Announcement

Collapse
No announcement yet.

D.I.Y.ตอน เครื่องขยายเสียง

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #46
    ขอบคุณทั้ง2คนครับ ที่มาเสริม+แก้ให้

    ตามในรูปวงจรที่คุณ วาดมา
    เรียกแมวก็ได้ครับ ชื่อในเน็ตมันอาจจะยาวไปหน่อย

    ส่วน ผลไม่ดีที่อาจจะเกิดขึ้นได้ คือ เมื่อเอา C คร่อม C-E ของ tr ในจุดนี้ ตามในรูปวงจรที่คุณ วาดมา
    ถ้าแบบcต่อคร่อมไฟ+ กับกราวน์ แล้วก็ อีกตัว ต่อคร่อมไฟลบกับกราวน์
    ถ้ามองในมุมมองไฟ+-แล้ว มันก็เหมือนc2ตัว ต่ออนุกรมกัน แล้วคร่อม+- อยู่แล้วนิ

    หรือเพราะยังงี้ เวลาใช้ c ค่ามากทำภาคจ่ายไฟ เลยด้อยเสียงแหลมกว่าc ค่าน้อย
    Last edited by ManiacMaew; 15 Apr 2012, 15:49:15.

    Comment


    • #47
      Originally posted by dracoV View Post

      >>r3(r feedback) ต่อได้ทั้งหน้าและหลัง r5(r out put)

      R5(Output) ต่อหน้าหรือหลัง จะมัผลกับการเลื่อนของเฟส ต่างกันครับ เพียงแค่ R Output ค่าน้อยๆ ผลกระทบก็ไม่มากมายอะไรนักครับ
      ขอบคุณมากครับ ....

      Comment


      • #48
        ค่าความต้านทาน มันจำกัดปริมาณกระแส
        อย่างcmoy ใช้R spillter 4.7k ถ้าแบต9v
        สมมุติว่าโหลดดึงกระแสเต็มที่เลย Rload=0
        เข้าohm lawV=I*R
        V=I*(Rspllitter+Rload)
        9=I*(4700+0)
        I=9/4700ได้ประมาณ0.0019A หรือ 1.9mA
        ลองนึกดูดีๆครับ กระแส1.9mA กระแสแค่นี้ไอซีออปแอมป์(ที่เป็นโหลด)ไม่สามารถทำงานได้น่ะ
        ( นึกออกละ 1.9mAที่ได้จากการคำนวน มันเป็นค่าที่ถูกใช้และสูญเสียโดยตัวR )

        ลองดูครับ
        > วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้า
        > Voltage divider


        ที่เห็นทำๆ กันtle2426 มันจ่ายกระแสได้มากกว่า R spillter ในวงจรที่ทำกัน(สำหรับพกพาที่เห็นวงจรตามเน็ตอ่ะน่ะ)
        ที่เค้าเลี่ยงไม่ใช้แบบRกัน เพราะ
        - ใช้Rแล้วมันกินไฟจากแบตมากไป ทำให้แบตหมดเร็วขึ้น
        - อัตราการจ่ายกระแสก็ไม่นิ่ง เพราะ มันเปลี่ยนไปตามค่าR ซึ่งRพอตัวมันอุณหภูมิเปลี่ยน ค่าก็เปลี่ยนตาม
        Last edited by keang; 15 Apr 2012, 16:40:50.

        Comment


        • #49
          Originally posted by ManiacMaew View Post
          ขอบคุณทั้ง2คนครับ ที่มาเสริม+แก้ให้



          เรียกแมวก็ได้ครับ ชื่อในเน็ตมันอาจจะยาวไปหน่อย



          ถ้าแบบcต่อคร่อมไฟ+ กับกราวน์ แล้วก็ อีกตัว ต่อคร่อมไฟลบกับกราวน์
          ถ้ามองในมุมมองไฟ+-แล้ว มันก็เหมือนc2ตัว ต่ออนุกรมกัน แล้วคร่อม+- อยู่แล้วนิ

