Announcement

Collapse
No announcement yet.

[CR]Review จอ Dell U2414H, P2414H, P2314H + จออื่นๆ พร้อมแนะนำการเลือกซื้อจอคอม

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • [CR]Review จอ Dell U2414H, P2414H, P2314H + จออื่นๆ พร้อมแนะนำการเลือกซื้อจอคอม

    สวัสดีครับ เพื่่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิว หน้าจอ Monitor ยี่ห้อ Dell ในระดับรากหญ้าให้ชมกัน 3 รุ่นในแบบ Group Test (ทดสอบข้างๆ กัน side by side) ครับ

    โดยจะมีการเทียบกับจอรุ่นราคาถูกมากๆ ยี่ห้ออื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไป ให้ด้วยท้ายรีวิวครับ




    โดยผมจะเริ่มจาก รายละเอียดคร่าวๆ พร้อมราคาจะได้ช่วยในการตัดสินใจนะครับ




    โดยจะเป็นรุ่น

    1. Dell P2314H ราคาประมาณ 6,800 - 7,000 บาท (อ้างอิง IT City - JIB)

    เป็นจอ IPS ขนาด 23" /// Normal AG /// Flicker Free


    2. Dell P2414H ราคาประมาณ 7,900 - 8,500 บาท (อ้างอิงตัวแทนจำหน่าย Dell ทั่วไป)

    เป็นจอ IPS ขนาด 24" /// Normal AG /// Flicker Free


    3. Dell U2414H ราคาประมาณ 9,000 บาท (อ้างอิง ComMore - IT City)

    เป็นจอ IPS ขนาด 24" นิ้ว Frameless ที่ขอบบางที่สุดในโลก (บางกว่าพวกไร้ขอบยี่ห้อทั่วไปครึ่งครึ่งครับ)

    **เรื่องจอไร้ขอบนี่ดูรูปในโฆษณาอย่างเดียวไม่ได้นะครับ ของจริงๆ จะมีขอบเพิ่มอีก มีของ Dell รุ่นนี้แหละครับ ที่ของจริงกับรูปในโฆษณาตรงกัน

    Lightest AG /// Flicker Free


    โดยท้ายรีวิวจะมีเปรียบเทียบกับยี่ห้อทั่วไป ยี่ห้ออื่นๆ ให้ด้วยครับ

    โดยจะเป็น ยี่ห้อ/รุ่น ดังนี้ครับ


    1. Viewsonic VX2370s ราคาประมาณ 5,200 บาท (อ้างอิง JIB / อื่นๆ)

    เป็นจอ IPS ขนาด 23" Frameless // Light AG


    2. LG 24MP55HQ-P ราคาประมาณ 5,750 บาท (อ้างอิง JIB / อื่นๆ)

    เป็นจอ IPS ขนาด 24" // Normal AG // Flicker Free


    3. AOC e2440v ราคาประมาณ 5,000 บาท

    เป็นจอ TN ขนาด 24" // Normal AG


    4. LG e2240 ราคาประมาณ 3,700 บาท

    เป็นจอ TN ขนาด 21.5" // Hard AG



    และมีกลุ่มพิเศษใช้เพียงไม่นาน (ยกให้คนอื่นไปแล้ว/ขายไปแล้ว ทนใช้ไม่ได้ หรือไม่ถูกใจ หรือปัญหาอื่นๆ)

    1. AOC i2369v ราคาประมาณ 4,400 บาท

    เป็นจอ IPS ขนาด 23" // Light AG


    2. AOC i2367fh ราคาประมาณ 5,400 บาท

    เป็นจอ IPS ขนาด 23" // ระหว่าง Hard-Light AG


    3. Dell U2412M ราคาประมาณ 10,000 บาท

    เป็นจอ IPS ขนาด 24" สัดส่วน 16:10 (นอกนั้นในนี้ทั้งหมดเป็น 16:9) // Hard AG


    4. AOC i2757fh ราคาประมาณ 8,500 บาท

    เป็นจอ IPS ขนาด 27" // ระหว่าง Hard-Light AG

  • #2
    มาชมภาพของเจ้าจอพวกนี้กันก่อนครับ


    จอกลุ่มแรก





















    จอกลุ่มที่สอง




    Last edited by Prime Time; 7 Jul 2014, 09:14:46.

    Comment


    • #3
      หลังจากดูรูปกันเสร็จแล้ว ก่อนจะเข้าเรื่องการรีวิวจอ ผมขออธิบาย Technology ต่างๆ ก่อนนะครับ


      ถ้าพิมพ์เกี่ยวกับ Technology ผม Review ไม่ได้ครับ เพราะจะไม่เข้าใจกัน



      เรื่อง ชนิดของหน้าจอ


      LED, LCD, TN, IPS, VA


      เรื่องนี้ต้องแบ่งก่อนครับ




      1. เรื่อง Backlight จอคอมที่มีขายอยู่ทั่วไปทั้งหมดเป็น LCD ครับ


      โดยที่โฆษณาว่าเป็นจอ LED นั้นหมายถึงแผงให้ความสว่างด้านหลังของจอครับ


      ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ตัวแผงจอแท้ๆ (แผง LCD สีดำ ที่เราเห็น) มันให้แสงสว่างไม่ได้ครับ แค่เลือกได้ว่าจะให้แสงไหนผ่านเพื่อให้สีอะไร


      ดังนั้นมันจึงต้องมีแสงไฟส่องสว่าง เปรียบเหมือนแผง LCD คือหนังสือในห้องมืดถ้าเราอยากอ่านเราอยากเห็นภาพต้องมีหลอดไฟให้แสงสว่าง ถ้าไม่มีก็มองไม่เห็นประมาณนั้นครับ ตรงนี้เราเรียก แผง backlight ครับ



      1.1 แบบที่เราเรียกติดปากว่าเป็นจอ LCD (CCFL backlight)

      แผง backlight ในจอ LCD สำหรับคอมพิวเตอร์สมัยก่อน ใช้ CCFL เป็นแหล่งกำเนิดแสงครับ

      CCFL หรือ cold-cathode fluorescent lamp ก็คล้ายหลอดฟูออเรสเซน(หลอดนีออน) ที่เราใช้อยู่ทั่วไปครับ เพียงแต่ขนาดจิ๋วพอจะยัดใส่หลังจอภาพได้ ทำให้จอสมัย CCFL (เรียกกันว่า LCD) มีความ หนา หนัก และกินไฟมากกว่าจอเดี๋ยวนี้เยอะครับ



      1.2 แบบที่เรียกกันว่าจอ LED (LED backlight) ที่เขียนข้างกล่องว่า LED (ในรีวิวทั้งหมดเป็นแบบนี้ครับ รวมถึงในร้านขายจอคอมทั้งหมดส่วนมากเป็นแบบนี้ครับ)

      แผง backlight ในจอ LCD พวกนี้ จะใช้หลอด LED สำหรับให้ความสว่างครับ หลอดพวกนี้เล็กกว่ามากๆ และประหยัดไฟกว่ามากๆ เราจึงเห็นจอ LCD ประเภทนี้บางเบาและกินไฟน้อยมากๆ ครับ


      โดยมันยังแบ่งออกเป็น


      1.2.1 WLED หรือ White LED (ก็คือ LED แสงขาวบ้านๆ นี่แหละครับ) ใช้ทั่วไปในจอ LCD LED backlight ทั่วไปครับ

      หลอดประเภทนี้ ให้ spectrum สีได้ประมาณครอบคลุม sRGB color space ครับ หรือ 68 - 70 ต้นๆ% ของ NTSC color space ครับ


