Review : Notebook สำหรับพกพา ไปทำงานนอกสถานที่ MacBook Air vs อื่นๆ

[Prime Time]

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวกันว่า ทำไม ผมจึงเลือก MacBook Air เป็น Notebook สำหรับใช้งานนอกสถานที่ / เวลาเดินทางของผม ท้าวความก่อนว่ารีวิวฉบับนี้มีรีเควสมาจากผู้อ่านท่านนึงในเว็บบอร์ดแห่งนึงที่ผมลงรีวิวเป็นประจำ PM มาว่าผมใช้ Notebook รุ่นไหนและเพราะอะไรถึงเลือกรุ่นนั้นครับ

จะเป็นแนวรีวิว + บอกเล่าประสบการณ์เหมือนที่ รีเควส มามากกว่านะครับ อาจจะไม่ค่อยได้สาระอะไรมาก เป็นแค่การบอกเล่าประสบการณ์และความเห็นมากกว่าครับ ไม่อยากเสียเวลาข้ามไปเลยก็ได้ครับ



ก่อนอื่นมาชมภาพกันก่อนครับ















แยกรูปเพิ่มเติม







จะได้เห็นว่าเป็นรุ่นปัจจุบัน (haswell) ทั้ง 2 เครื่องนะครับ

นอกจากนี้ยังจะได้เห็นความบางของมันครับ เทียบกับ slot USB ที่ได้เลย ส่วนที่หนาที่สุดหนาไม่เกิน Flash Drive บางๆ เท่านั้นเองครับ




หรือรูปนี้จะเห็นได้ว่าเทียบกับ Notebook มารตฐานในท้องตลาดทั่วไป เจ้า Air บางขนาดไหนครับ น้ำหนักก็เบากว่ามากๆ ด้วยครับ

[Prime Time]

Notebook ที่จะเอามารีวิวทั้งหมดในวันนี้ครับ

ตามภาพนะครับ จะมี

1-2. Apple MacBook Air 11" และ 13" รุ่นปัจจุบันสังเกตจากรูปที่เห็นนะครับ รูไมโครโฟน 2 รูนะครับ รุ่นปัจจุบัน (haswell) จะเป็น dual mic ตัดเสียงรบกวน ส่วนรุ่นเก่ากว่านี้จะเป็น single mic ครับ ราคา 30,900 และ 34,900 ตามลำดับครับ

3. Toshiba C640 intel Core i5 ราคาประมาณ 2x,xxx บาท จำไม่ได้ครับ (เอามาไว้ให้ดูเฉยๆ ว่าไม่ได้อคติกับ Windows notebook แต่อย่างใด ซื้อมาตั้งไว้เหมือนกันครับ)

4. Thinkpad ในตำนานครับ เป็นรุ่นที่ซื้อสมัยออกใหม่ๆ หลายปีก่อน ราคาราวๆ 5x,000 ถ้าจำไม่ผิดครับ (ตัวนี้ไม่ได้เอามาแข่ง เอามาให้ดูเฉยๆ ว่าคลุกคลีกับ Notebook มานาน ซื้อตัวท็อปๆ มาใช้ตลอดครับ)


และอดีตที่เคยใช้จะมี

MacBook White, MacBook Pro, MacBook Pro Retina, MacBook Air gen เก่าๆ

Asus UX32 ซึ่งเป็น Ultrabook ของฝั่ง Windows ราคาประมาณ 3x,xxx ถ้าผมจำไม่ผิดครับ

Dell Inspiron 14" 15"

Dell Vostro

Microsoft Surface Pro 1

และอื่นๆ ที่อาจจะไม่ได้กล่าวถึงครับ

[Prime Time]

ก่อนอื่นมาท้าวความพื้นหลังของผมก่อนนะครับ ตัวผมเองคลุกคลีกับคอมพิวเตอร์เยอะเหมือนกันครับ และปกติไม่ได้ Bias กับข้างใดเป็นพิเศษ Microsoft Windows ผมก็ชอบ / Apple OSX ผมก็ชอบ / Android ผมก็ชอบ และใช้ทุกอย่าง ใช้ให้เหมาะกับความต้องการของผมครับ

ถ้าตามดูรีวิวเก่าๆ จะทราบว่าผมทุ่มกับคอมหลักซึ่งเป็น Windows เยอะระดับหลักแสนบาทเลยทีเดียวครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเจอ Bias กับ Microsoft Windows ครับ




ว่าแล้วก็มาเข้าเรื่องก่อนเลยครับ ก่อนอื่นขอบรรยายนำก่อนว่า ทำไมถึงต้องเป็น MacBook Air


ปกติผมจะใช้คอมตั้งโต๊ะเป็นหลักนะครับ เรียกได้ว่า 70% ของการใช้งานคอมพิวเตอร์ผมมักจะใช้ Desktop ครับ