          หรือเพราะยังงี้ เวลาใช้ c ค่ามากทำภาคจ่ายไฟ เลยด้อยเสียงแหลมกว่าc ค่าน้อย
          --- ครับ ---

          C 1ตัวคร่อม กับ C 2ตัวต่ออยู่กับกราวด์ ไม่เหมือนกันครับ ผลต่างกันมากเลย
          กราวด์จะมี common mode rejection ครับ และมี Impedance ต่ำ(ต่ำสุดในวงจร)
          ก็พอจะมีผลจากการกระเพื่อมของกราวด์อยู่บ้าง(ไม่มากนัก) ก็ขึ้นกันวงจรว่าออกแบบแล้วมี CMRR สูงหรือไม่
          และ C 2ตัวต่อชิดกันเลยหรือไม่ด้วยน่ะครับ ถึงจะมีผลบ้าง

          -----------------------------------
          ขอเพิ่มเติมนึด กับ การใช้ R ทำ voltage divider เพื่อสร้าง Virtual ground กับใช้ TLE2426

          R จะทำให้ source/sink ได้มากกว่า หรือน้อยกว่า TLE2426 ก็ได้น่ะครับ ก็ขึ้นกับเลือกค่า R 2ตัว
          แต่จุดด้อยหลักๆเลยคือความเสถียร จะค่อนข้างต่ำ และความแม่นยำในการแบ่งโวลท์ต่ำหน่อย
          ซึ่งจะส่งผลให้กราวด์แกว่ง และกินไฟมาก คือถ้าต้องการ กระแสสูงขึ้น สเถียรสูงขึ้น ก็ต้องใช้ R ค่าน้อยลง
          และก็ต้องระวังการต่อวงจรกับ virtual ground ไม่ให้มี R หรือความต้านทานใดๆที่มีค่าไม่มากนัก
          มาต่อระหว่างไฟ(+-)กับvirtual ground เพราะจะไปขนานกับ R ที่ทำเป็น voltage divider ได้
          ข้อดีคือทำง่าย ราคาถูก ใช้ได้ในวงจรที่ไม่ต้องการความสเถียร/แม่นยำมากนัก

          จริงๆแล้ว TLE2426 นี่ก็ source/sink กระแสได้ไม่มาก ไม่เกิน 30mA น่ะ
          แต่มันจะสเถียรและกินไฟน้อยกว่าใช้ R มาก การใช้งานส่วนใหญ่จะใช้ TLE2426 ร่วมกับ buffer อีกที
          ง่ายสุดก็ TLE2426 + BUF634 หรือเอาถูกหน่อยก็ TLE2426 + OP-amp กระแสสูงครับ
          หรือTLE2426 + discrete buffer ก็ได้ แต่ก็จะซับซ้อนขึ้นน่ะ
          Last edited by dracoV; 15 Apr 2012, 16:19:03.

          Comment


          • #50
            ถามด้วยครับสงสัยมานาน


            ทำไมวงจรหลอด ต้องเอา R ตัดไฟ ขา Triode
            อย่างด้านบน ไฟเข้า ขา Triode 140V
            ทำไมไม่ใช้ ไฟ 140 เข้า เลย แต่เป็น 270 แล้วเอา R มาตัดไฟ
            ------------
            (ดูๆไปถึงบางอ้อแล้ว น่าจะพอเข้าใจแล้ว อยู่ที่เราจะใช้ไฟเข้า ขา Triode เท่าไหร่ )
            Last edited by tiger X-fi; 15 Apr 2012, 16:25:57.

            Comment


            • #51
              Originally posted by ManiacMaew View Post
              รอก่อนน่ะ


              ---------

              แก้การบ้านไปหลายรอบมาก แล้วก็กลับมาส่ง ช่วยตรวจกันหน่อย

              schematic เหนื่อย- -" ค่อยเขียน
              เป็นคนทำอะไรตลก วาดpcbก่อนแล้วค่อยเขียนschematic

              -อันนี้ยังไม่มีc outputเหมือนเดิม เพราะตัวทดลองใน4coreก็ไม่มีc out putก็ทำงานได้ปรกติ
              ตัวheed canamp เองวงจรคล้ายกันก็ไม่มีc output ไม่ค่อยอยากจะใส่ด้วย