      1.2.2 GB-r LED อันนี้ใช้หลายแสงผสมกันเพื่อให้ได้แสงขาว ใช้ในจอราคาหลายหมื่น - หลายแสน บาท

      หลอดประเภทนี้ ให้ spectrum สีได้เกิน sRGB color space ไปเยอะครับ คือประมาณ 102-104% ของ NTSC color space ครับ

      อันนี้คนทั่วไปไม่ค่อยได้สัมผัสนอกจากจะทำงานเฉพาะทางหรืออยากซื้อเป็นพิเศษครับ ผสมกับแผง LCD ชั้นดี เรียกภาษาชาวบ้านว่าจอ wide gamut ครับ




      จอคอมที่ขายกันอยู่ทั่วไปมีแค่ 2 แบบนี้ (CCFL - LED) เกือบทั้งหมดครับ แบบพิเศษอื่นๆ หาไม่ได้ในราคาปกติครับ

      โดยปัจจุบันจะเป็น WLED กันซะมากกว่า 99% ครับ

      Comment


      • #4
        2. เรื่องชนิดของ PANEL เช่น TN Film, IPS, PLS, VA

        ส่วนมากจอที่ขายกันจะเป็น TN Film ครับ เพราะราคาถูกที่สุด

        ยกเว้นจะระบุว่าเป็น IPS หรือ VA ครับ


        เรื่องนี้ผมไม่อธิบายการทำงานนะครับ เดี๋ยวจะหลับกันซะก่อน เอาผลที่ได้จากจอต่างๆ เหล่านี้เลยแล้วกันครับ



        2.1 TN Film นั้นเป็นจอที่ใช้กันทั่วไป

        TN เป็นเทคโนโลยีที่แย่กว่า ให้ความถูกต้องของสีได้น้อยกว่า สีจืดกว่า ราคาถูกกว่า มองมุมข้างแล้วแสงสีเพี้ยนไปหมด บางทีแค่มองปกติสีทั่วจอก็ไม่เสมอกันแล้ว

        แต่ TN มีจุดที่เหนือกว่า IPS ตรง input lag ครับ คือภาพเคลื่อนไหวบนจอไวๆ จะไม่เกิด Ghost (แต่ TN ระดับล่างๆ ต่ำกว่า 10,000 บาท ก็ lag พอๆ กับ IPS ครับ)

        TN ที่ input lag ต่ำกว่า IPS มากๆ จะเป็นพวก TN ราคาแพงคุณภาพสูง พวกจอ 120Hz อะไรพวกนั้นครับ ที่ราคาเกิน 10,000 ซะส่วนมาก


        ข้อดีของ TN

        1. ถูก
        2. input lag ต่ำ (ในรุ่นแพงๆ)
        3. กินไฟน้อยกว่านิดนึง แทบไม่รู้สึก

        ข้อเสียของ TN

        1. สีเพี้ยนกว่า
        2. มุมมองแคบกว่า
        3. สีในจอไม่สม่ำเสมอ
        4. สีสดไม่สู้ สร้างสีได้น้อยกว่า

        โดย TN จะอยู่ในจอทั่วไป ส่วนมากในรุ่นราคาถูกๆ ทั่วไปครับ ที่ไม่ได้เขียนกำกับโฆษณาไว้ว่าเป็น IPS ครับ ส่วนมากราคาจะถูกกว่ากันพอสมควรครับ





        2.2 IPS เป็นเทคโนโลยีที่ดีกว่า ครับ มุมมองกว้าง สีสดใส ให้สีเที่ยงตรงกว่า สีบนจอสม่ำเสมอกว่า calibrate ง่ายกว่า แต่ราคาจะสูงกว่า TN ครับ

        IPS เองก็แบ่งย่อยเป็นหลายเกรด หลายเทคโนโลยีครับ เช่น H-IPS, S-IPS, E-IPS, AH-IPS



        ซึ่งที่เราจะได้สัมผัสในรุ่นต่ำกว่า 10,000 ก็จะเป็น E-IPS และ AH-IPS นี่แหละครับ ซึ่ง E-IPS และ AH-IPS นั้นกากกว่า IPS เทพๆ อันอื่นๆ ครับ ตามราคาเลยครับ

        E-IPS เก่ากว่า และมักจะมากับ coating จอที่สุดจะทนครับ (เรื่อง coating เดี๋ยวว่ากันภายหลังครับ)

        AH-IPS เปิดตัวมาใหม่กว่า คุณสมบัติหลักๆ ใกล้เคียงกันในระดับราคาใกล้กัน AH-IPS เครมไว้ว่าให้สีได้เที่ยงตรงกว่าครับ แสงส่องผ่านได้มากกว่า เป็นผลพวงให้สว่างกว่าและประหยัดไฟกว่าครับ และมักจะเป็น light-ag (จะอธิบายความเห็นต่อไปครับ)


        ข้อดีของ IPS

        1. มุมมองกว้างมาก มองซ้าย มองขวาภาพก็เหมือนเดิม
        2. ให้สีสันสดใสมาก
        3. ให้สีตรงกว่า
        4. ให้สีสม่ำเสมอกว่า ทำให้ calibrate ง่ายกว่า

        ข้อเสียของ IPS

        1. กินไฟมากกว่าจิ๋งนึง (แทบไม่มีผล)
        2. แพงกว่า TN นิดหน่อย
        3. input lag มากกว่า TN รุ่นท็อปๆ พวก 10,000 อัพครับ




        2.3 VA และ PLS

        PLS นั้นคล้ายตัว Copy ของ IPS แต่แย่กว่าและเป็นสิทธิบัตรของ Samsung เองครับ (IPS เป็นสิทธิบัตรร่วมกันระหว่าง LG-Phillips ครับ)

        VA นั้นจะเป็นจออีกรูปแบบข้อดีของมันคือสีดำ ดำสนิทกว่า ชาวบ้านเขาหมด แต่มุมมองและสีสัน อยู่ระหว่างกลางของ TN กับ IPS ครับ

        Comment


        • #5
          แถม

          ส่วนมากจอของท่านจะเป็น TN กันอยู่แล้ว ถ้าอยากรู้ว่ามุมมองของ TN แย่แค่ไหน ทดสอบได้ด้วย link ด้านล่างครับ

          http://www.lagom.nl/lcd-test/viewing_angle.php

          มุมมองของ TN มันไม่แย่แค่มองข้างนะครับ เอาแค่มองตรงๆ เนี่ย TN ก็ไม่สามารถให้สีเสมอกันทั้งจอได้แล้ว ลองดูภาพตัวอักษรอันแรกกับสีม่วงอันที่ 2 ครับ


          ถ้าเป็น IPS จะเท่ากันทั้งจอ หันหน้า เหล่ตา หันหัว ยังไงก็เท่ากันทั้งจอ ไม่มีเหลื่อม ไม่มีเพี้ยนครับ ขยับไปนั่งข้างๆ ยังไม่เพี้ยนเลยครับ


          แต่ TN แค่นั่งตรงๆ ก็ยังเพี้ยนครับ ทำยังไง ตรงแค่ไหน ก็ยังเพี้ยน ทำให้การ Calibrate จอ TN แทบเป็นไปไม่ได้ คือมันทำได้ แต่สีมันจะตรงแค่จุดเดียว ที่เหลือก็เพี้ยนจนใช้งานไม่ได้อยู่ดีครับ