สำหรับผม

Desktop = ของจริง ทำงานสะดวกสุด ไวสุด ครอบคลุมสุด

Tablet = ของเล่น ส่วนมากจะเอาไว้อ่านเว็บเล็กๆ น้อยๆ นอกสถานที่ หรือบริเวณต่างๆ ในบ้าน ใช้ได้เล็กๆ น้อยๆ จริงครับ

Notebook = ของจริง ในเวลาที่ไม่สะดวกจะใช้ Desktop ครับ


ด้วยความที่ครอบครัวผมมีอาชีพเกี่ยวกับการส่งออกสินค้า / ติดต่อค้าขายสินค้ากับต่างประเทศ ผมเองในบางช่วงจึงต้องเดินทางบ่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่า Computer ตั้งโต๊ะจะดี จะเทพ แค่ไหนก็เอาติดตัวไปด้วยไม่ได้ครับ จึงจำเป็นต้องมี Notebook สำหรับเอาไว้ใช้นอกสถานที่

สมัยก่อนเลย ก็จะใช้สลับ MacBook บ้าง Windows Notebook บ้างแล้วแต่อารมณ์เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่ต่างกันมากครับ สำหรับประสิทธิภาพต่องานนอกสถานที่


**บางท่านอาจจะมีคำถาม ทำไมไม่ใช้ tablet แทน?? ผมบอกตรงนี้เลย tablet สำหรับผมมันแค่ของเล่นครับ จะทำงานอะไรนี่ลำบากมากถึงมากที่สุด เรียกได้ว่า ไว้เล่น ไว้ให้ความบันเทิงมากกว่าครับ**.


****ผมเห็นหลายกระทู้ในพันทิปจะมีบางความเห็นมาโพสทุกกระทู้ที่คนสนใจ Notebook ว่า เดี๋ยวนี้ tablet ดีกว่า ต่างๆ นาๆ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าคนเขาจะเอาไปทำอะไร บอกเลยว่าถ้าเอาไปทำอะไรที่จริงจังหน่อย tablet ไม่รอดครับ แค่งาน simple บางอย่างก็ทำไม่ได้แล้ว ช้ากว่า Notebook มากด้วยสำหรับประสิทธิภาพครับ****


ดังนั้นเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับงานครับ

[Prime Time]

ตัดข้ามมาเรื่อง Notebook ต่อครับ สำหรับคนที่ใช้งาน Notebook เป็น Notebook จริงๆ อย่างผมคือ

1. เอาไปใช้นอกสถานที่ หาที่เสียบสายยาก การใช้งานส่วนมากคือ ไร้สายชาร์จ

2. ยัดใส่กระเป๋านั่นนี่ไปด้วย เผื่อไว้ตลอดจะใช้จะได้ใช้ได้ตลอด


ซึ่ง 2 เรื่องนี้ สำหรับผมตามหามานานมากๆ สำหรับ Notebook ที่

1. แบตทนจนใช้งานได้จริงๆ นานติดกันเกิน 10-12 ชั่วโมง

2. บางเบาขนาดใส่ไว้กับกระเป๋าอะไรก็ได้ และเบาพอจะพกเพิ่มทั้งวันโดยไม่รู้สึกว่ามีน้ำหนักเพิ่ม

3. โดยที่ยังแรงในระดับ Notebook ปกติหรือแรงกว่า


ซึ่งเมื่อก่อนทั้ง Apple และ Windows notebook ไม่สามารถตอบโจทย์ผมได้ดีพอ เลยใช้กลับไป กลับมาครับ


จนมาถึงยุค 2012 MacBook Air แบตใช้ได้ 8-9 ชั่วโมง ก็ถือว่าพอทนขึ้น


และจน 2013-2014 MacBook Air ให้ผมได้ครบทุกอย่างที่ผมต้องการครับ

แบต ทนได้ 12-15 ชั่วโมงแบบใช้ติดกันไม่หยุด ออนไลน์ตลอดสบายๆ ครับ และแรง เร็ว ในระดับดีเลยทีเดียวครับ (ยกประโยชน์ให้ SSD ความเร็วสูงใน MacBook Air และ CPU intel gen 4 นี้แล้วกันครับ)

น้ำหนักเบามาก จนเหมือนไม่ได้แบกอะไรเพิ่มสักนิด และบางขนาดยัดใส่อะไรก็ได้ครับ


การมาของมันทำเอาชีวิตผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ ครับ คือ ผมไม่ต้องคิดเรื่อง Batt อีกต่อไป และทำงานได้เต็มที่โดยไม่ต้องเสียเวลามากังวลเรื่อง Batt อีกต่อไปครับ


นี่คือเหตุผลที่ MacBook Air กลายเป็น Ultrabook สำหรับนอกสถานที่ของผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ครับ

[Prime Time]

