สะอาดอย่างที่แนวเพลงแบบนี้ควรจะเป็น เสียงเครื่องดนตรีถูกแยกออกจาก เสียงร้องหวาน ๆ อย่างหมดจด โดยไม่ทิ้งมิติของเบสที่สะท้อนอยู่ลึก ๆ ในบทเพลง...



    พื่อความลื่นไหลในอารมณ์ครับเราก็ต้องฟังอะไรที่มันหวาน ๆ ต่อ กับ Kenny G คุณลุงเทพเจ้าแซ็กโซโฟนของเรา เลือกเป็นอัลบั้ม Love Ballads มาฟังละกัน ผลที่ได้รับก็คือ " หลับ " เลยครับ มันนุ่มนวลฟังสบายซะจนอยากจะลองนอนจินตนาการอะไรเรื่อยเปื่อย แต่เนื่องจากการหลับในเวลางานอาจนำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของเงินเดือนเรา จึงทำได้เพียงแค่มองไปที่ว่าง ๆ แล้วจินตนาการแทนครับ แหะ ๆ

    อย่างที่รู้ ๆ กันนะครับว่า Soprano Saxsophone นั้นเป็น Sax ที่เสียงแหลมที่สุดในบรรดาเครือญาติของมัน หากว่า System ของเรานั้นมีความแหลมชัดเกินจำเป็นล่ะก็ อาจส่งผลให้เกิดอาการแซ็กบาดหูในช่วงของเมโลดี้ที่มัน peak มาก ๆ ก็เป็นได้ แต่กับ MCR-840 แล้วผมคิดว่าหมดกังวลเลยครับ ช่วงความแหลมกำลังพอดี ไม่เสียดแก้วหู หรือแยงโสตประสาทจนเกินไป ทำได้ดีครับสำหรับการฟังเพลงแนวหวาน ๆ ที่มีความเด่นของเมโลดี้สูง MCR-840 นำเสนอตัวตนออกมาได้อย่างเหมาะสม ให้อิมเมจเหมือนเราอยู่ท่ามกลางภูเขากว้างใหญ่ในช่วงเช้ามืดของวันอากาศดี ๆ ลมเย็นสบายมีสายหมอกมาโดนตัวยังไงอย่างนั้นเลย

    จบจากช่วงความหวานกันไปแล้วนะครับ ต่อจากนี้มาเข้าสู่ช่วงตื่นเต้นกันดีกว่าครับ เร่งจังหวะขึ้นอีกสักหน่อยกับแผ่น Percussion ระดับเทพของ Brent Lewis ที่มีชื่อว่า Rhythm Basket หลายคนที่เล่นเครื่องเสียงคงจะคุ้นหูกันเลยใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นแผ่นที่จะทดสอบความสามารถในการกระจาย stage และ impact ของเสียงเบสได้เป็นอย่างดี

    เริ่มฟังก็รู้เลยครับ ว่าลำโพงคู่นี้ทำได้มากกว่าปล่อยเสียงหวาน ๆ แน่นอน Stage ของเครื่องเคราะชนิดต่าง ๆ ถูกกระจายวางตัวกันอย่างเหมาะสม พร้อมกับความหนักแน่นของเสียงมือกระทบหนังกลองก็เด่นชัด น้ำหนักมวลรวมถูกสานต่อถ่ายทอดออกมาได้อย่างดี ถ้าหลับตาแล้วฟังล่ะก็จะเหมือนกับมีวง Percussion ขนาดใหญ่มาบรรเลงอยู่ด้านหน้าเราเลยทีเดียว ด้วย Stage ที่แผ่กว้างออกไปและเปิดโปร่ง

    เร่งจังหวะให้เร็วและรุนแรงขึ้นไปอีกกับเพลงแนว Rock Metal เพื่อให้ Bass Reflex Speaker ของเราสำแดงอานุภาพได้อย่างเต็มที่ พอเริ่มฟังเพลงรุนแรงอย่าง The Root of All Evil จากวงดนตรีมฤตยู Dream Theater ก็บอกได้คำเดียวว่ามันตึ้บ อย่างที่ควรจะตึ้บอ่ะครับ มันไม่ตึ้บพร่ำเพรื่อ ได้ความรู้สึกเบสผู้ดีมาก เพราะมันสะอาด ไม่หม่นแฉะติดกันเป็นแพ หรือบวมบานสะท้านโลกาจนเกินไป กีต้าร์และเครื่องดนตรีต่าง ๆ ก็ชัดเจนอย่างที่ควรจะเป็น