          Comment


          • #6
            มาต่อกันที่เรื่องอื่นๆ กันครับ



            เรื่อง AG (anti-glare) Coating จอปัจจุบันที่ขายจะมี 3 แบบครับ


            1. จอ Glossy หรือเรียกกันว่าจอกระจก คือ ไม่มีเคลือบกันแสงสะท้อน

            จอประเภทนี้ไม่เหมาะกับทำงานหน้าจอนานๆ หรือมองนานๆ เพราะจะแสบตาหรือกระทบต่อระบบต่างๆ ได้ครับ ต่อให้จัดแสงดียังไงก็ยังมีเงาสะท้อนให้เห็นครับ ไม่ดีต่อสุขภาพตา แนะนำให้หลีกเลี่ยงครับ


            2. จอ Matte หรือจอคอมที่ใช้กันทั่วไป 90% คือ มีเคลือบกันแสงสะท้อน แบ่งออกเป็นหลายแบบตามเกรดการเคลือบครับ

            การเคลือบถ้าเป็นจอถูกๆ หรือ IPS รุ่นเก่าๆ นั้น จะค่อนข้างแย่ คือมีจุดแสงคริสตัล หรือจุดๆ เหมือนทรายจิ๋วๆ ไม่สบายตา ลองเปิดหน้าจอสีอ่อนๆ หรือสีขาว แล้วเอาหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ หรือขยับหัวดูครับ จะเห็นมันเป็นจุดระยิบระยับเล็กๆ




            อันนี้แบ่งออกเป็นหลายแบบ



            2.1 Hard AG หรือเคลือบมาอย่างโหด อันนี้ จะเห็นจุดเยอะน่ารำคาญเวลาเปิดเอกสารสีขาว หรือหน้าอะไรสีขาว หรือสีอ่อน จะดูสกปรกไม่สะอาด ลากไปลากมาจะเห็นชัดครับ

            (พบใน IPS รุ่นเก่าๆ + TN รุ่นถูกๆ)



            2.2 Normal AG หรือเคลือบมาปกติ อันนี้จะเห็นจุดเหมือนอันบน แต่น่ารำคาญน้อยกว่านิดนึง จัดว่ายังน่ารำคาญอยู่ครับ

            (พบในจอ TN ทั่วไป + จอ IPS แบบ AH-IPS รุ่นใหม่ๆ ล่างๆ กลางๆ)


            2.3 Light AG หรือเคลือบมาอย่างดีบางสวยงาม อันนี้จะแทบไม่เห็นจุดเลย เลื่อนไปไหนก็ดูสะอาดตาครับ

            (พบในจอ IPS แบบ AH-IPS รุ่นใหม่ๆ กลางๆ โดยเฉพาะพวก Frameless (ไร้ขอบ))

            ***แปลกที่ AG ใน Frameless จะค่อนข้าง light ดีกว่าพวกมีขอบ อันนี้คงเป็นเพราะขั้นตอนการผลิตอะไรสักอย่างครับ



            2.4 Lightest AG หรือเคลือบมาอย่างดีสวยงาม บางลงอีก อันนี้จะยิ่งมองไม่เห็นหนัก และดูสะอาดตาที่สุดครับ

            (พบในจอ IPS แบบ AH-IPS รุ่นใหม่ๆ ดีๆ หน่อย Frameless ตัวใหม่ๆ อย่าง Dell U2414H ครับ)




            3. Semi-Glossy อันนี้คือข้อดีของทั้งสองแบบรวมกันใสและไม่มีจุดแสงให้รำคาญ และไม่สะท้อนแสงไปพร้อมๆ กัน

            (อันนี้หาได้ยากยิ่งครับ จะมีอยู่ในไม่กี่รุ่นบนโลก ส่วนมากจะอยู่ในพวกแพงๆ ขึ้นมาครับ)

            Comment


            • #7
              เรื่อง Flicker-Free backlight // PWM Free


              ทราบไหมว่าปกติจอภาพที่เราเห็นนิ่งๆ นั้นมีแสงสั่นหรือกระพริบตลอดนะครับ แค่สมองเราพยายามตัดการทำงานออกไปให้ พูดง่ายๆ ว่าใช้สมองในการตัดการมองเห็นความสั่นส่วนนั้นไป เพราะเป็นความถี่สูงมาก

              แต่ก็ยังมีผลให้ล้าสายตา หรือ สมอง เวลามองจอนานๆ เป็นที่มาของบางคนที่มองจอนานๆ แล้วปวดหัว มึนๆ หรือตาลาย ปวดตา อะไรพวกนี้ครับ

              รายละเอียดตามคลิป จาก BenQ ครับ

              http://www.youtube.com/watch?v=QMXYfi2lRdA&fs=1" width="644" height="390">http://www.youtube.com/watch?v=QMXYfi2lRdA&fs=1" />BORKED

              http://www.youtube.com/watch?v=QMXYfi2lRdA


              อาการนี้จะเป็นหนักขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาหรี่แสงลงมาครับ เพราะจำเป็นต้องใช้ PWM (Pulse Width Modulation) ในการควบคุมความสว่างของ Backlight ครับ

              ทำให้เกิดอาการเวลาเปิดแสงเต็มๆ รู้สึกแสบตา เพราะแสงแรงไป แต่พอหรี่แสงไม่แสบตาแต่กลับล้าตา หรือใช้ได้ไม่นาน




              Flicker Free นี่ Monitor รุ่นใหม่ๆ ดีๆ จะมีมาให้ครับ อย่าง

              ของ LG เรียก Flicker Safe ครับ

              หรือใน Dell ใส่ไว้แต่ไม่ได้เรียกชื่อ ครับ

              หรือใน BenQ เรียก Flicker Free ครับ


              เรื่องนี้ต้องดูเป็นรุ่นๆ ไป ยี่ห้อเดียวกัน บางรุ่นมี บางรุ่นไม่มีครับ

              Comment


              • #8
                ผมทดสอบเอาไปให้น้องสาวที่ชอบปวดหัว ปวดตา เวลาเล่นคอมนานๆ ใช้ (แต่ละคนจะ Sensitive กับเรื่องนี้ไม่เท่ากัน เรียกได้ว่าอึดไม่เท่ากัน แต่ก็โดนทำร้ายอยู่ดีครับ) โดยไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้เป็น blind test เพราะไม่มี Bias ครับ

                ปรากฏว่าจากเดิมที่น้องเคยเล่นคอมได้ครั้งละ 2-3 ชั่วโมงก็จะเริ่มมึนๆ คราวนี้เล่นได้ยาวเลยครับ ไม่มีปัญหาเรื่องปวดหัว ปวดตา เลย ถือว่าน่าพอใจมากๆ ครับ


                เป็น a must หรือของสำคัญเลยนะครับ สำหรับท่านที่รักสุขภาพตา หรือมีปัญหาสายตา เช่น แพ้แสง มึนหัวง่าย อะไรพวกนี้ครับ ขนาดผมปกติถึกทนทานกับแสงจอมากๆ พอมาใช้อันนี้รู้สึกได้จริงๆ ว่าตาลายน้อยลง และสบายตาขึ้นเวลาใช้นานๆ ครับ



                โดยทั้ง LG 24MP55HQ-P, 23MP65HQ-P และ Dell P2414H, U2414H, P2314H เป็น Flicker Free หรือไม่กระพริบนั่นเองครับ ยอดมากๆ ครับ

                http://www.youtube.com/watch?v=nPuAT1ARUC8&fs=1" width="644" height="390">http://www.youtube.com/watch?v=nPuAT1ARUC8&fs=1" />BORKED

                http://www.youtube.com/watch?v=nPuAT1ARUC8

                ตามวีดีโอ ที่ผมถ่ายมาสดๆ เลยครับ

                Comment


                • #9
                  LED Flicker ในจอที่ใช้ LED Backlight นั้น มีที่มาคร่าวๆ ดังนี้ครับ

