หลังจากที่เราเคยได้ยินเรื่องของผู้ให้บริการมือถือที่ยื่นขออนุมัติอัพ เกรดเครือข่ายตัวเองเป็น 3G จาก กทช. มานาน ในวันนี้ทาง กทช. ได้อนุมัติแล้วครับ
โดยได้ทาง DTAC ได้อัพเกรด 1,200 สถานีฐาน โดยจะลงทุนที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา ลำพูน พิษณุโลก และหาดใหญ่
กสท.โทรคมนาคม ได้อัพเกรด 656 สถานีฐาน โดยให้ TRUE MOVE เป็นผู้ทำการตลาดให้ โดยจะลงทุนในกรุงเทพ มากที่สุด รองลงมาก็จะเป็น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ และมหาสารคาม
AIS ก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน ได้อัพเกรดทั้งสิ้น 400 สถานีฐาน ให้บริการในพื้นที่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา และ ขอนแก่น
และในการอัพเกรดระบบทั้งนี้คาดว่าจะใช้เงินทุนมากถึง 8,300 ล้านบาท
ที่มา IT update /Thairath
http://www.thairath.co.th/news.php?s...content=100685
โดยได้ทาง DTAC ได้อัพเกรด 1,200 สถานีฐาน โดยจะลงทุนที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา ลำพูน พิษณุโลก และหาดใหญ่
กสท.โทรคมนาคม ได้อัพเกรด 656 สถานีฐาน โดยให้ TRUE MOVE เป็นผู้ทำการตลาดให้ โดยจะลงทุนในกรุงเทพ มากที่สุด รองลงมาก็จะเป็น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ และมหาสารคาม
AIS ก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน ได้อัพเกรดทั้งสิ้น 400 สถานีฐาน ให้บริการในพื้นที่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา และ ขอนแก่น
และในการอัพเกรดระบบทั้งนี้คาดว่าจะใช้เงินทุนมากถึง 8,300 ล้านบาท
ดีแทค-ทรูมูฟ ระรื่นสมใจหลัง กทช. อนุมัติอัพเกรดเครือข่าย 3G [15 ส.ค. 51 - 06:29]
นาย สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า ที่ประชุมอนุมัติให้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ได้รับอนุมัติอัพเกรด 1,200 สถานีฐาน เพื่อนำเข้าอุปกรณ์ HSPA (High-Speed Packet Access) นำมาพัฒนาระบบให้บริการ 3G ภายใต้คลื่นความถี่เดิม เป็นวงเงินทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนที่ กรุงเทพฯ สมุทปราการ ปทุมธานี ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา ลำพูน พิษณุโลก และหาดใหญ่ ขณะที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ยังได้รับอนุญาติเพื่อลงทุนสถานีฐานจำนวน 656 สถานีฐาน เป็นวงเงิน 1,990 ล้านบาท โดยจะลงทุนในกรุงเทพ มากที่สุด รองลงมาก็จะเป็น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ และมหาสารคามตามลำดับ โดยให้บริษัท ทรูมูฟ จำกัด เข้ามาทำตลาด
เลขาธิการ กทช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังมีมติให้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ภายใต้สัมปทานของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ก็ได้อนุมัตินำเข้าอุปกรณ์อัพเกด 3G จำนวน 400 สถานีฐานในวงเงิน 1,290 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา และ ขอนแก่น ทั้งนี้ ทั้ง 3 บริษัทจะ 6-8 เดือน ในต้นปี 2552 กทช.จะออกใบอนุญาตบนคลื่นความถี่มาตรฐาน 2.1 GHz ที่ทั้ง 3 บริษัทนี้จะใชเงินลงทุน เพื่ออัพเกรดเทคโนโลยี 3G เป็นเงินทั้งสิ้น 8,300 ล้านบาท
นายสุรนันท์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ กสท ได้ยื่นขอปรับปรุงคลื่นความถี่ที่มีอยู่ เพื่อจัดสรรให้กับ ดีแทค และทรูมูฟ เนื่องจาก ขณะนี้ กสท มีคลื่นความถี่ที่ยังไม่ได้ใช้งานอยู่ 25 MHz แบ่งเป็นคลื่นความถี่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ซีดีเอ็มเอ 10 MHz ในย่านความถี่ 869-879 MHz ส่วนอีก 10 MHzในย่านความถี่ 884-894 MHz จะแบ่งให้กับ ดีแทค และ ทรูมูฟ อีก 5 MHz ในย่านความถี่ 879-884 MHz
ด้าน นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคขอขอบคุณคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เป็นอย่างยิ่ง ที่ไม่เพียงเล็งเห็นความสำคัญ หากยังช่วยผลักดันให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม และเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยอย่างจริงจัง และต่อเนื่องมาตลอด
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ดีแทค กล่าวต่อว่า การพิจารณาอนุมัติการอัพเกรดอุปกรณ์ HSPA เพื่ออัพเกรดความถี่ 800 เมกะเฮิร์ตซ (MHz) เป็นระบบ 3G นี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากประเทศกำลังต้องการการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการโทรคมนาคม เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม อีกทั้งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นทั้งในภาคประชาชน และนักลงทุนต่อศักยภาพการขยายตัวของประเทศ ดีแทคเชื่อว่าการอนุมัติเพื่อให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะเดินหน้าต่อไปในการพัฒนา เพื่อให้บริการ 3G
นายธนา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การอนุมัติของ กทช.ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ 3 ด้านไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวม เนื่องจากเทคโนโลยี 3G จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการ ตื่น ตัว และพัฒนา ทั้งในส่วนของโอเปอเรเตอร์ และผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ เวนเดอร์มือถือ นักพัฒนาแอพลิเคชัน และผู้ผลิตคอนเทนท์ ประการที่ 2 คือ ประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะได้รับโอกาสในการเข้าถึงบริการข้อมูลข่าวสารผ่าน เครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูงทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ประการสุดท้าย คือ ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ เนื่องจากระบบ 3G จะทำให้การเข้าถึงข้อมูลกระจายไปยังทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท***งไกลที่ยังขาดแคลนเครือข่ายโทรคมนาคม และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพ
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ดีแทค กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ดีแทคเตรียมที่จะดำเนินการติดตั้งสถานีฐาน เพื่อรองรับเทคโนโลยี 3G ไว้แล้ว โดยจะติดตั้งสถานีฐานเพิ่มขึ้นประมาณ 1,600 สถานี ด้วยงบลงทุนในเฟสแรกประมาณ 5 พันล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และชลบุรี เมืองใหญ่ที่มีความต้องการด้านการตลาดค่อนข้างสูง ดีแทคเชื่อมั่นว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 1 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ
นาย สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ว่า ที่ประชุมอนุมัติให้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ได้รับอนุมัติอัพเกรด 1,200 สถานีฐาน เพื่อนำเข้าอุปกรณ์ HSPA (High-Speed Packet Access) นำมาพัฒนาระบบให้บริการ 3G ภายใต้คลื่นความถี่เดิม เป็นวงเงินทั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนที่ กรุงเทพฯ สมุทปราการ ปทุมธานี ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา ลำพูน พิษณุโลก และหาดใหญ่ ขณะที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ยังได้รับอนุญาติเพื่อลงทุนสถานีฐานจำนวน 656 สถานีฐาน เป็นวงเงิน 1,990 ล้านบาท โดยจะลงทุนในกรุงเทพ มากที่สุด รองลงมาก็จะเป็น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ และมหาสารคามตามลำดับ โดยให้บริษัท ทรูมูฟ จำกัด เข้ามาทำตลาด
เลขาธิการ กทช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังมีมติให้ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ภายใต้สัมปทานของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ก็ได้อนุมัตินำเข้าอุปกรณ์อัพเกด 3G จำนวน 400 สถานีฐานในวงเงิน 1,290 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา ภูเก็ต ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครราชสีมา และ ขอนแก่น ทั้งนี้ ทั้ง 3 บริษัทจะ 6-8 เดือน ในต้นปี 2552 กทช.จะออกใบอนุญาตบนคลื่นความถี่มาตรฐาน 2.1 GHz ที่ทั้ง 3 บริษัทนี้จะใชเงินลงทุน เพื่ออัพเกรดเทคโนโลยี 3G เป็นเงินทั้งสิ้น 8,300 ล้านบาท
นายสุรนันท์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ กสท ได้ยื่นขอปรับปรุงคลื่นความถี่ที่มีอยู่ เพื่อจัดสรรให้กับ ดีแทค และทรูมูฟ เนื่องจาก ขณะนี้ กสท มีคลื่นความถี่ที่ยังไม่ได้ใช้งานอยู่ 25 MHz แบ่งเป็นคลื่นความถี่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ซีดีเอ็มเอ 10 MHz ในย่านความถี่ 869-879 MHz ส่วนอีก 10 MHzในย่านความถี่ 884-894 MHz จะแบ่งให้กับ ดีแทค และ ทรูมูฟ อีก 5 MHz ในย่านความถี่ 879-884 MHz
ด้าน นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ ดีแทค กล่าวว่า ดีแทคขอขอบคุณคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เป็นอย่างยิ่ง ที่ไม่เพียงเล็งเห็นความสำคัญ หากยังช่วยผลักดันให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม และเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของประเทศไทยอย่างจริงจัง และต่อเนื่องมาตลอด
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ดีแทค กล่าวต่อว่า การพิจารณาอนุมัติการอัพเกรดอุปกรณ์ HSPA เพื่ออัพเกรดความถี่ 800 เมกะเฮิร์ตซ (MHz) เป็นระบบ 3G นี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากประเทศกำลังต้องการการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการโทรคมนาคม เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม อีกทั้งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นทั้งในภาคประชาชน และนักลงทุนต่อศักยภาพการขยายตัวของประเทศ ดีแทคเชื่อว่าการอนุมัติเพื่อให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะเดินหน้าต่อไปในการพัฒนา เพื่อให้บริการ 3G
นายธนา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้การอนุมัติของ กทช.ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ 3 ด้านไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวม เนื่องจากเทคโนโลยี 3G จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการ ตื่น ตัว และพัฒนา ทั้งในส่วนของโอเปอเรเตอร์ และผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อาทิ เวนเดอร์มือถือ นักพัฒนาแอพลิเคชัน และผู้ผลิตคอนเทนท์ ประการที่ 2 คือ ประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะได้รับโอกาสในการเข้าถึงบริการข้อมูลข่าวสารผ่าน เครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูงทัดเทียมกับประเทศอื่นๆ ประการสุดท้าย คือ ประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ เนื่องจากระบบ 3G จะทำให้การเข้าถึงข้อมูลกระจายไปยังทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท***งไกลที่ยังขาดแคลนเครือข่ายโทรคมนาคม และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพ
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ดีแทค กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ดีแทคเตรียมที่จะดำเนินการติดตั้งสถานีฐาน เพื่อรองรับเทคโนโลยี 3G ไว้แล้ว โดยจะติดตั้งสถานีฐานเพิ่มขึ้นประมาณ 1,600 สถานี ด้วยงบลงทุนในเฟสแรกประมาณ 5 พันล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และชลบุรี เมืองใหญ่ที่มีความต้องการด้านการตลาดค่อนข้างสูง ดีแทคเชื่อมั่นว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายใน 1 ปี นับจากวันที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ
http://www.thairath.co.th/news.php?s...content=100685
Comment