              -ภาคจ่ายไฟopampแบบzener+tr trใช้2n2907กับ2n2222 ตัวเล็กดี +หาไม่ยากก็ได้ตัวถังเหล็กแล้ว

              -ใช้ 2sd882 ทำ buffer (มันเหลือเยอะ จนแจกได้เลย ใครจะทำก็มาเอา จะใช้เบอร์อื่นก็ดัดแปลงเอาให้ขามันตรงกัน)
              ทำbias ด้วย Lm337

              -เพิ่ม ขนาดheatsinkจากเดิมจะได้bias ได้มากขึ้น แลกมากับfeed back loopที่ยาวขึ้น(ทำใช้เองคงไปบัดกรีที่ขาic)

              -เพิ่มc ต่อคร่อม ขาcollectorกับ baseของ 2sd882 ลดอาการ miller
              อ้างอิงคุณfatnomore
              http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...oup=1&gblog=20
              ทดลองบน4coreแล้วก็ค่อนข้างได้ผลดี

              -C ในชุดRที่ต่อinputลบลงกราวน์ เพื่อที่ไว้ทำbipolar และก็เพื่อที่ไว้สำหรับต่อRลงตรงๆ สำหรับคนไม่อยากใส่c
              รบกวนหน่อยนะครับขอบคุนครับ

              Comment


              • #52
                Originally posted by tiger X-fi View Post
                ถามด้วยครับสงสัยมานาน


                ทำไมวงจรหลอด ต้องเอา R ตัดไฟ ขา Triode
                อย่างด้านบน ไฟเข้า ขา Triode 140V
                ทำไมไม่ใช้ ไฟ 140 เข้า เลย แต่เป็น 270 แล้วเอา R มาตัดไฟ
                ไม่ใช่ตัดไฟครับ R plate จะใช้กำหนดกระแส plate ซึ่งจะเป็นเท่าไหร่ก็ดูจาก load line graph ใน datasheet
                แล้วมาคำนวณอีกที ส่วนvolt ที่ลดลง ก็คือเกิดจากแรงดันย้อนกลับ/โวลท์ตกคร่อม จากการทำงานของหลอดครับ

                มองคร่าวๆให้เข้าใจง่ายๆก็มองหลอดเป็น R อีกตัวนึง พอมาต่อกับ R plate ก็จะคล้ายเป็น Voltage divider น่ะครับ
                ค่าVoltที่ได้ ก็ขึ้นกับจุดที่วัดน่ะครับ

                --------------------------------
                เพิ่มไว้ให้อ่านเล่นกันยามว่าง
                <<How Vacuum Tubes Work>>
                Last edited by dracoV; 15 Apr 2012, 16:35:24.

                Comment


                • #53
                  Originally posted by keang View Post
                  ลองนึกดูดีๆครับ กระแส1.9มิลลิแอมป์ กระแสแค่นี้ไอซีออปแอมป์(ที่เป็นโหลด)ไม่สามารถทำงานได้น่ะ

                  ลองดูไฟล์นี้ครับ > วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้า



                  ที่เค้าเลี่ยงไม่ใช้แบบRกัน เพราะ
                  - ใช้Rแล้วมันกินไฟจากแบตมากไป ทำให้แบตหมดเร็วขึ้น
                  - อัตราการจ่ายกระแสก็ไม่นิ่ง เพราะ มันเปลี่ยนไปตามค่าR ซึ่งRพอตัวมันอุณหภูมิเปลี่ยน ค่าก็เปลี่ยนตาม
                  ขอบคุณครับ เดี๊ยวตามอ่าน

                  ปล. มาเล่นเน็ตแบบนี้สงกรานต์อยู่บ้านกันหมดแน่ๆ
                  Last edited by ManiacMaew; 15 Apr 2012, 16:38:56.

                  Comment


                  • #54
                    ขอบคุณมากครับ...เข้าใจผิด(มั่ว)อีกแล้ว....เดี๋ยวำไปสร้างความเข้าใจใหม่ก่อน...