    ลงจังหวะมาเป็นเพลงร็อคทั่วไปอย่างพวก Oasis, U2, 30 Seconds to Mars ก็ทำได้ดีครับ ความชัดเจนถูกนำไปเติมแต่งให้กับเสียงร้องและเมโลดี้ได้อย่างลงตัว เสียงจากสแนร์มีความคม และแน่นอน เครื่องเคาะโลหะก็ถูกขัดจนมันวาว ฟังแล้วรู้ว่าเป็นโลหะทองเหลือง ไม่ใช่กะละมังสังกะสี ถึงแม้จะไม่ได้ความสนั่นสั่นสะเทือนแบบ System ที่มี Subwoofer แต่ MCR-840 ได้ในเรื่องของความหนักแน่นและพอดีไปเต็ม ๆ



    จบจากการฟังจากแผ่นกันไปแล้ว เราก็จะมาต่อในเรื่องของการอ่านไฟล์เสียงจาก USB และการใช้งาน iPod / iPhone Docking กันนะครับ ว่าจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดไหน โดยรูปแบบไฟล์ที่รองรับจากการเล่นผ่าน USB นั้นได้แก่ MP3, WMV, MPEG-4 AAC และ WMA ครับ



    เป็นที่น่าเสียดายนะครับที่ไม่สามารถอ่านไฟล์ Lossless อย่าง WAV ได้ทั้งที่เป็นไฟล์ที่พื้นฐานสุด ๆ ในส่วนของเพลงที่จะใช้เปิดด้วย MP3 นั้นจะเป็นไฟล์ที่ผมได้ทำการ Rip จากแผ่นแท้ทุกไฟล์นะครับโดยคุณภาพจะอยู่ที่ 320 kbps 44 kHz ตลอด แนวเพลงก็จะไล่กันตั้งแต่ Acoustic ธรรมดา ยัน Metal ลืมตาย ทั้งไทยและเทศเอาให้ครบเหมือนกับที่ทดสอบจากแผ่น CD เช่นกัน

    เริ่มทดสอบด้วยเพลง Acoustic ก่อนเลย เสียงที่ได้รับยังคงความเป็นกลางได้เป็นอย่างดี เบสก็อยู่ในระดับที่ไพเราะเช่นเคย ถึงแม้ความแหลมจะไม่กรุ๊งกริ๊งเหมือนเล่นจาก CD ก็ตามที แต่การที่สามารถขับไฟล์แบบ lossy ให้ออกมาเป็นระดับนี้ได้นี่นับว่าเจ๋งมาก ๆ ทดสอบต่อกับจังหวะที่เร็วขึ้นจากเพลงแนว Pop ทั่วไป และ Indy ที่เป็นที่นิยมในบ้านเรากัน ผลก็ออกมาแน่นอนครับ เสียงร้องชัดเจนฟังสบายมีความอิ่มในตัว เสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ถูกเรียบเรียงออกมาอย่างเหมาะสม ผสานกับ Stage ที่น่าทึ่งจาก MCR-840 ทำให้มันเหมาะกับการฟังเพลงตลาดทำงานชิว ๆ ไปได้อย่างไม่มีที่ติเลย