                  หลอดไฟ LED ด้านหลัง/ข้าง จอที่ส่องแสงทะลุผ่าน PANEL นั้น มีการต่อผ่านวงจร PWM เพื่อวัตถุประสงค์ในความสามารถในการควบคุมความสว่างของมันครับ

                  แล้วทีนี้ไฟฟ้าที่ออกจากแผงวงจร PWM ไม่ได้เรียบเป็น DC นิ่งสนิทอย่างที่ควรเป็นครับ ผลคือ LED ด้านหลังกระพริบด้วยความถี่สูง เลวร้ายกว่าสมัยยังมีเรื่องการสั่นจาก Refresh Rate อีกครับ ตาเปล่าเราคิดว่ามองไม่เห็น แต่จริงๆ มองเห็นเพราะสมองตัดการทำงานให้ ทำให้ปวดตา ล้าตา แสบตา ตาลายเป็นภาพตัวหนังสือซ้อนๆ กันเวลาอ่านนานๆ แล้วมองกำแพง และปวดหัว เพราะสมองและตาเห็นทุกการกระพริบ แต่ต้องช่วยตัดภาพการกระพริบนี้ออกให้ครับ

                  ถ้าใช้กล้องถ่ายจะเห็นครับ

                  สมัยย้ายจาก CCFL BL LCD (LCD) มาเป็น LED BL LCD (LED) นั้น LED ทำร้ายตา/สมอง มากกว่าอีกครับ วงจรของ LCD ทำงานด้วยความถี่สูงกว่า หรือบางตัวก็ไม่สั่น ทำให้หลายคนรู้สึกว่า LCD นั้นใช้แล้วสบายตากว่า LED ครับ


                  หลังจากเรื่องนี้มีผลกระทบต่อสุขภาพของคนมากๆ ก็เลยมีการทำจอรักษาสุขภาพตา ออกมา



                  ด้วยการ



                  1. ตัดวงจร PWM ออกไปใช้วงจรลดกำลังไฟแบบ DC สมบูรณ์แบบแทน (แพง)

                  ที่แน่ๆ จะมีใน

                  1.1 Dell รุ่นใหม่ๆ U2414H, P2414H, P2314H และอื่นๆ ที่ออกมาใหม่ๆ

                  1.2 Veiwsonic รุ่นที่ระบุว่า Flicker Free เท่าที่ทราบมี VX2252mh กับ VX2452mh แต่เป็น TN ทั้งคู่ไม่ใช่ IPS ครับ

                  1.3 BenQ รุ่นดีๆ หน่อย เป็นต้นครับ


                  แบบนี้ทั้งสมองและสายตาจะไม่ล้าเลย ครับ เป็น Flicker Free สมบูรณ์แบบ



                  2. มีแผงวงจร PWM อยู่แต่ความถี่สูงมากๆ อันนี้ จะมีในหลายยี่ห้อเช่น ASUS ตัวที่โฆษณาเรื่อง Eyes care ครับ

                  แบบนี้ตาจะไม่ล้า และสมองจะล้านิดหน่อยครับ



                  3. Hybrid มีแผงวงจร PWM และไม่มีในตัวเดียวกัน จะอยู่ใน EIZO รุ่นใหม่ๆ ถ้าเปิดแสงเกิน 21% เป็น Flicker Free แท้ๆ แต่ถ้าต่ำกว่ามี PWM ความถี่สูงมากเหมือนข้อ 2. ครับ

                  แบบนี้แล้วแต่เลยว่าใช้ความสว่างเท่าไหร่ ให้ผลตามข้อ 1-2 แล้วแต่กรณีครับ


                  Q: แล้วทำไมไม่ทำเป็นแบบ PWM free ให้หมดเลยล่ะ จะได้ Flicker Free ทุกรุ่น

                  A: มันแพงขึ้นในต้นทุนครับ ทำให้ส่วนมากไม่สนใจขายก็ขายแล้ว ส่วน PWM Free หรือ Flicker Free จะไปขายในรุ่นที่ผู้ใช้แคร์เรื่องนี้และต้องการ เป็นต้นครับ





                  *** ของ LG ยังไม่แน่ใจว่าเป็นประเภท 1 หรือ 2 ครับ



                  มาว่ากันต่อเรื่อง Flicker Free ผมเพิ่มเติมไว้ตรงนี้นะครับ

                  บางท่านสงสัยว่าทำไมเมื่อก่อนใช้จอ LCD สมัยก่อน ไม่ปวดหัว ไม่ปวดตา สบายตาดี พอเปลี่ยนมาเป็น LED แล้วถึงมีอาการแปลกๆ



                  ดูตามตารางเลยนะครับ กระแสไฟที่ส่งไปเลี้ยงหลอดไฟของจอ ตามเรื่อง Flicker Free ที่ผมอธิบายไว้ด้านบน


                  จอรุ่นเก่าๆ ที่เป็น CCFL backlight ที่เราเรียกๆ กันว่า LCD นั้น จะมีอัตราการกระพริบที่ไม่โหดร้ายและไม่เปลี่ยนแปลงหนักเท่าพวก LED ครับ


                  ทำให้หลายคนบ่นว่า LED ใช้แล้วไม่สบายตา ซึ่งท่านไม่ได้อุปทานครับ สายตาคนเราอ่อนไหวไม่เท่ากัน ผู้ผลิตเมื่อก่อนไม่ได้ใส่ใจ ผลเลยเป็นแบบนี้ รวมทั้งแต่ละคนสายตาและสมอง sensitive ต่อเรื่องนี้ไม่เท่ากันเลยเป็นบ้างไม่เป็นบ้าง ผู้ผลิตเลยเนียนไปเลยครับ

                  อันนี้เป็นหมดทั้ง IPS และ TN ครับ รุ่นก่อนๆ จะใช้ PWM ทั้งหมด


                  ตอนนี้เมืองนอกให้ความสนใจเรื่องนี้กันมาก เพราะมีผลกับผู้ใช้ และหลังจากพวก Flicker Free ออกมาขาย คนที่มีปัญหากลับมาสบายตาอีกครั้ง ขนาดผมเป็นพวกสายตาถึกทนทาน เปลี่ยนมาใช้ยังรู้สึกได้ว่าสบายตาขึ้นเยอะ

                  เลยมี Monitor ประเภท Flicker Free / PWM Free ออกมาขายครับ ตามภาพที่ 3

                  ประเภทนีั้จะมีจอ Dell รุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตในช่วงปีนี้ เช่น

                  P2414H U2414H P2314H และอื่นๆ ที่ออกมาใหม่ในช่วงนี้ครับ

                  รวมทั้ง BenQ รุ่นที่ระบุว่า Flicker Free


                  ส่วน LG ยังไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหนระหว่างกระพริบน้อย หรือไม่กระพริบเลย แต่ LG รุ่นที่มี Flicker Safe พวกนี้ก็จัดได้ว่าสบายตากว่า LED ธรรมดาทั่วไปเยอะแล้วครับ
                  Last edited by Prime Time; 28 Jun 2014, 19:24:51.