                    Comment


                    • #55
                      The Homebrew 6DJ8 Single Tube Headphone Project
                      Originally posted by jinn View Post
                      ดีเลย...ครับ กะลังหัดทำ...... ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร....



                      ตัวต้นแบบ...



                      The Homebrew 6DJ8 Single Tube Headphone Project.

                      http://vr2xmq-stevesblog.blogspot.co...headphone.html

                      ...................

                      Components:

                      Tube Socket: Gold Plated / Ceramic Tube Socket for 6DJ8

                      Tube: NIB NOS Tungsram 6DJ8

                      Regulators: LM-317 - Replaced with Linear Technology LT-1085

                      Semicon.: K117 x 2, K310 x 2

                      2SK117 x 2 : Field Effect Transistor Silicon N Channel Junction Type Low Noise Audio Amplifier Applications.

                      Toshiba 2SK117 Data Sheet PDF.

                      3SK310 x 2 : 2SK310 Silicon N-Channel MOS FET (High Speed Power Switching) - Hitachi Semiconductor.

                      Hitachi 2SK310 Data Sheet.

                      Resistors: Dale Vishay & Tokyo Ko-on

                      10 ohms x 2
                      13 ohms x 2
                      15 ohms x 2
                      35 ohms x 2
                      100 ohms x 2
                      220 ohms x 2
                      2K ohm x 1
                      2.2K ohms x 2
                      1M Ohms x 2 (1watt)

                      VR - Blue Alps 2 x 100K A

                      On board VR: 2 x 1K ohms Bourns

                      Fuse (pcb mount): Silver plated contacts

                      Capacitors:

                      Musicap "Hoviland" 0.1uF PP x 2

                      220uF x 2 Black Gate 16V
                      1000uF Elna "For Audio" 50V
                      1000uF Nichicon 35V

                      Misc:

                      1 x Headphone Chassis
                      1 x gold plated panel mount headphone socket
                      2 x gold plated panel mount RCA sockets
                      1 x 24 DC panel mount DC connector
                      1 x LED
                      1 x push button on/off for panel mount
                      4 x isolation feet
                      1 x 24 DC switching power supply housed seperately
                      4 x heatsinks for semicons
                      Originally posted by jinn View Post
                      เด๋วขอลอง...ทำเล่น ดูก่อน...ว่าอุปกรณ์ลงตัวไหม...

                      R ตัวละ บาท.... c nippion เกรด ปานกลาง / เสียง ก็ ok...แล้วครับ ในทดลองทำเล่น



                      ...........................
                      Originally posted by jinn View Post
                      ลองจัดวาง...อุปกรณ์ ลงตัว...ใช้ได้...ok...ผ่าน

                      เช็คของ น่าจะครบแล้ว...นะเนี่ย ขาดก็แต่ชุดจ่ายไฟ ( ฟิวส์...ไม่ใส่ดีก่า....เด๋วเสียง ไม่เท่...)

                      ฉลองหัวแร้งใหม่...สะเลย... ไว้ประกอบวันหยุด..สุดสัปดาห์ โน้น.....

                      ปล...

                      LM317 ของ ON SEMI เปลี่ยนใจทัน / ตอนเปิด web ที่ es เลย..โชคดีจริง...



                      รออัพเดทอยู่
                      Last edited by tiger X-fi; 19 Apr 2012, 00:06:51.

                      Comment


                      • #56
                        เอาของเก่ามาเล่าใหม่
                        Tube Buffer

                        ชุดหลอด
                        12at7
                        Teflon Tube Socket 9 ขา
                        R 10K/ 3W 2 ตัว
                        R 10K/ 1/4W 2 ตัว
                        R 100K/ 1/2W 2 ตัว
                        R 300 / 1/2W 2 ตัว
                        C solen 0.1/140V 2 ตัว (เดี๋ยวคงเปลี่ยนใหม่)
                        Terminal Blocks 3 ขา 2ตัว 2 ขา 3ตัว
                        ลูกเต๋าพลาสติก 12 ช่อง 1ตัว
                        อุปกรณ์