แต่ด้วยความชอบลองของผม จากที่เห็นในรีวิวทั้งหลายของผม จะทราบว่าผมเป็นคนเก็บอารมณ์อยากรู้ อยากลอง ในเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยอยู่ ผมจึงสรรหา Windows Ultrabook มาลองตลอดครับ


ผลเป็นอย่างไรมาชมกันครับ เข้าเนื้อหาของ Review สักที



เริ่มจาก Asus UX32 ก่อนครับ


เจ้าตัวนี้ราคาไม่แพ้ MacBook Air เท่าไหร่ แต่จากการลองใช้งานพบปัญหาดังนี้จึงไม่ใช้ต่อครับ

1. การควบคุมอย่าง Touchpad ที่ Asus อุตส่าห์ก็อปปึ้มาจาก Apple และโฆษณานักหนาว่างั้นงี้ เอาเข้าจริงต่างกันฟ้ากับเหวครับ Multi-Touch touchpad เหมือนกัน แต่การใช้งานตจริงต่างกันมากครับ

1.1 มี jitter ไม่สมูทธตลอดเวลา (แต่ส่วนใหญ่ก็ Smooth แต่ก็ยังเรียกว่าน่าเสียอารมณ์อยู่ดีครับ)

1.2 ไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับ OS บางอารมณ์มีไม่ได้ดังใจ

1.3 บางครั้ง touch โหดๆ แบบที่ทำกับ OSX แล้ว Asus ตัวนี้จะเบลอๆ ครับ


2. Battery การใช้งานจริงอายุต่ำกว่า MacBook Air เกินครึ่งครับ งานเดียวกัน MacBook Air ได้ 12-14 ชั่วโมงกว่าๆ สบายๆ แต่ UX32 ได้แค่ประมาณ 7 ชั่วโมงครับ

(ผมยังไม่เคยเห็น NoteBook Windows ตัวไหน แบตทนเท่า MacBook Air เลยครับ)


3. รู้สึกได้เลยว่าหนักกว่า MacBook Air


4. Keyboard สู้ไม่ได้


เรื่อง OS เดี๋ยวผมเทียบไปรวบยอดทีเดียวนะครับ

[Prime Time]

ต่อด้วย Microsoft Surface Pro

เจ้าตัวนี้ตอนแรกเป็นความหวังของผม คงเหมือนกับที่หลายๆ คนเคยหวังกับมัน แล้วก็ต้องผิดหวัง


1. ใช้งานจริงมันไม่ได้ เริดหรู แบบในโฆษณาที่ตั้งใจทำมา ทำอะไรดูคล่องไปหมด ของจริงไม่ใช่แบบนั้นครับ


2. Keyboard ไม่ได้เรื่องครับ ทำให้ไม่มีความสุขเลยเวลาต้องพิมพ์อะไรเยอะๆ บน Surface Pro


3. แบตไม่ทนเหมือนที่โฆษณาครับ ใช้จริง 5 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ร่วงแล้ว

[Prime Time]

ด้านบนคือเทียบกับคู่แข่งโดยตรงของมันครับ ต่อมาเราจะมาว่ากันที่มวยข้ามรุ่นกันบ้างครับ และบอกความสามารถของมันไปในตัวว่าทำไมมันถึงแพงกว่า Notebook บ้านๆ ครับ



เทียบกับ Notebook ทั่วไป นั้นมันต่างกันมากครับ ทั้งขนาด น้ำหนักและอายุแบต ครับ


สำหรับผมแล้วคุ้มมากครับ เพราะ Notebook ทั่วไปส่วนมาก เวลาพกพาผมรู้สึกถึงความหนักของมันได้ตลอดครับ รู้สึกได้ถึงภาระเลยครับ รวมทั้งไม่สามารถยัดใส่กระเป๋าอะไรก็ได้แบบ MacBook Air ครับ


เป็นเหตุผลที่ผมมีทั้งตัว 11" และ 13"

เพราะว่าตัว 11" มันเล็กพอจะใส่กระเป๋าสะพายข้างเล็กๆ จิ๋วๆ ระดับที่ใส่ iPad ได้ก็สามารถเอาคอมพิวเตอร์ที่เป็น full computer ใช้งานได้ทุกอย่าง อย่างมันไปได้ด้วยครับ

ในขณะที่ถ้าเดินทางจริงจังขึ้นมาหน่อย 13" สามารถใส่กระเป๋าอะไรก็ได้เช่นกัน โดยไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก แถม Battery ระดับใช้งานติดต่อกันไม่หยุด เปิด wireless 12-14 ชั่วโมงนั้น Impressive มากๆ ครับ ทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปเลยทีเดียวครับ

ด้วยการที่มันบางยังกับ tablet มันจึงใส่ไปในกระเป๋าอะไรก็ได้ครับ สะดวกมากๆ ตรงจุดนี้ครับ