                  Comment


                  • #10
                    และมาว่ากันต่อที่เรื่องควรรู้อีกเรื่องเกี่ยวกับจอครับ


                    จอคอมยี่ห้อต่างๆ ที่เราเห็นสารพัดยี่ห้อนั้น รู้หรือไม่ว่า PANEL หรือแผงจอแสดงภาพ ที่ใช้นั้น มีไม่กี่บริษัทที่ผลิตนะครับ หลักๆ ก็จะมี


                    Samsung Display เกาหลี

                    LG Display เกาหลี

                    AUO (AU Optronics) ไต้หวัน

                    JDI (Japan Display Inc.) ญี่ปุ่น บริษัทร่วมทุนของ Sony, Toshiba, Hitachi


                    หลักๆ จะเห็นของ AUO กับ LG Display ซะเยอะครับ


                    LG Display น่าจะเยอะที่สุดแล้วครับ ถ้าเป็น IPS โดยส่วนมากนะครับ



                    ทีนี้บริษัทจอคอมต่างๆ อย่าง

                    Dell, AOC, Viewsonic, BenQ, HP, Acer และอีกสารพัด ก็จะซื้อ PANEL จากบริษัทผลิต PANEL ด้านบน มาทำรูปร่างภายนอก ขาตั้ง กรอบ วงจรควบคุม Backlight/จอ และพวก Firmware อะไรพวกนี้เองครับ

                    แต่เดิม ผมเคยคิดว่ามันจะคล้ายกันหมด เพราะสั่ง PANEL มาจากที่เดียวกัน บางรุ่นรหัสเดียวกันเลย แต่ผมคิดผิดครับ


                    มีบางรุ่นที่คล้ายกันจริง แต่ส่วนมากต่างกันพอควรครับ

                    เพราะนอกจากรหัสหลักแล้ว มันยังมีรหัสย่อยอีกครับ ซึ่งรหัสย่อยที่ตัวอักษรเปลี่ยนไปแค่ตัวเดียว บางทีจอกลับเป็นคนละ spec เลยจริงๆ ครับ อีกทั้งวงจร ควบคุมและ Firmware อะไรพวกนี้มีผลมากๆ ครับ มากกว่าที่ผมเคยคิดเยอะมากๆ



                    บางอย่าง Research อ่านข้อมูลในเน็ตเยอะมาก Research จากหลายที่มากทั้ง Forum ในอังกฤษ, อเมริกา, รัสเซีย


                    พวก Specification บางอย่างคล้ายกันมากจริง แต่ conclusion ของผู้เขียนส่วนมากในนั้นกลับมีการชมจอนั้น จอนี้ ผมเองไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ จนกระทั่งเจอกับตัวเลยรู้เลยว่า conclusion (ความเห็น) ของผู้เขียนรีวิวเทพๆ ละเอียดๆ เหล่านั้น ไม่ได้เกินจริงสักนิดครับ พวกนั้นรีวิวกันจริงจังมาก มี colorimeter มี osiloscope มีสารพัด สารพันเครื่องมือเลยครับ ผลสุดท้ายส่วนมากเขาจะพอใจแต่ละรุ่นไม่เท่ากัน ซึ่งมาลองแล้ว OK ครับ จริงตามนั้นจริงๆ


                    เป็นอันว่าความคิดที่ว่า PANEL ซื้อมาจากที่เดียวกัน คงออกมาคล้ายๆ กันของผมผิดถนัด มีการคัดเกรด มีการคัดสเปคแยกย่อยอีกเยอะ รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ มีผลอีกเยอะเลยครับ

                    Comment


                    • #11
                      ว่าแล้วมาเข้าเรื่องรีวิวกันต่อเลยครับ




                      มาว่ากันที่ Spec ของ Dell ทั้ง 3 ตัวนี้กันก่อนครับ ทั้ง 3 ตัวนี้มีความคล้ายคลึงกันมากๆ ครับ


                      1. Dell U2414H

                      เป็นจอขนาด 24" ใช้ Panel (แผงจอภาพ) แบบ AH-IPS ขนาด 23.8"


                      มีช่องเชื่อมต่อ



                      DisplayPort เข้าและออก อย่างละช่อง (เพราะจอตัวนี้ support ระบบ Daisy chain หรือเชื่อมต่อหลายจอโดยทุกจอเป็นอิสระต่อกันผ่านสาย DisplayPort เส้นเดียว) ออกจากการ์ดจอมาเส้นเดียว ต่อหน้าจออิสระได้หลายจอเหมือนออกมาหลายเส้น

                      Mini DisplayPort

                      HDMI 2 ช่อง (รองรับ MHL ทั้ง 2 ช่อง)

                      ช่อง Audio Out สำหรับเสียบลำโพงหรือหูฟัง เพื่อเอาเสียงจาก HDMI/Display Port ที่ต่อมาเข้าจอ ออกลำโพงหรือหูฟัง

                      และมี HUB USB 3.0 ในตัว 4 Port อยู่หลังจอ 1 Port อยู่ใต้จอ 3 Port

                      1 Port ด้านหลังจอมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมคือสามารถชาร์จ SmartPhone และ Tablet ด้วยกระแสสูง (iPad, ETC) ทำให้เต็มไวเทียบเท่าใช้ Adapter ของมันเอง แต่ไม่ต้องไปหาที่เสียบ Adapter ให้เมื่อย ปิดเครืองคอมอยู่ก็ชาร์จได้



                      Coating : Lightest AG


                      เป็นหน้าจอ Calibrate มาให้จากโรงงาน ถึงไม่มีเครื่อง Calibrate ที่บ้านก็สามารถใช้สีตรงๆ เพื่อทำงานที่เกียวกับสีได้บ้างในราคาประหยัด และถึงเป็นผู้ใช้ทั่วไปก็ได้ประโยชน์จากสีที่ผ่านการคาลิเบรตครับ

                      โดยสีจะตรงกว่า และ Factory Calibrate จะไม่ค่อยเสียความสว่างเหมือน Manual Calibrate ที่ทำเองคร่าวๆ

                      นอกจากนั้นสีที่ตรงๆ จะสวยงามกว่ามากๆ ครับ ลงได้ลึก และได้ Color Balance ที่ดีมากๆ ครับ สมดุลระหว่างสีจะดีมากๆ ซึ่งใช้แค่อ่านเว็บ ดูหนัง ทำอะไรก็ได้ประโยชน์หมดครับ สวยขึ้นมาก สบายตาขึ้นมากครับ




                      เลือกซื้อ Rev.A01 ขึ้นไปนะครับ ตอน Rev.A00 ที่ผมหาข้อมูลมาตอนแรกข้อเสียเยอะอยู่ พอมาเป็น Rev.A01 ขึ้นไป แทบไม่เจอปัญหาที่เคย research ข้อมูลไว้เลยครับ

                      Comment


                      • #12
                        2. - 3. Dell P2414H และ P2314H

                        P2314H เป็นจอขนาด 23" ใช้ Panel (แผงจอภาพ) แบบ AH-IPS ขนาด 23"

                        P2414H เป็นจอขนาด 24" ใช้ Panel (แผงจอภาพ) แบบ AH-IPS ขนาด 23.8"


                        มีช่องเชื่อมต่อ



                        DVI-D

                        VGA

                        DisplayPort

                        และมี HUB USB 2.0 ในตัว 4 Port อยู่ด้านหลังจอ 1 Port อยู่ใต้จอ 3 Port (ไม่มีความสามารถพิเสษ)



                        Coating : Normal ค่อนไปทาง Light AG



                        P2414H เลือกซื้อได้เลยครับ

                        P2314H ต้องดูว่าจะได้ lot ไหนนะครับ จะมีบางตัวเป็นจอที่เรียง sub pixel ผิด จอปกติเรียง RGB เจ้า P2314H บางล็อตจะเรียง BGR ครับ ถ้าเป็น Windows ยังพอเข้าไปปรับ font hinting ใหม่ได้ แต่ก็น่าเบื่อ ส่วนถ้าเป็น OSX ต้อง mount จอตีลังกา 360 องศาเพื่อใช้นะครับ