                        คิดแบบเรื่อบเปื่อย ก็เริ่มๆงอกขึ้น

                        เบียดๆกันไปหน่อย ดันตัด PCB ก่อน วางแบบแล้วค่อยตัด PCB จะดีกว่า

                        วางแบบเสร็จแล้ว....ก็ขีดๆเขียน

                        เอาไปจับอาบน้ำกรดกัด PCB +ทำความสะอาด

                        เริ่งลงอะไหล่





                        หม้อแปลงมาแล้ว


                        ลองเทสไฟจุดไส้หลอด


                        กรรมสลับกันหมดเลย ....ดีที่คุณ jinn เอาบัฟเฟอร์มา ไล่ดูอ้าวผมสลับข้างกันนี่นา...555+


                        ใส่ LED สักหน่อยได้รู้ว่าเสียบไฟอยู่






                        เย้....ร้องเพลงได้แล้ว
                        เดี๋ยวค่อยลองหลอด ....แล้วลอง C out -put
                        ค่อยปรับเรื่องเสียงเอา....สรุป...เสร็จจนได้....

                        หมายเหตุ.....ความสามารถพิเศษ ...ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก....555+

                        ---------------
                        บัึฟผมร้องเพลงได้แล้ว
                        หลอด 6H2N คุณ jinn เอามาให้
                        เบื้องต้นเหมือน หางเสียงแหลม มีประกายเพิ่ม
                        เสียงโทนต่ำนุ่มนิ่มขึ้น...
                        คำที่ผมว่า เสียงกลองคำราม หายไปเลย นุ่มนิ่มไปหมด...555+
                        เอาแค่ทำให้มีเสียงก่อน....เรื่องปรับเสียงเดี๋ยวค่อยว่าทีหลังครับ
                        ขดเดียว 35 0 หลังบริดจ์ ไดโอด +25 -0 - -25
                        ไฟหน้า C 0.56-0.60v
                        ไฟหลัง C 0
                        C Filter 6800uf ไม่มี R Discharge เล่นได้ประมาณ 1-2 นาทีหลังปิดสวิท...555+
                        2ขด 35 0 หลังบริดจ์ ไดโอด +51 -0 - -51
                        ไฟหน้า C -1.8- -1.9v
                        ไฟหลัง C 0
                        -------
                        ทดสอบไฟ 35 0
                        2ขด 35 0 หลังบริดจ์ ไดโอด +51 -0 - -51
                        กับขดเดียว 35 0 หลังบริดจ์ ไดโอด +25 -0 - -25
                        ขดเดียว รู้ว่าเสียงโทนต่ำ จะแข็งขึ้นความนุ่มนิ่มน้อยลง
                        เสียงฟาดไม้ CELLOS จะเหมือนใส่อารมณ์มากขึ้น
                        (2ขด เหมือนบรรจงฟาดนุ่มไปนิด)

                        http://www.youtube.com/watch?v=jjOQac1vOEc
                        Last edited by tiger X-fi; 16 Apr 2012, 01:08:31.

                        Comment


                        • #57
                          opamp+Tube Buffer ก็ได้ ปรี หรือ แอมป์หูฟังแล้ว
                          เปลืองทั้ง opamp ทั้งหลอด.....
                          --------------
                          แล้วถ้าเราเอาTube Buffer (amp>Tube Buffer>Speaker)
                          ไปไว้หลังแอมป์ ก่อนออกลำโพง จะทำได้หรือป่าวครับ....
                          มีผลดีหรือเสีย...อย่างไรบ้าง
                          ถามดูก่อนลอง......
                          Last edited by tiger X-fi; 16 Apr 2012, 01:17:40.

                          Comment


                          • #58
                            Originally posted by keang View Post
                            ลองนึกดูดีๆครับ กระแส1.9mA กระแสแค่นี้ไอซีออปแอมป์(ที่เป็นโหลด)ไม่สามารถทำงานได้น่ะ
                            ( นึกออกละ 1.9mAที่ได้จากการคำนวน มันเป็นค่าที่ถูกใช้และสูญเสียโดยตัวR )

                            ลองดูครับ
                            > วงจรแบ่งแรงดันไฟฟ้า
                            > Voltage divider

                            Loading effect

                            The voltage output of a voltage divider is not fixed but varies according to the load. To obtain a reasonably stable output voltage the output current should be a small fraction of the input current. The drawback of this is that most of the input current is wasted as heat in the resistors.