ส่วนเรื่อง Battety ในงานเดียวกับความสว่างจอระดับเดียวกัน ใช้งานเหมือนกันนั้น Notebook ทั่วไปแบตใช้ไป 2-4 ชั่วโมงก็จะหมดแล้วครับ ในขณะที่ MacBook Air นั้นปาไป 12-14 ชั่วโมง ยังเหลือติดก้นอีกนิดหน่อยครับ ซึ่งตรงจุดนี้ต่างกันมากจริงๆ ครับ ในชีวิตการทำงานจริงมันเหมือนใช้งานได้ กับไม่ได้ เลยทีเดียวครับ เมื่อคุณได้ลองแบบนี้จะไม่กลับไปแบบเดิมอีกเลยครับ ถ้าไม่ได้ไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัด ผมไม่เคยพกที่ชาร์จไปด้วยอีกเลยครับ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้มันเบาเหลือเฟือจริงๆ ครับ

[Prime Time]

เรื่องความแรงนั้นมันแรงกว่า Notebook บ้านๆ ทั่้วไปเยอะอยู่ครับ โดยเฉพาะในการใช้งานทั่วไปนี่แรงกว่ามากครับ เนื่องมาจาก SSD ของมันที่เป็นแบบ PCIe M.2 ครับ ไม่ใช่ SATA แบบบ้านๆ ครับ รายละเอียดความแรงของ SSD ประเภทนี้อ่านได้ในรีวิว SSD ของผมครับ

http://www.overclockzone.com/forums/...B8%B1%E0%B8%9A


ตามกระทู้ด้านบนเลยครับ ใน MacBook ใช้ 2 แบบ แบบแรก SanDisk ที่สเป็ค 99% เหมือน Plextor M6e ในกระทู้นั้นทุกอย่าง และแบบที่สอง Samsung Custom build แรงกว่า M6e ในนั้นอีกนิดหน่อยครับ

SSD นั้นอย่าได้คิดว่ามีผลแค่ตอนเปิดโปรแกรมหรือเปิดเครื่องนะครับ คนไม่เคยใช้ SSD จะคิดแค่นั้น ให้ลองไปหาดูคนที่ใช้จริงบอกครับ มันมีผลตลอดเวลา ไม่เหมือนในจินตนาการครับ เพราะปกติ Program ต่างๆ มีการ Access Disk ตลอด แม้แต่ Browser อย่าง Google Chrome ก็ Acess Disk ตลอดเวลาที่ใช้งานครับ

และด้วยความแรงของ SSD นี้ + การออกแบบที่เฉพาะทางของมัน เวลา RAM หมดและมัน swap มาใช้ตรงจุดนี้ แทบไม่รู้สึกว่าช้าลงเท่าไหร่เลยครับ เร็วกว่า Notebook บ้านๆ บนแรมเหลือๆ ด้วยซ้ำครับ



ความสามารถในการประมวลผลนั้น i5 Haswell รุ่นใหม่นั้นให้มาเหลือเฟือกับงานทั่วไปครับ ดู Video 4K ได้ลื่นไหลทั้งบนเว็บ บนเครื่อง ทั้งใช้ CPU ถอดรหัส หรือใช้ GPU ถอดรหัสครับ

ตัว CPU นั้นแรงกว่าพวก Normal Voltage gen เก่าๆ ด้วยซ้ำครับ



อีกประการที่มันได้เปรียบคือ OS กับ Hardware มันออกแบบมาคู่กัน และจำกัดมากๆ ดังนั้นเวลาใช้งานจริง มันจึงลื่นไหลกว่าที่ท่านจะคิดไว้ครับ ลื่นไหลกว่าบน Windows อย่างเห็นได้ชัดครับ ส่วนนึงคงเป็นเพราะรูปแบบการออกแบบ UI ด้วยครับ เหมาะมากกับ Notebook แบบนี้ครับ Hardware และ Software มันทำงานร่วมกันไปหมด จะให้ประสบการณ์ที่ยากจะให้จาก Notebook Windows ทั่วไปครับ ต่างเยอะนะครับ



อีกประการคือมันรัน 2 OS ได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาเดียวกันครับ การใช้ Parallels หรือ Fusion ทำให้โปรแกรม Windows ที่รันบน VM เป็นอีกหน้าต่างนึงของมัน Intregate เข้าร่วมกันได้อย่างดีเหมือนใช้บน Native เลยครับ และใช้ได้สมบูณร์ด้วยครับ


ในขณะที่ Windows Notebook ถ้ารัน VM เพื่อใช้ OSX จะไม่สมบูณร์ส้กนิดครับ ใช้ QE/CI ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ทำให้บางโปรแกรมใช้ไม่ได้ หรือแม้แต่ function พื้นฐานของ OS ก็ใช้ไม่ได้ และ OS ไม่สมูทธด้วยซ้ำครับ เป็นคนละเรื่องเลยทีเดียวครับ