                        วิธีการเช็คว่าเรียง Sub Pixel ถูกไหมให้ใช้รูปนี้ครับ

                        http://www.lagom.nl/lcd-test/subpixel.php

                        แถบดำจะต้องอยู่ด้านซ้ายของกรอบฟ้าตัดแดงครับ

                        Comment


                        • #13
                          มาดูรีวิวการใช้งานของทั้ง 3 ตัวนี้กันครับ



                          เริ่มที่ตัวแรก Dell P2314H


                          อย่างแรกเลย 23" นั้นเล็กไปสำหรับผมครับ เคยพยายามลองใช้หลายทีเนื่องจากขนาดมันจะเล็กลงหน่อยบนโต๊ะผมใช้ 2 จอจะได้ไม่รก ผลคือ ทนไม่ได้สักครั้งกับ 1920 x 1080 ขนาด 23" ครับ

                          เหมือนมันเล็กไปหน่อยๆ ตลอด ทั้งหน้าคน ทั้งตัวหนังสือบางตัว

                          เหมือนกับ 24" นั้นเป็น Sweet spot สำหรับจอขนาด 1920 x 1080 ครับ เพราะตัวหนังสือที่ใหญ่ขึ้นมานิดนึง ส่งผลให้ขนาดที่เล็กที่สุด พอดิบพอดี อ่านง่ายและยังคงความสวยงามอยู่ครับ (ผมไม่ชอบปรับ minimum font size เพราะทำให้เสียความสวยงามของรูปแบบเว็บโดยรวมครับ เป็นโรคจิตชนิด Perfectionism อ่อนๆ ครับ)



                          มาต่อกันที่ตัวจอ นอกจากขนาดที่ไม่ถูกใจผมแล้ว จอตัวนี้เรียกได้ว่าดีทุกอย่างครับ ถ้าคุณไม่ใช้ HDMI (ซึ่งสำหรับผมส่วนมากพวก HD Player หรือ Console ต่างๆ ผมต่อกับ TV หมดอยู่แล้ว จอคอมมันเล็กไปครับ)



                          Coating ของจอจะค่อนข้างละเอียด คือไม่หยาบมาก ดีกว่าจอ TN ทั่วไปส่วนมากนิดนึง และดีกว่าจอ IPS รุ่นก่อนๆ พวก e-ips เยอะ เยอะมากๆ ครับ ไม่ค่อยมีเม็ดระยิบระยับ และก็สม่ำเสมอดีพอควร ไม่ทำให้สีขาวดูสกปรกเท่าไหร่ครับ



                          พอร์ตการเชื่อมต่อ นี่เป็นอะไรที่ผมชอบมาก เหมาะกับการเป็นจอคอมสุดๆ VGA, DVI-D, DisplayPort เป็นอะไรที่ไร้ปัญหาสุดๆ แล้วสำหรับจอคอมครับ

                          **ผู้ที่ใช้ HDMI กับจอคอมนั้น อาจจะยังไม่รู้ว่ามันมีปัญหาครับ มันจะจ่ายสีให้จอไม่ครบนะครับ ต้องไปแก้ไข แทนที่จะจ่ายช่วงสี Full RGB 0-255 มันจ่ายเป็น Limit RGB 16-235 ครับ และผู้ใช้ส่วนมากก็จะไม่รู้ตัวใช้ไปทั้งๆ ที่สีไม่ครบแบบนั้นครับ อันนี้จะเขียนบทความแยกให้หลังรีวิวจบครับ***



                          รูปร่างภายนอกและวัสดุ

                          ต้องบอกว่าดูดีครับ ใช้ Plastic อย่างดี ทั้งหมดสวยงาม ให้สัมผัสที่ดีใช้ได้ครับ (แต่ยังไม่สุด) การเก็บงานเหมือนเอาขาที่มีตำหนิหน่อยๆ มาลงกับตัว 23" ส่วนตัว 24" ได้อานิสงค์จาก ซีรี่ U ซึ่งเป็นซีรี่ท็อป ซึ่ง P2414H ดันใช้ร่วมกับ U2414H เลยได้ของที่คุณภาพดีกว่าพวก P2314H ไปโดยปริยายครับ (อย่างว่าครับราคาก็แพงกว่า)

                          ปุ่มเป็นแบบดั้งเดิมที่กดๆ ซึ่งผมชอบมาก Dell ทำมาดีมาก ไม่ต้องกดก็อกๆ แก๊กๆ เหมือนยี่ห้อถูกๆ ครับ ออกแบบมาดี

                          ปุ่มเปิด-ปิด มีไฟในตัว เป็นไฟรูปสัญลักณ์ Power สวยงามมากครับ และเวลา StandBy จะกระพริบแบบค่อยๆ หรี่จนสุด และค่อยๆ สว่างจนสุด ครับ สวยงามดี เป็นไฟสีขาว สามารถสั่งปิดได้ใน Menu ครับ

                          ช่องเสียบสายมีแผ่น Plastic ไว้ปิดอีกชั้นถอดออกได้มีสลักล็อค สวยงามมากๆ ครับ ทุกช่องดูแน่นหนา และสวยงามทนทาน กว่าพวกจอถูกๆ เยอะมากๆ ครับ

                          เป็นวัสดุแบบ matte คือไม่สะท้อนแสงทั้งหมด ให้อารมณ์ Professional เรียบหรูกว่าแบบ Glossy มากครับ



                          มีระบบ Cable Management สายจะมองไม่เห็นจากด้านหน้าครับจะไม่รก จะมีช่องให้สายออกและขาตั้งจะบังสายตาได้พอดีครับ




                          ตัวขาตั้ง มั่นคง แข็งแรงมากๆ ออกมาจากกล่องเป็นแบบประกอบมาเสร็จสรรพ แยกตัวขาตั้งกับจอ ใช้สลักโลหะล็อคอย่างหรู ไม่ใช่ขาก็อกๆ แก๊กๆ เหมือนยี่ห้ออื่นครับ

                          ขาตั้งปรับได้ทุกแบบ ตะแคง ซ้ายขวา หมุน บิด 90 องศา ขึ้น ลง ก้ม เงย ได้เยอะมากทุกทิศทางครับ เป็นขาตั้งที่โครต Perfect ครับ

                          ตัวขาตั้งมั่นคงมากๆ ครับ ไม่มีกระดุกกระดิก จับจอเขย่าจอยังไม่สั่นนิ่งสนิท ยังกับรถรถไฟครับ แข็ง แน่นหนา มากๆ นิ่งยังกับกำแพง ไม่มีสั่น ไม่มีกระดิก

                          และการที่มันปรับได้อิสระทุกมิติ ทำให้ท่านใช้คอมได้สบายคอ สบายตาขึ้นเยอะครับ เพราะสามารถปรับได้ระดับที่เหมาะสมที่สุดได้ ดีต่อสุขภาพครับ


                          เฉพาะขาตั้งกับคุณภาพวัสดุ ผมยอมจ่ายแพงกว่านี้ยังได้ครับ ทำออกมาดีจริงๆ



                          คือตัวเป็นๆ วางนี่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นของดีมีราคาครับ ต่างกันสุดๆ



                          มาว่าเรื่อง Menu ครับ




                          ภาพแรก Menu ของ P2314H

                          ภาพที่สอง Menu ของ P2414H

                          Menu เนี่ย ดูดีมีชาติตระกูลมากๆ ยังไม่พอ ใช้งานง่ายโครตๆ ครับ ปุ่มกด กับ Menu นี่มันออกแบบมาเข้ากั๊น เข้ากัน สมบูรณ์แบบมากๆ