                            ที่เค้าเลี่ยงไม่ใช้แบบRกัน เพราะ
                            - ใช้Rแล้วมันกินไฟจากแบตมากไป ทำให้แบตหมดเร็วขึ้น
                            - อัตราการจ่ายกระแสก็ไม่นิ่ง เพราะ มันเปลี่ยนไปตามค่าR ซึ่งRพอตัวมันอุณหภูมิเปลี่ยน ค่าก็เปลี่ยนตาม
                            1.9mA เป็นการคำนวณ ที่ว่าถ้า RL=0 หมายความว่าโหลดดึงกระแสได้เต็มที่เท่าไร
                            r spillter ไม่ใช่แค่สูญเสีย เพราะมองในมุมองdc เท่ากับตัวใดตัวหนึ่งมันต่ออนุกรมอยู่ด้วย
                            จะเข้าไปร่วมเป็นresistanceทั้งหมด(ใช้คำว่าresistanceน่ะเพราะมันdc) ที่ภาคจ่ายไฟมันมองเห็น
                            ภาคจ่ายไฟก็จ่ายได้เท่าที่resistance ร่วม มันกำหนดไว้


                            (ในรูปนี้ผิดไปหน่อย RLต้องเท่ากับ100)

                            อันนี้ขนาดใช้Rค่าน้อย แบต12v IL ที่จ่ายให้โหลดได้ก็แค่0.0017A = 1.7mA

                            ต่อให้RL=1เลย(ให้เท่ากับ0ไม่ได้ ต้องtake limit ขี้เกียจคิด) ตามสูตรเขาแล้ว ก็ยังได้ILได้19.77mAโดยประมาณ (โหลดก็ได้รับกระแสเท่านี้)

                            It เองก็จะได้ประมาณ20.17ma เอง (อันนี้คือกระแสร่วมที่แบตจ่ายให้)
                            อันนั้นขนาดเขาใช้Rค่าน้อยแล้วก็แบต12vแล้วน่ะrก็ค่าน้อย
                            ถ้าแบต9Vแล้วRค่ามาก ยิ้งน้อยไปใหญ่(ใช้กันเป็นKiloOhm)

                            ---------

                            เพิ่มเติมหน่อย แบต GP ถูกๆ เปิดมาใหม่ๆเลย วัดโวลท์แล้วได้ประมาณ9.65 ผมลอง เอามิเตอร์ตั้งวัดกระแสแล้วจิ้มเข้าขั้ว+-เลย จ่ายได้ประมาณ1Aแล้วก็ค่อยๆลดลง
                            (คือมันจ่ายกระแสกระทันหันได้แค่นั้นแหล่ะ มิเตอร์ผมรับได้20Aแบบunfuse)
                            ผมรีบเอามิเตอร์ออกก่อน ก่อนที่มันจะรับประทานแบตหมด ตั้งวัดโวลท์อีกทีแล้ววัดไฟแบตยังได้ประมาณ9.6
                            จากนั้นก็เอาแบตต่อเข้าวงจรnon invert ที่ใช้ภาคจ่ายไฟแบบR spiltter ค่า4.7k 2ตัว ใช้แบต9Vตัวเดิม
                            ถอดicออก เอามิเตอร์ จิ้ม ขา8(ไฟ+)ข้าง จิ้มกราวน์ข้างตั้งวัดกระแส วัดได้2.0mA (ก็ใกล้เคียงที่คำนวณ เพราะ voltแบตมันเกินมาด้วย)
                            เอามิเตอร์จิ้มขา4(ไฟ-)ข้าง จิ้มขากราวน์ข้างได้1.9-2.0mAพอกัน