ระบบ Wireless ของมัน นิ่งและแรงระเบิดเทิดเทิงมากๆ ครับ AC wireless ถ้า Router คุณดีพอความเร็วไม่น้อยหน้า Gigabit Lan เท่าไหร่เลยครับ แรงกว่า Lan ปกติเยอะครับ





ซึ่งจริงๆ ด้วยราคาของมันนี่ก็เทียบกันไม่ได้อยู่แล้วครับ

[Prime Time]

มันเหมาะกับคนที่ใช้งานจริงจัง ทำทุกอย่างได้หมด เหมือนยกคอมที่บ้านไปด้วยแต่น้ำหนักเบากว่ามากและไม่ต้องเสียบสายอย่างแท้จริงครับ

แต่ไม่เหมาะกับคนเล่นเกม อย่างแน่นอนครับ




เรื่องจอของมันที่คนชอบติกัน คือ TN เองก็มีระดับคุณภาพหลายแบบครับ ที่เป็น TN ส่วนนึงเพราะเรื่องอัตราการกินไฟครับ



ตามภาพจะเห็นว่าผมมีเครื่องมือวัด-คาลิเบต อย่างดี เครื่องละประมาณ 10,000 บาท สามารถวัดและปรับแก้ charecteric ของจอได้ ผลการวัดออกมาจัดว่าดีกว่า จอ คอมบ้านๆ บางจอด้วยซ้ำครับ และดีกว่า Notebook ทั่วไปส่วนมากครับ ในเรื่องของ White Point, Color Gamut และอื่นๆ ครับ



ส่วนเรื่องจอจริงๆ ผมไม่ค่อยแคร์จอบน Notebook เท่าไหร่ครับ เพราะยังไงก็เล็ก เพราะส่วนตัวใช้จอคอมดีๆ อยู่แล้วครับ ไว้ใช้แก้ขัดเท่านั้นเองครับ


http://www.overclockzone.com/forums/...B8%99%E0%B9%86

http://www.overclockzone.com/forums/...B8%AD%E0%B8%A1

รายละเอียดตามกระทู้เดิมๆ ครับ

[Prime Time]

มาว่ากันต่อที่ OS ครับ


จริงๆ ผมชอบทั้ง Windows และ OSX เลยนะครับ แต่เป็นแบบมีข้อแม้ทั้งสองตัวครับ ชอบตัวมากกว่าในสถานการณ์นึง และอีกตัวมากกว่าในสถานการณ์นึงครับ



ว่ากันว่าถ้าเป็น Desktop ก่อน


สถานการณ์ที่ผมชอบ Windows มากกว่า คือ Game ครับ

สถานการณ์ที่ผมชอบ Mac OSX มากกว่า คือ การใช้ทำงาน หรือใช้งาน ครับ


ถ้าเล่นเกม ยังไงซะ Windows ก็เป็น a must ครับ OSX แทนไม่ได้

แต่ถ้าทำงานแม้ผมจะชอบ OSX มากกว่าแต่ Windows แทนได้ครับ


ผมชอบ Windows Explorer (ตัวจัดการ file หรือที่เวลาคุณเปิด Folder / My Computer ขึ้นมานั่นแหละครับ) มากกว่า Finder ของ Mac ครับ



และใน environment ที่คนใช้ Windows เข้าใจระบบมากพอ และรู้เรื่องทางนี้บ้าง + มี Mosue ที่ดีมากๆ ระดับ 3,000 ขึ้นไปนั้น (เพื่อมาทดแทนความสะดวกในการควบคุม) Windows 8.1 จัดว่าเยี่ยมครับ



ประกอบกับการชอบลองนั่นลองนี่ (Hardware ในเครื่อง ที่ผมชอบซื้อมารีวิวเป็นงานอดิเรก)



คอม Desktop ของผมจึงเป็น Windows อย่างไม่ต้องสงสัย



แต่การจะใช้ Windows ให้ได้นิ่งและเสถียรเหมือน Mac นั้นต้องมีส่วนประกอบหลายอย่างครับ

1. Hardware ต้องดี ไม่รุ่นล่างๆ ต้องเป็น Hardware ที่พอ OK หน่อยครับ

2. Software ต้องสมบูรณ์ อย่างน้อยๆ OS ควรเป็นของแท้ครับ

3. ไม่ลง Program tweak หรือไป tweak อะไร บ้าๆ บอๆ โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจ

4. Program ที่ลงต้องสมบูรณ์และเข้าใจว่าลงไปจะไม่ config กัน

5. ระบบต้อง clean เสมอ ต้องมี anti-virus + malware ดีๆ และมีความเข้าใจว่าใช้คอมยังไงถึงจะไม่เจอ malware

