Announcement

Collapse
No announcement yet.

ทำไมการ์ดจอยิ่งพัฒนายิ่งกินไฟ ไม่เหมือนอุปกรณ์อื่น

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ทำไมการ์ดจอยิ่งพัฒนายิ่งกินไฟ ไม่เหมือนอุปกรณ์อื่น

    ทำไมการ์ดจอยิ่งพัฒนายิ่งกินไฟ ไม่เหมือนอุปกรณ์อื่น
    ซีพียูรุ่นใหม่กินไฟน้อยลง
    ฮาร์ดดิสค์รุ่นใหม่เป็น กรีนเพาเวอร์
    เมนบอร์ดรุ่นใหม่ มีระบบประหยัดพลังงาน
    แล้วทำไมการ์ดจอรุ่นใหม่ยิ่งกินไฟ ยิ่ง GTX280 ยิ่งโครตกินเลย
    ไอ้เราจะอยากอัพเกรด ก็กลัวเปลืองไฟ
    ถึงแม้ว่า ตอน idle มันจะไม่กินมาก
    แต่ถ้าเทียบกับ idle การ์ดจอรุ่นที่เก่ากว่า GTX280 ก็ยังกินมากอยู่ดี

    why why why

  • #2
    ความแรงต้องอาศัยพลังงานในการขับเคลื่อนเยอะ

    Comment


    • #3
      รถยิ่งแรง ยิ่งกินน้ำมัน

      Comment


      • #4
        คนยิ่งกินยิ่งอ้วน เกี่ยวเปล่า

        Comment


        • #5
          แรงขึ้น ก็ใช้ transistor เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

          Comment


          • #6
            ซีพียูแรงขึ้น transisterมากขึ้น HDDแรงขึ้น เร็วขึ้น แต่กินไฟน้อยลง

            Comment


            • #7
              อยากแรงตังค์ในกระเป๋าก็ต้องแรงด้วย อิอิ

              Comment


              • #8
                ว่ากันไป ทัมใจครับ เราผลิตเองไม่ได้ด้วยอะ

                Comment


                • #9
                  ผมลองดูจากเว็ปคำนวน มะก่อน การ์ด x1950pro ตัวแรง เจอกับ 3850

                  3850 มันก็กินไฟน้อยกว่าแล้วน่ะครับ แถมยังแรงกว่าอีก นี่แหละ คือการพัฒนา แต่อยากแรงมากๆ ก็กินไฟ เป็นเรื่องปกติ รถแรงๆ ยังกินน้ำมัน สูบเอาๆเลยครับ

                  Comment


                  • #10
                    ของมันแรงครับ ย่อมแด๊กไฟเยอะเป็นธรรมดา และ ร้อนด้วย

                    Comment


                    • #11
                      จะวิ่งให้ไว ก็ต้องใช้แรงเยอะครับ

                      Comment


                      • #12
                        จะให้ เฟอรารี่ กินน้ำมัน เท่าวีออสได้ไงครับ แหม
                        ตัวใหม่ๆ รุ่นประหยัดไฟก็มีครับ แต่ตัวที่ท่านพูดถึงมันตัวแรง
                        เปรียบได้ดัง รถสปอร์ท กินน้ำมันกว่า รถจ่ายกับข้าวครับ

                        Comment


                        • #13
                          รถวิ่งยิ่งไว จะกินน้ำมันน้อยลง มันขัดกันโดยสิ้นเชิง อิอิ
                          cpu ram เล็กได้ประหยัดได้ แต่การ์ดจอไม่มีแรงๆเล็กๆครับ มีแต่ใหญ่แล้วหนักเพิ่มขึ้นถ้าเป็นการ์ดรุ่นใหญ่มาหน่อย

                          Comment


                          • #14
                            มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากนิดหนึ่งคับ ถ้าเราเข้าใจกระบวนการพัฒนาและการผลิตและใช้งานแล้วจะทำให้ทราบชัดเจนขึ้น ขออธิบายให้เป็นพี้นฐานนิดหนึ่งนะครับ
                            การพัฒนากราฟิคการ์ดไม่ได้มุ่งให้ประหยัดพลังงานเพียงอย่างเดียว ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวนด้วยทั้ง Core,Mem ฯลฯ การทำงานของการ์ดจอก็คล้ายๆกับ CPU นั่นแหละ