                          ไม่งง ไม่วุ่นวาย วางทุกอย่างถูกที่ ถูกทางไปหมด Perfect ครับ



                          มาต่อกันเรื่องสีสัน สีของจอทั่วไปพวกนี้ พวก Uncalibrate พวกนี้ส่วนมากจะต้องลุ้นกันว่าจะออกมาเป็นแบบไหน ขาวไหม เหลืองไหม ฟ้าไหม แต่ 99% สีไม่ตรงครับ คุณอาจดูว่าตรง แต่จริงๆ ไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าตรงครับ (เป็นทุกยี่ห้อ)

                          ถ้า Calibrate ได้ (มีเครื่อง Spyder หรือ Colorimeter ยี่ห้ออื่นๆ) หรืออย่างน้อยที่สุด มีจอที่ผ่านการ Calibrate มาแล้วอยู่ข้างๆ ให้เทียบปรับ โดยปรับระดับ Hardware Level (ปรับจอ) ให้ใกล้เคียงที่สุดก่อน จึงตามด้วย Driver Level

                          สีจะออกมาดีขึ้นมากๆ ครับ อย่างกับคนละจอกับก่อน Calibrate



                          ดูตามภาพบนไม่ต้องพูดให้มากความครับ นั่นคือ IPS ที่ยังไม่คาลิเบรต ต่อให้เทียบกับจอ TN ปกติ ที่ผ่านการ Calibrate แล้วด้านขวามือ ดูสภาพครับ

                          สีมันเพี้ยนไปหมด แม้แต่การไล่โทน Grey scale ก็ยังไม่รอดครับ ออกมาสีผิดไปหมด แต่ถ้าเอาไปใช้จอเดียว หรือยกให้ใครไปใช้ จะไม่รู้นะครับว่าเป็นแบบนี้ ยกเว้นเทียบกับจอที่ผ่านการคาลิเบตรมาแล้ว ดังนั้นใครมีแต่จอที่ยังไม่คาลิเบรต มักจะคิดว่าสีของจอตัวเองปกติ ทั้งๆ ที่ จริงๆ ***งไปไกลครับ

                          จอตัวนั้นตอนเทสที่ร้าน สีก็เหมือนๆ กับจอตัวอื่นๆ ในร้านคิดดูครับ ว่าจอปกติมันเพี้ยนขนาดไหน


                          แต่พอดีผม Calibrate ได้เรื่องนี้เลยไม่เกิดปัญหาครับ


                          แต่ถ้าไม่ซีเรียสมาก หรือใช้แค่จอเดียวจัดไปเลยครับ พอได้อยู่ครับ




                          มาต่อกันเรื่องความสามารถในการคาลิเบรต

                          ความสามารถในการคาลิเบรตนั้น แต่ละจอไม่เท่ากันครับ แน่นอนว่าคาลิเบรตแล้วความสว่างจะลดลงครับ

                          แต่ปกติ ไม่ควรใช้จอที่ความสว่างสูงสุดนะครับ ควรใช้ที่ราวๆ 120 - 200 nits เท่านั้นครับ

                          เจ้านี่ความสามารถในการรับการ Calibrate จัดว่าดีครับ หลัง Calibrate แล้วไม่สูญเสียสมดุลสีเท่าไหร่ครับ

                          ต้องยอมรับว่า Dell ทำ Firmware และ Hardware ส่วนอื่นๆ ได้ดีจริงๆ ครับ



                          มาต่อกันที่เรื่องของ uniformity ของหน้าจอ


                          ความสม่ำเสมอของแสงสว่าง ทั่วจอ

                          ความสม่ำเสมอของแสงขาว ทั่วจอ

                          ความสม่ำเสมอของสีดำ ทั่วจอ


                          อย่างที่ทราบว่าของในโลกไม่มีอะไร Perfect ครับ หน้าจอในราคาระดับไม่เกิน 20,000 ทุกตัว น่าจะมีปัญหานี้



                          แต่อย่างน้อยเจ้าจอตัวนี้ทำได้ดีกว่าพวก IPS ถูกๆ ครับ อาจจะเพราะ Dell เข้มงวดเรื่อง Panel ที่สงเข้ามามากกว่า หรือมีการคัด lot คัดรหัสย่อยของ Panel ให้ได้ที่ดีกว่าตลาดๆ ทั่วไป หรืออย่างไรไม่ทราบนะครับ อาจจะเป็นส่วนทำให้ต้นทุนสูงขึ้นด้วย


                          แต่ผลที่ได้รับคือดีกว่าจอบ้านๆ พอควรเลยครับ ดีกว่าพวก AOC และ Viewsonic ไม่น้อยครับ ตอนแรกผมมองข้ามเรื่องนี้ไป ตอนนี้ทราบแล้วครับ




                          มาว่ากันเรื่อง Flicker Free เจ้าตัวนี้เป็น PWM Free โดยสมบูรณ์ครับ ต่างประเทศทดสอบโดยการถอดสายไฟเลี้ยง backlight ต่อตรงเข้า osilloscope เพื่อวัดว่ากระแสตรงไหม ตลอดย่านความสว่าง ผลคือกระแสตรงหมด จอไม่มี Flicker แบบสมบูรณ์ 100% ไม่มีทั้ง Visible และ Invisible Flicker ครับ



                          อุปกรณ์ที่แถมมาไม่อะไรเลย โครตๆ แห่งความไม่มีอะไรเลย

                          มีสายไฟ 1 เส้น

                          สาย VGA 1 เส้น

                          สาย USB 1 เส้น

                          กับคู่มือและ Driver ประมาณนี้ครับ



                          มาต่อกันที่เรื่องของปัญหาต่างๆ ในการใช้งาน


                          เจ้าตัวนี้ไร้ปัญหาโดยสิ้นเชิงครับ จอบางจอ อาจฟังดูตลก

                          แต่ http://www.lagom.nl/lcd-test/clock_phase.php ลองเปิด link บนดูรอให้มันโหลดเสร็จและเอาให้ภาพเกือบเต็มจอ

                          จอบางจอมีปัญหามีเสียงวี๊ดเบาๆ นะครับ เคยเจอใน AOC บางตัวครับ

                          และบางจอมีเสียงความถี่สูงออกมาจากจอเบาๆ ตลอด


                          แต่เจ้า Dell ตัวนี้ไร้ปัญหาโดยสิ้นเชิงครับ





                          สรุปแล้วเป็นจอที่คุ้มราคามากๆ ตัวนึงครับ สำหรับผมถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา คุ้มกว่าพวกยี่ห้อบ้านๆ ที่ราคาถูกกว่าหลายพันครับ



                          แค่ Flicker Free ที่สมบูรณ์แบบ + ขาตั้งและวัสดุ ก็คุ้มค่าแล้วครับ


                          โดยมีเรื่องประกันที่โครตสุดยอดอีก เดี๋ยวประกันสรุปให้ทีเดียวครับ

                          Comment


                          • #14
                            มาต่อกันที่ P2414H อันนี้เหมือนกันทุกอย่างกับตัวบน ยกเว้น 2 เรื่องครับ


                            1. ขนาด

                            ขนาด 24" สำหรับผมเป็นขนาดที่เหมาะกับจอคอมความละเอียด 1080p ที่สุดในระยะที่ผมนั่งเล่นครับ ไม่ต้องกวาดตา และได้ขนาดใหญ่กำลังดีสุดๆ ครับ