    เปลี่ยนอารมณ์ให้รุนแรงกับเพลงร็อคในยุค 70 ถึง 90 ที่เต็มไปด้วยความดิบของเมโลดี้ อย่าง Aerosmith, Gun'n Roses, หรือ Bon Jovi เสียงกีต้าร์ที่คำรามออกมากลืนกันได้อย่างลงตัวกับเครื่องเคาะต่าง ๆ ฟังแล้วเข้าถึงตัวตนของวงนั้น ๆ เสียงร้องที่แหลมสะท้านโสตประสาทก็มาด้วยความพิถีพิถันฟังแล้วงดงาม ไม่รำคาญแก้วหู เมื่อขยับความแรงขึ้นไปในระดับ Metal อย่าง Slipknot, Avenged Sevenfold และ Metalica สิ่งแรกที่ประทับใจก็คือเม็ดกระเดื่องครับ มีความเป็นตัวตนอย่างพอดี ฟังแล้วกระชับรวบรัด แต่อาการเบสบวมเริ่มถามหานิด ๆ เหมือนกันในการฟังแนวนี้ โดยเราอาจจะแก้ไขโดยการยอมปรับ Treble ขึ้นซักหน่อยประมาณ บ่าย 2 แล้วลด Bass ลงมาตามแต่คนชอบเลยครับ ก็จะได้เสียงที่อยู่ในโทนพอดี




    มาดูกันที่อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ยุคสมัยนี้เครื่องเสียงขนาดเล็กรุ่นใหม่ ๆ รุ่นไหนไม่มีเรียกได้ว่าเชย อย่าง iPod / iPhone Docking โดยจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดกับ iPod ครับ ตามที่ระบุไว้ข้างกล่อง แต่ท่านที่มี iPhone ไม่ต้องเสียใจนะครับ เราสามารถเสียบใช้งานได้เช่นเดียวกัน แต่หน้าจอจะแสดงว่าไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ iPhone ทำให้อาจจะมีสัญญาณรบกวนจากคลื่นโทรศัพท์ได้ ซึ่งการตั้งค่า iPhone ให้เป็น Flight Mode ก็จะช่วยแก้ไขในกรณีนี้ได้ครับ

    เมื่อลองเสียบใช้งานก็พบว่าทุกอย่างลื่นไหลครับ ทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด สามารถใช้ Remote ของ MCR-840 ควบคุมการทำงานได้อย่างไม่ติดขัด(อ่านวิธีการใช้จากคู่มือ) ในเรื่องของคุณภาพเสียงส่วนตัวผมคิดว่าไม่ต่างจากการเล่นผ่าน USB เลยครับ ได้อารมณ์ที่เท่ากัน เว้นแต่เราจะปรับ EQ ที่ iPod ของเราก็จะได้รูปลักษณ์ของเสียงที่ต่างออกไปครับ โดยระหว่างการเสียบเล่นนั้นจะเป็นการชาร์จไฟไปในตัวด้วย ฟังเพลงไป รอชาร์จแบตไปชีวิตมีความสุขจริง ๆ ครับ




    มาถึงการทดสอบในส่วนสุดท้ายกันนะครับ กับในส่วนของภาพซึ่ง MCR-840 สามารถ Up Scale ขึ้นเป็น 1080p ได้โดยการตั้งค่าต่าง ๆ ก่อนที่จะใช้งาน ทางทีมงานจะทดสอบกับ Concert และภาพยนตร์ทั่วไปนะครับ ว่าแล้วก็มาดูกันเลยดีกว่าครับ


    เริ่มจาก Concert กระหึ่มเมืองไทยกับ Bodyslam live in คราม ที่คุณ Tony เพิ่งถอยมาสด ๆ ร้อน ๆ
    ภาพพี่ตูนจากการ Up Scale อยู่ในเกณฑ์ที่โอเคครับ มี Noise รบกวนบ้าง


    ในฉากที่มืด ๆ ก็ทำออกมาได้โอเคครับ สามารถใช้ดูกันแบบเพลิน ๆ ได้ถ้าไม่จริงจังอะไร


    เปลี่ยนมาเป็นภาพยนตร์สว่าง ๆ กันบ้างกับเรื่อง Push อภินันทนาการจากคุณโรมันครับ


    ภาพที่ได้ก็สวยงามขึ้นครับ ชัดเจนแจ่มแจ้ง มี Noise บ้างแต่อย่าใส่ใจครับดูไกล ๆ ก็ไม่เห็นแล้ว