6. Driver ต่างๆ ต้องสมบูรณ์

7. ผู้ใช้ต้องมีความรู้ความเข้าใจในระดับนึงเป็นอย่างน้อยครับ



หากทำได้ตามนี่รับรองว่า Windows เองนิ่งและเสถียรไม่แพ้ Mac OSX แน่นอนครับ


ถ้าจะให้ลื่นเทียบเท่า ใส่เข้าไปอีก 2 ข้อ

8. มี SSD ไว้อีกตัว

9. มี Mouse ที่มีระบบ machanic ดีๆ ทั้งส่วนของ sensor และ scroll wheel ครับ เช่น Logitech M905, M950, G700, G700s อะไรพวกนี้เป็นต้น


หากมีครบทั้งหมดนี้ จะได้ประสบการณ์การใช้งานลื่นไหล สมบูรณ์ใกล้เคียง Mac OSX มากแน่นอนครับ

[Prime Time]

ส่วนที่ Mac OSX ได้เปรียบ Windows จริงๆ ในควมเห็นผมนั้นจะเป็นความง่าย และ foolproof ครับ


1. ใช้โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจเลย Mac OSX ปลอดภัยกว่า เอ๋อน้อยกว่า (เน้นว่าเทียบในผู้ใช้คนเดียวกันกับใน Windows นะครับ)


2. ใช้โดยมีความรู้บ้าง หรือ มีน้อยมากๆ ก็ตาม OSX จะให้อะไรได้มากกว่าเช่น เปิดใช้ Time Machine Backup แบบโง่ๆ เลย กดแค่ 1 ปุ่ม ให้ผลดีไม่แพ้ผู้ใช้ที่มีความรู้ความเข้าใจในการ Backup และบางครั้งต่อให้ชำนาญก็ยังได้ผลไม่ดีเท่า Time Machine เดิมๆ ของ Mac ครับ

2.1 อันนี้เดี๋ยวจะทำกระทู้แยกอีกกระทู้ให้ครับ สำหรับการ Backup บน Windows และ Mac OSX ครับ

2.2 Time Machine ถ้าเครื่องมีปัญหา เครื่องหาย หรือล้างเครื่อง สามารถเอา Backup HDD เสีย แล้วรอไม่กี่นาที ได้ทุกอย่างคืนมาหมดในทุก Folder รวมถึงโปรแกรมและการตั้งค่าต่างๆ ทั้งหมด แม้แต่ใน Browser ทุกอย่างก็เหมือนเดิมหมด และโปรแกรมทุกโปรแกรมด้วย เรียกได้ว่าใช้ต่อได้เลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และระบบ เก็บ file ทุกครั้งที่เปลี่ยนแปลง สมมุติ

2.2.1 คุณลบไฟล์สักไฟล์ไปเมื่อหลายวันก่อน อยากได้คืน ย้อนเวลากลับไปเอาคืนได้ทันที เลือกวันที่ เวลาได้เลย ละเอียดระดับ ชั่วโมง

2.2.2 คุณแก้ไขไฟล์อะไรสักอย่างไป หลายวัน แก้มาหลายรอบ อยากได้ต้นฉบับคืน และทุกฉบับที่แก้ไข คุณย้อนเวลาไป copy มาได้เลยว่าของวันไหน ตอนกี่โมง version ไหนบ้างเป็นต้นครับ

2.2.3 แบบนี้ใน Windows ก็มีเป็นโปรแกรมแยก ซึ่งก็ไม่สมบูรณ์และไม่ครอบคลุม ระดับ System เท่า Time Machine ครับ


3. ใช้ได้แบบ ใช้งานจริงๆ ไม่ต้องทำอะไรกับมันเลย ด้วยความที่ระบบมันทำมาคู่กันทั้ง Hardware และ Software

3.1 มันอัพเดต Driver อุปกรณ์ทุกตัวในเครื่อง ยัน BIOS ให้แบบปลอดภัย โดยที่คุณไม่ต้องไปสนใจอะไร จะขึ้นเตือนให้เอง พร้อมการ update software และ os ด้วย

3.2 ถ้าใช้แบบ ใช้จริงๆ ไม่ดูแลระบบเลย ระบบมันเอ๋อน้อยกว่า ใช้ได้เรื่อยๆ ทำงานได้เรื่อยๆ ยาวไปไร้ปัญหากว่า


4. ผู้ใช้ที่ Advance ขึ้นมาอีกหน่อยจะแปลกใจว่า จริงๆ มันมีเครื่องมือที่ท่านอยากใช้มาให้เสร็จสรรพ Build in มาเลยนะครับ เช่น

4.1 ระบบทำ image ของ Disk ทำได้ on the fly บน OS เลย หรือจะทำในโหมดพิเศษของมันก็ได้

4.2 โหมดพิเศษของมัน ตอนเปิดเครื่องมันจะบูทขึ้นมาจากส่วนสำรองของมัน มีโปรแกรมจัดการ Partition อะไรครบ หมด โปรแกรม ทำ image / restore image ในตัวครบครัน สามารถมา Backup Restore กันได้อย่างสมบูรณ์ตรงนี้ไม่ต้องพึ่งโกส หรือ Acronis เลย สำหรับ Image Backup ทั้งลูก