                            อย่าง 27" ทั้งหลายผมจะซื้อมาวางเล่นก็ไม่เดือดร้อน และเคยลองแล้วแต่ไม่ถูกใจเพราะที่ขนาด 1080p มันหยาบไปสำหรับผม และเมื่อยตาครับบอกตรงๆ ต้องกวาดสายตาแม้จะไม่เยอะ แต่มันต่างพอดีระดับต้องกวาด กับไม่ต้องกวาดครับ

                            27" ขนาด 2560 x 1440 หรืออื่นๆ อันนี้ค่อยน่าลองหน่อย เพราะจะได้พื้นที่ทำงานเยอะขึ้นมาก และไม่หยาบ แต่ก็เมื่อยตาอยู่ดี เดี๋ยวเอาไว้วันไหนซื้อแบบ 4k มาใช้ค่อยเปลี่ยนโต๊ะทีเดียวครับ จะได้ระยะที่ดีกว่านี้หน่อยครับ


                            2. คุณภาพวัสดุ

                            คุณภาพของวัสดุและงานประกอบ P2414H ดีกว่า P2314H ครับ ซึ่งก็แปลกดีไม่ใช่แค่ Dell ครับ แต่หลายยี่ห้อหลายครั้งจะเห็น รุ่น 24" มักจะกระโดดไปดีกว่า 23" ตลอด คงเพราะราคาที่แพงกว่าในต้นทุนที่แทบจะเท่าเดิมเลยกลายเป็น Premium กว่า 23" ก็เป็นได้ครับ

                            Comment


                            • #15
                              ทีนี้มาดู U2414H กันต่อครับ


                              เป็นจอที่ก่อนซื้อหาข้อมูลไว้นานมาก เพราะ Revision แรกข้อเสียเยอะ เลยไม่ได้ซื้อสักที แต่สุดท้ายว่ากันว่าฟัง 10 ปากไม่เท่าลองเอง เลยซื้อมาลองขำๆ มันก็ไม่ได้แพงอะไร 8 - 9 พันบาท อยู่ในระดับที่ถือว่าเล่นขำๆ ได้อยู่ เลยจัดมาลองเองซะเลย

                              ผลคือ Stun ครับ ดีกว่าที่คาดมาก แม้โดยรวมจะคล้าย P2414H มากๆ แต่มีอะไรดีกว่าหลายอย่างเลยจริงๆ ครับ



                              Panel ตอนแรกนึกว่าจะเหมือนกัน เพราะรหัสใกล้กันมาก

                              P2414H : LM238WF1-SLA3

                              U2414H : LM238WF2-SSA1


                              แต่ปรากฏว่า

                              1. Coating

                              Panel ใน U2414H เคลือบ AG มาดีกว่ามากครับ เป็น AG ที่ Light มากๆ

                              แทบจะเป็น Semi-Glossy อยู่แล้ว ดูสะอาดตาและสบายตาสุดๆ ดีกว่า P2414H / P2314H เยอะเลยครับ


                              2. Uniform ของหน้าจอ พวกความสม่ำเสมอของ สีดำ สีขาว และความสว่าง ดีกว่า P2314H และ P2414H ที่ก็ว่าดีแล้วอีกครับ ไม่เสียแรงที่เป็น U Series ของ Dell ครับ


                              3. วัสดุอื่นๆ นอกจากขา(ที่เหมือน P2414H ทุกประการ) ดีกว่า P2414H ครับ จับปุ๊ปรู้ทันที


                              4. มันเล็กได้ใจครับ จอใหญ่ แต่ตัวเล็ก โดยยังดูดีมีราคาและแข็งแรงสุดๆ เหมือนเดิม อันนี้ขอชมครับ


                              5. Factory Calibrate นั้น Dell Calibrate ให้อย่างดีครับ Delta ส่วนมากอยู่ที่ต่ำกว่า 2 ทั้งนั้นครับ มีมากสุดประมาณ 3 ถือว่าสุดยอดครับ แทบไม่ต้องคาลิเบรตเองซ้ำเลยครับ ดีพอจะใช้งานได้เลยครับ



                              ดูตามภาพ Report ด้านบนได้เลยครับ

                              ***ท่านที่ซื้อจอรุ่น U2414H โปรดทราบ เขา Calibrate มาให้เฉพาะใน Profile sRGB นะครับ อย่าลืมไปเปลี่ยน ถ้ายังใช้ Normal หรืออื่นๆ คือท่านยังใช้ไม่คุ้มนะครับ


                              6. USB 3.0 hub ซึ่งค่อยมีประโยชน์หน่อย เพราะ USB 2.0 มีเยอะแล้ว แถมช้า และ USB 3.0 ของ U2414H ยังไม่ธรรมดา Port หลังจอที่เสียบง่ายที่สุดนั้น เป็น High Power Charging Port ด้วยครับ

                              ซึ่่ง High Power Charge port นั้นมีประโยชน์มาก นอกจากมันจะเป็น USB 3.0 แล้ว มันยังชาร์จพวกอุปกรณ์ที่กินกระแสสูงๆ อย่าง iPad ได้ด้วยความเร็วเดียวกับ Adapter ของมันเอง โดยไม่ต้องไปเสียบไฟให้ยุ่งยาก

                              ซึ่งการเสียบสาย USB หลังจอ มันสะดวกกว่าการเสียบ Wall Charger มาก เพราะระยะสายมันจะไม่ต้องลากยาว ทำให้ใช้งานบนโต๊ะระหว่างชาร์จได้อย่างเทพ ด้วยความเร็วระดับเดียวกับ Wall Charger ครับ ยอดครับ


                              7. ช่อง HDMI ของมันเป็น MHL เวลาที่ท่านอยากเล่นเกมในมือถือหรือ tablet จอใหญ่ๆ ก็เสียบ HDMI นี่แหละ นอกจากจะส่งภาพแบบ uncompresses ทำให้เร็วเท่าจอของมันเองไม่มี lag แล้ว ในสายเส้นเดียวกัน มันยังชาร์จไฟด้วยกระแสสูงระหว่างเล่นได้ด้วย ทำให้แบตไม่หมดครับ


                              8. มันเป็นจอไร้ขอบที่บางที่สุดในโลก ณ เวลานี้ครับ world's thinnest border ครับ ยี่ห้ออื่นทำภาพโฆษณาโครตแหล เลย บอกตรงๆ ขอบในใหญ่มากๆ

                              แต่เจ้าตัวนี้ขอบนอกเล็กมากๆ ประมาณ 1mm ขอบในก็เล็กสุดๆ ประมาณ 4mm กว่าๆ 2 ขอบรวมกัน ขอบบางกว่าโฆษณาแหลๆ ของยี่ห้ออื่นอีก แต่นี่ของจริง บางจริง

                              บางกว่าพวกไร้ขอบยี่ห้ออื่นเป็นครึ่งนึงหรือมากกว่าได้ครับ

                              เหมาะกับเอามาต่อ Multi monitor ที่สุดแล้วครับ


                              9. มันต่อ Daisy Chain ได้ คือสาย DP ออกมาจากการ์ดจอเส้นเดียว ต่อจอได้อิสระเหมือนออกมาหลายเส้น สุดยอดครับ เหมาะกับคุณสมบัติข้อ 8 มากๆ


                              10. สาย DisplayPort ที่แถมมามันสุดยอด เป็น Mini DP - DP ทำให้ถ้าเครื่องท่านมีช่อง Mini DP ก็เสียบได้ เครื่องท่านมีช่อง Full Size DP ก็เสียบได้อีก เออสุดยอด


                              11. Menu มีอะไรให้ปรับเยอะกว่า และมี Function รองรับ MAC ใน Menu ด้วย

                              Comment

                              Working...
                              X