                            -------

                            ในวงจรnoninvertที่ว่า ผมใช้Lf353 ไม่ได้บอกminimum supply current

                            แต่typeกับmaximumก็ไม่ได้เยอะ
                            opax134 บอกแต่Quiescent Current(ซึ่งsupply currentมันต้องมากกว่าอยู่แล้ว) ก็บอกแต่type กับmaximum

                            เคยใช้r spillter ค่า100K Lf353หรือ opampตัวอื่นที่เอามาเปลี่ยนไม่มีตัวไหนทำงานได้ปรกติ ได้ยินเสียงพับๆ +แตกพร่าตลอด
                            5532นี้ไม่ต้องพูดเลย แบต9vเอาไม่อยู่ minimu supply voltageแก +-5v ไม่ต้องไปดูกระแสเลย

                            อันนี้ยังไม่พูดถึงหูฟังมันใช้output powerมันแค่ไหนน่ะ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ในกรณีถ้าหูฟังดึงกระแสเยอะ
                            จะแค่เสียงเพี้ยนนิดหน่อยพอฟังเพลงได้ หรือ จะถึงขั้นแตกพร่า ดังพับๆ
                            (แต่ดูจากบทความcmoy คือเจอหูโอห์มต่ำแล้วก็ต้องไปเพิ่มR output )

                            ถ้าเข้าใจผิดตรงไหนก็ช่วยแก้ที่น่ะครับ
                            ไม่ใช่ว่าผมยึดถือคำนวณทุกอย่่างน่ะ บางจุดอาจจะมึนก็ได้ แล้วก็อาจจะมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ
                            แต่ก็จะพยายามคำนวณพื้นๆให้ได้ก่อน

                            -------

                            @พี่เสือ
                            พี่เสือ bufferหลอดตัวที่เพิ่งโพสต์ไปนี้เอาไปต่อกับหูฟังเหรอ? ว่าแต่ใช้หูฟังอะไรหว่า

                            Comment


                            • #59
                              แล้วถ้าเราเอาTube Buffer (amp>Tube Buffer>Speaker)
                              ไปไว้หลังแอมป์ ก่อนออกลำโพง จะทำได้หรือป่าวครับ....
                              หลังแอมป์ใช้บัฟเฟอร์ตัวที่ทำไม่ได้ครับ
                              เพราะ อินพุทของบัฟเฟอร์ที่ทำกันเค้าออกแบบมาสำหรับรับกระแสขาเข้าต่ำๆ รับไฟขาเข้าต่ำๆ

                              เอ้าท์พุทของแอมป์จ่ายกระแสได้หลายแอมป์ บางตัวจ่ายได้เยอะมากเป็นร้อยแอมป์
                              บัฟเฟอร์ที่ทำๆกัน ถึงแม้จะเป็นหลอดมันก็ยังจ่ายกระแสได้นิดเดียวครับ


                              ---------------------------------------


                              เพิ่มเติมหน่อย แบต GP ถูกๆ เปิดมาใหม่ๆเลย วัดโวลท์แล้วได้ประมาณ9.65 ผมลอง เอามิเตอร์ตั้งวัดกระแสแล้วจิ้มเข้าขั้ว+-เลย จ่ายได้ประมาณ1Aแล้วก็ค่อยๆลดลง
                              (คือมันจ่ายกระแสกระทันหันได้แค่นั้นแหล่ะ มิเตอร์ผมรับได้20Aแบบunfuse)
                              วัดผิดวิธีครับ > จะวัดกระแส ต้องเอาแอมป์มิเตอร์ต่ออนุกรมกับโหลดครับ
                              ค่ากระแสที่วัดได้ ไม่ใช่ค่ากระแสสูงสุดของถ่านด้วย แต่เป็นค่ากระแสที่โหลดดึงไปใช้

                              ถ้าอยากรู้ว่าถ่านจ่ายกระแสได้สูงสุดเท่าไหร่ ใช้Rค่าต่ำๆ50-100โอห์มมาต่อเป็นโหลดของถ่าน
                              ขั้ว-ของถ่านต่อกับขาRค่า100โอห์มข้างนึง แล้วใช้แอมป์มิเตอร์ต่อคั่นกลางระหว่างถ่านขั้ว+กับขาRข้างที่เหลือ