4.3 ในโหมดนี้ ถ้าอยากลบทุก Partition และลง OS ใหม่สดๆ ก็ทำได้เลย ไม่ต้องมีแผ่นหรือ Media อะไร มี Net ก็พอ หรือกลับกันจะลงผ่าน Media ต่างๆ ก็ได้

4.4 หลังจากลงเสร็จแบบโครต Clean คุณสามารถเลือกเอาข้อมูลจาก Mac เครื่องอื่นของคุณ หรือ ใน Time Machine มาใช้ได้เลย มันจะมาแบบสมบูรณ์ไม่ต้องตั้งค่าอะไรอีก ใช้งานต่อได้ทันทีสะดวกมากๆ เหมาะกับการ Just work มาก


โดยรวมแล้วถ้าเวลาของคุณมีค่า และคุณไม่อยากมาวุ่นวายกับระบบคอม Mac ดีกว่าในความเห็นผมครับ



แต่ถ้าคุณมีความรู้ความเข้าใจ (จริงๆ ไม่ใช่งูๆ ปลาๆ) และมีเวลา Windows ทำได้ดีแน่นอนครับ


ส่วนมากผมก็ใช้ PC เป็นหลักถ้าอยู่บ้าน ยกเว้นต้องไปที่อื่นๆ หรือไม่สะดวกใช้ PC ถึงใช้ Notebook ครับ

[Prime Time]

ส่วนสำหรับ Notebook นั้นผมเลือก Mac OSX อย่างเดียวครับ เพราะหลายอย่างทั้ง Battery Life และการควบคุมที่ผมสามารถใช้ Touchpad ได้จริงๆ ทั้ง Keyboard ดีๆ พิมพ์มันส์ๆ ครับ และความง่ายและ foolproof ของมันครับ เพราะแน่นอนเวลาคุณออกไปข้างนอกบ้าน นั่นคือคุณไม่อยากใช้เวลากับการจัดการปัญหาคอม คุณต้องการแค่ใช้ในเวลาที่ต้องการใช้ ตรงนี้ Mac ตอบโจทย์ผมตรงกว่าครับ


มันตอบสนองผมได้ดีกว่าจริงครับ ทุกครั้งผมเพียงแค่ เปิดฝาเวลาต้องการใช้ - ใช้ - ปิดฝา โยนกลับเข้ากระเป๋า ได้ทุกครั้งโดยไม่มีข้อกังวลหรือปัญหาใดๆ เลยครับ





สรุปถ้าให้ผมให้คะแนน OS ผมให้คะแนนดังนี้ครับ

กรณีที่ 1 ผมว่างๆ ไม่รีบอะไร ใช้เรื่อยๆ ผมให้เท่ากัน และ Windows ให้ความบันเทิงผมมากกว่านิดๆ ครับ

กรณีนี้ Windows 100 คะแนน OSX 90 คะแนนสำหรับผมครับ



กรณีที่ 2 ผมไม่ค่อยว่า ต้องใช้งานจริงจัง รีบ เร่งด่วน online banking ด่วนๆ ผมให้ Mac OSX มากกว่าครับ

กรณีนี้ Windows 70 คะแนน OSX 100 คะแนนสำหรับผมครับ




กรณีที่ 3 ซื้อให้น้อง ให้ที่บ้าน ผมซื้อ Mac ให้เป็นหลัก เพราะมันง่ายดี ผมไม่ต้องปวดหัวด้วยครับ แค่ใช้ๆ ไปสบายๆ ประมาณนั้นครับ และพวกเขาเหล่านั้นจะได้ไม่ประสบปัญหาข้อมูลหายด้วย





และท้ายนี้หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ผมจะมี Windows Notebook ไว้ทำไมถ้าไม่ชอบ ตอบดังนี้ครับ

Thinkpad ตัวนั้นซื้อมาแพงเป็น Notebook ที่ได้จากเงินตัวเองตัวแรกๆ ตอนเกือบ 10 ปีก่อน เลยเก็บไว้ตลอดครับ ชอบมันมาก

Toshiba ตัวนั้นผมเก็บไว้เพราะมันไม่แพง 2x,xxx กว่าบาท ตอนซื้อขายต่อได้แค่ประมาณ 10,000 นึง ไม่รู้จะขายทำไม เก็บไว้ใช้กับงานที่ OSX ทำให้ผมไม่ได้ (เพราะผมขี้เกียจลงโปรแกรมเล่นซนใน OSX กับ PC หลักที่ผมไว้ทำงานครับ) พูดง่ายๆ เอาไว้เล่นซนมากกว่า ผมเอาไว้ Restore Firmware Router ด้วย Restoration Tools เชื่อว่าคนใช้ Router แพงๆ พวก 5,000+ คงเคยซนกับมันบ้างไม่มากก็น้อย ใช้ up firmware tablet อะไรเล็กๆ น้อย และไว้ใช้โปรกรมไร้สาระที่ไม่อยากลงเครื่องหลักครับ




และอีกคำถาม ทำไมไม่ซื้อ Pro Retina?