    สรุปเรื่องภาพ
    MCR-840 นั้นส่วนตัวผมคิดว่า น่าจะออกแบบมาเน้นไปที่การฟังเพลงมากกว่าการนำมารับชมภาพยนตร์อยู่มาก ๆ โดยสังเกตุจากผลที่ได้ครับ ผมคิดว่าถ้าเรามี Player ดี ๆ อยู่แล้วล่ะก็จะเห็นความแตกต่างกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะขี้เหร่ซะทีเดียว ถ้าคุณเป็นคนไม่จริงจังในเรื่องของภาพมากจนเกินไป คุณก็แค่ลืม ๆ ไป แล้วสนใจสิ่งที่รับชมอยู่ก็พอครับ


    จากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมานะครับ จะเห็นได้ว่า MCR-840 นั้นมันเกิดมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านเสียงดนตรีจริง ๆ ด้วยลักษณะเสียงสะอาดงามแบบไฮโซ อิ่มแน่น เป็นกลาง ที่ถูกกลั่นออกมาจากวงจรที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีรวมไปถึง DAC คุณภาพสูง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งความหนักหน่วงจนเกินไป ทำให้ทีมงานของเราประทับใจเรื่องเสียงกันเป็นอย่างมากครับ ถึงขนาดที่ว่าคุณ Roman แห่ง LCDTVTHAILAND เตรียมที่จะซื้อมาไว้ที่ห้องนอนกันเลยทีเดียว
    สำหรับข้อตินิดหน่อยก็น่าจะเป็นในเรื่องของการที่ไม่สามารถอ่านไฟล์นามสกุล WAV ได้จาก USB ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายพอสมควรในกรณีที่เราต้องการจะรักษาแผ่น CD ที่มีค่าของเราไว้โดยการ Rip ลงเครื่อง แล้วใช้การเล่นผ่าน USB แทน อย่างไรก็ตามเราอาจจะลงใส่ไว้ใน iPod / iPhone แทนได้ครับ ถือว่าแก้ขัดกันไป

    ข้อดี
    - คุณภาพเสียงสุดแจ่มที่ให้ความสะอาด และชัดเจน โดยไม่ทิ้งความหนักหน่วง
    - รูปลักษณ์การดีไซน์ลำโพงแบบ PianoCraft ช่วยให้ดูหรูหราสวยงาม
    - มี iPod / iPhone Docking รองรับการใช้งานสำหรับคนที่มีไลฟสไตล์ทันสมัย
    - การเชื่อมต่อลำโพงด้วยสายแบบเปลือย ทำให้รับสัญญาณได้เต็ม ๆ และง่ายต่อการหาซื้อสายใหม่
    - วงจรภายใน Int. Amps ทีออกแบบมาอย่างดี ช่วยเพิ่มเนื้อเสียงให้อย่างน่าประทับใจ

    ข้อเสีย
    - ไม่รองรับการเล่นไฟล์ WAV ผ่านทาง USB
    - การ Up Scaling ภาพไปเป็น 1080p ให้คุณภาพไม่สูงนัก
    - วัสดุลำโพงเป็นมันเงา ทำให้ยากต่อการดูแลรักษา
    - Docking ไม่ได้ออกแบบมาจำเพาะสำหรับ iPhone ทำให้เสียงมีโอกาสโดนรบกวนจากคลื่นโทรศัพท์ ขณะใช้งาน


    ที่มา : hdplayerthailand

  • #2
    สวยครับ
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เอามาฝาก ครับ

    Comment


    • #3
      สวยมากคับ

      Comment


      • #4
        สวยงามจริงๆ...

        Comment


        • #5
          รุ่นนี้ผมเคยไปลองที่ powerbuy บอกตามตรงเอาเงินไปซื้ออย่างอื่นดีกว่า

          Comment


          • #6
            หรู

            Comment


            • #7
              รุ่นนี้ตอนเสียบกับ iPod มันทำหน้าที่เป็น Transporter ให้ด้วยไหมครับ หรือว่าดึง Audio out ออกไปเฉยๆครับ

              Comment


              • #8
                Originally posted by FolkTrance View Post
                รุ่นนี้ตอนเสียบกับ iPod มันทำหน้าที่เป็น Transporter ให้ด้วยไหมครับ หรือว่าดึง Audio out ออกไปเฉยๆครับ
                ใช่ครับ มันสามารถควบคุม iPod จากรีโมทของ MCR-840 ได้เลย

                Comment

                Working...
                X