                              เอาแบตต่อเข้าวงจรnon invert ที่ใช้ภาคจ่ายไฟแบบR spiltter ค่า4.7k 2ตัว ใช้แบต9Vตัวเดิม
                              - ถอดicออก
                              - เอามิเตอร์ จิ้ม ขา8(ไฟ+)ข้าง จิ้มกราวน์ข้าง ตั้งวัดกระแส วัดได้2.0mA (ก็ใกล้เคียงที่คำนวณ เพราะ voltแบตมันเกินมาด้วย)
                              -เอามิเตอร์จิ้มขา4(ไฟ-)ข้าง จิ้มขากราวน์ข้างได้1.9-2.0mAพอกัน
                              - อันนี้ก็วัดกระแสผิดวิธี
                              - โหลดของแบต = วงจรVoltage Divider แบบใช้Rค่า4.7K 2ตัว (ซึ่งไม่ใช่โหลดที่ดึงไฟจากR2ตัวนี้)


                              เรื่องขำขันตอนเรียน
                              สมัยก่อนตอนเรียนปวช. ช่วงเดือนแรกของปี1เทอม1 ส่วนใหญ่เป็นทฤษฏีพื้นฐาน
                              ตอนนั้นจารย์ให้เปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งเรียนในห้องทดลอง หน้าห้องจารย์ก็สอนไปเรื่อย จำไม่ได้ว่าเรื่องไร
                              ที่โต๊ะนั่งเรียนก็มี ปลั๊กไฟ, มิเตอร์วัดVวัดAแบบเข็มอย่างละตัว, ลำโพง ทั้งหมดต่อใช้งานผ่านขั้วไบนดิ้งโพส

                              ด้วยความสงสัยอยากรู้ว่าไฟบ้านจ่ายกระแสได้เท่าไหร่ ถามเพื่อนข้างๆว่ารู้หรือเปล่า เพื่อนบอกไม่รู้
                              เพื่อนพอโดนจุดประกาย ก็เลยอยากรู้ตามไปด้วย เลยคุยกันว่า งั้นเรามาลองวัดกันดีกว่า
                              ว่าแล้วก็ต่อสายแอมป์มิเตอร์ จิ้มเข้าไปที่ปลั๊กไฟเลย (ต่อแบบเดียวกับใช้มิเตอร์วัดโวลท์นั่นแหล่ะ)

                              ผลปรากฏว่า ได้เกิดปฏิหารย์เอฟเฟคแสงสีตระการตา
                              เสียงเปรี๊ยะดังลั่นห้อง ควันฟุ้งเต็มโต๊ะ เบรคเกอร์ที่โต๊ะเรียนตัดทันที
                              ทุกคนในห้องหันมามองเป็นจุดเดียว

                              จารย์ถามทำไรกันน่ะ ก็เลยเล่าให้จารย์ฟังว่าสงสัยอะไรและทำอะไรไปบ้าง
                              โชคดีที่ก่อนหน้านั้นจารย์ยังไม่สอนเรื่องการใช้มิเตอร์ เลยรอดตัวไป แต่ต้องไปหาซื้อแอมป์มิเตอร์มาคืนจารย์

                              ทริคเด็ดแบบนี้ ห้ามลอกเลียนแบบโดยเด็ดขาด



                              เครดิต > guru.google.co.th


                              เครดิต > www.leonics.co.th


                              เครดิต > กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ โรงเรียนฝางชนูปถัมภ์
                              Last edited by keang; 16 Apr 2012, 11:34:44.

                              Comment


                              • #60
                                เอาแบบแปลกๆมาฝากครับ

                                แบบไฮบริด(หูฟัง+แอมป์)


                                แบบฮาร์ดไวร์


                                แบบออนบอร์ด


                                เป็นงานอิเล็กของญี่ปุ่นนะครับ วงจรแปลกๆอะไรบ้างก็ไม่รู้ แหะๆ
                                Last edited by milestone; 16 Apr 2012, 10:32:04.

                                Comment

                                Working...
                                X