คำตอบง่ายๆ ครับ ผมเน้นพกพา และ อายุแบต จริงๆ จะซื้อ Pro Retina นั้นเงินไม่ใช่ปัญหาครับ แต่ แบตทนน้อยกว่ามาก หนักกว่า และหนากว่า ซึ่งไม่ตอบโจทย์ครับ อีกทั้งเรื่องความเร็วในการใช้งานทั่วไป ถ้า gen เดียวกันแทบไม่ต่างกันครับจากที่เคยลอง ถ้าอยากให้ต่างก็ต้อง Desktop แรงๆ อยู่ดีครับ

ไม่ใช่แค่ผม คน IT ที่พอมีชื่อเสียง หรือพอเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ที่จะซื้อโปรกี่รอบก็ได้บางท่านก็เลือก Air ด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้ง 7 คนครับ

http://thenextweb.com/apple/2013/06/...hat-they-said/


ดังนั้น Pro Retina หรือ Air ไม่มีอะไรดีกว่า อะไร อยู่ที่ว่าอะไรเหมาะกับคุณมากกว่าครับ ผม

[Prime Time]

นี่ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่เลือกใช้ Notebook เป็น MacBook ครับ ง่ายๆ เท่านี้ครับ แต่ท่านอื่นๆ อาจจะมีความจำเป็นที่แตกต่างกันออกไปครับ


เช่น บางท่านใช้เล่นเกม โหดๆ แต่ไม่สะดวกอยู่ติดที่นานนัก เดินทาง บ่อย ก็คงจะต้องยอมหนักแบก gaming notebook เพราะเป็นอย่างเดียวที่ตอบสนองได้ เป็นต้นครับ


ซึ่งของใช้งานพวกนี้ผมว่าไม่มีอะไร Perfect ที่สุด มีแต่อะไรเหมาะกับเรามากที่สุดมากกว่าครับ

[Prime Time]

แต่ท้ายที่สุดที่ผมไม่ชอบเลยคือ พวกชอบเอา Device ต่างชนิดไปแนะนำให้คนโดยไม่ดูตาม้า ตาเรือ ในพันทิปมีอยู่ท่านนึง ไปมันซะเกือบทุกกระทู้ ไม่สนหน้าอิน หน้าพรหม tablet ข้าเทพ 3 โลก ซึ่งมันไม่ไหวครับ


จริงๆ ถ้าแบบ ถ้าคนถามต้องการ Notebook มาแค่ดู youtube อย่างเดียวแบบนี้ คุณมาแนะนำ Tablet ผมว่าก็ดีครับ เป็นการแนะนำทางเลือก


แต่ท่านนั้น เล่น ตอบมั่วไปหมด คนหา Notebook มาทำงาน บอก tablet ดีกว่า ทำได้ดีกว่าทุกอย่าง ซึ่งมันเป็นเรื่องตลกครับ tablet ผมเอาไว้ใช้บันเทิงหรือเล่นเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า มันแทน PC หรือ Notebook ไม่ได้สักนิด (ถ้า notebook คุณไม่ได้เก่าระดับพระเจ้าเหาเรียกพี่นะครับ) เอาแค่งานภาพง่ายๆ หรืองานแปลงไฟล์ง่ายๆ หรือจัดการไฟล์จัดการอะไรพวกนี้ tablet ตัวละกี่หมื่นก็ง่อยครับ สำหรับผม tablet ส่วนตัวของผม ผมเอาไว้เล่นซะมากกว่าครับ

เท่านั้นยังไม่พอ มาบอก Windows จะตาย Android ดีกว่า แหมผมอยากจะบอกว่ามันคนละเรื่องกันเลยนะครับ คือ rom โม tablet ที่คุณภูมิใจ หรือ โปรแกรม/app ต่างๆ สำหรับ tablet ของคุณน่ะ ทำบน PC ทำบน Windows / Mac นะครับ

ป่วยมากๆ เลิกเถอะครับ คนเขามาถามหาของชิ้นนึง แล้วมาแนะนำอีกชิ้นที่ไม่รองรับกับงานที่เขาจะทำ หรือพูดมั่วๆ โดยไม่มีความรู้ความเข้าใจ ถ้าเด็กๆ มาอ่านก็สร้างความรู้ผิดๆ กลายเป็นบาปเป็นกรรมอีก ไม่ดีเลยครับ



วันนี้ลากันไปเพียงเท่านี้ก่อนครับผม

[XZODEAR]

แจ่มเหมือนที่ตั้งตารอ