                            ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ยุคเมื่อ15ปีที่แล้วเป็นต้นไปจะทราบดี ตอนนั้นCPUความเร็วแค่ 33 และ 60Mhz. เอง โคตรหรูเลย แรงมาก ถามว่าร้อนไหม ก็ร้อนพอๆ C2Q 3.0Ghz. ทุกวันนี้แหละคับ แต่การทำงานนั้นผิดกันมากจนไม่อยากจะเชื่อว่าคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้ทุกสิ่งดังจินตนาการ จากเมื่องก่อนก็แค่เอาไว้พิมพ์งานใน เวิร์ดราชวิถี เวิร์ดจุฬา และโปรแกรมเล็กๆน้อยๆ มีแผ่นดีสเกตแผ่นเดียว ทำได้ทุกงาน ตั้งแต่บุตเครื่องด้วยแผ่นนั้น(ไม่มี hd.)โปรแกรมก็อยู่ในแผ่นดีเกตนั่นแหละ แต่ทุกวันนี้แตกต่างกันจนไม่อยากจะเชื่อว่าคอมทำได้ทุกอย่างศูนย์รวมความบันเทิงทุกชนิด เพราะคนนิยมและใช้กันมาก การแข่งขันจึงสูงตามไปด้วย เมื่อก่อนมีซีพียูค่ายใหญ่ๆหลายค่าย อย่าง IBM,intel,Via,AMD... เมื่อการพัฒนามาถึงความเร็วที่ 2.8Ghz. ความร้อนสูงขึ้น พัดลมความเร็วที่ 7000-10000 รอบต่อนาทีถูกเอามาดับความร้อนซีพียู เสียงยังกะผึ้งแตกรัง ความร้อนพอๆกับนั่งข้างเตาผิง จนมีคนขนานนาม ซีพียู AMD Thanderbrid ว่า เจ้านกย่าง ตอนนั้นทุกค่ายต่างประสบปัญหาเดียวกันคือเมื่อพัฒนาความเร็วเพิ่มแต่ความร้อนที่สูงขึ้นจนไม่อาจหาอะไรมาระบายได้ทัน ทำให้พัฒนาความเร็วต่อไปไม่ไหว ผู้ผลิตซีพียูหลายค่ายต้องเลิกการผลิตไป อย่าง IBM,Via เหลือแต่ สองเจ้าหลักๆที่ยังคงอยู่
                            แต่ทั้งสองไม่ได้เพิ่มความเร็วของซีพียูจาก 3 เป็น 4ghz. หรือสูงกว่านั้น หันมาพัฒนาเรื่องวัสดุที่เอามาทำซีพียูให้เล็กลง ร้อนน้อยกว่าเดิม และพัฒนาแกนซีพียูให้มีหลายคอร์เพื่อทำให้เร็วขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ซีพียูมีหลายคอร์ นั่นก็อาจมองได้ว่าผู้ผลิตหันมาสนใจในเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่ต้องอาศัยแต่ความแรงเร็วเพียงอย่างเดียว แต่หันมาพัฒนาองค์ประกอบส่วนอื่นๆ เพื่อให้ทำงานได้ไม่เกิดปัญหาคอขวด ขึ้น

                            ด้านกราฟิคการ์ดก็เช่นกันเมื่อก่อนมีหลายค่ายมาก S3,Sis,Maxtrox,Intel,3DFX... ค่ายใหญ่ๆก็เห็นจะเป็น 3DFX ผลิตการ์ดจอรุ่นในตำนานของนักเล่นเกมที่ราคาแตะ 30000 บาท อย่าง Voodoo 5 เมื่อเจอกับปัญหาเรื่องความร้อนไม่อาจหาวิธีมาผลิตชิปที่เล็กลงเพิ่มความเร็วเแต่ไม่ร้อนได้ จึงสู่คู่แข่งอย่าง Nvidia น้องใหม่ไฟแรงไม่ได้ ค่ายนี้เขามีแนวคิดแปลกออกไปในตอนนั้น ทำ GPU แยกการทำงานด้านกราฟิคมาไว้ที่ตัวการ์ดเลยไม่ต้องไปเปลืองแรงซีพียู ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นมากแม้จะกินไฟแต่ก็ไวกว่าค่ายไหนๆ จนกลายมาเป็นค่ายกราฟิคอันดับหนึ่งภายในไม่กี่ปี ต่อมาก็มีน้องใหม่มาต่อกร คือ Ati ในการผลิตชิปแบบเดียวกัน และเหลือเพียงสองค่ายนี้ที่เป็นคู่แข่งด้านกราฟิคการ์ดหลักๆ นอกนั้นก็เป็นตัวเสริมไม่อาจแข่งกันได้

                            การทำงานประมวลผลในด้าน 3 มิติ ต้องใช้พลังอย่างมหาศาลในการคำนวนวัตถุ รายละเอียดต่างๆ ตัวซีพียูทุกวันนี้ ระดับกลางๆ สามสี่พัน ก็สามารถทำงานได้ครอบคลุมงานทุกด้านแล้ว เราใช้งานกันถ้าไม่นับเล่นเกม หรือทำงานด้านตัดต่อ หรือสามมิติ ใช้ประสิทธิภาพของCPU ไม่ถึง 20% ด้วยซ้ำไป เมื่อใดที่ใช้เล่นเกม หรืองานด้านสามมิติเมื่อนั่นแหละซีพียูจะวิ่งเต็มร้อย การ์ดจอจะทำงานเต้มร้อย คืองานที่หนักมาก จริงๆ ไม่อย่างนั้นคอมพิวเตอร์ทุกสเปคก็คงเล่นเกมได้เหมือนกันหมดละครับ ตอนนี้ซื้อคอมถ้าจะหวังเล่นเกม ต้องเผื่อการ์ดจอด้วย 1/4 ขึ้นไป ถ้าหวังจะเล่นเกมได้อย่างเหมือนจินตนาการและได้ประสบการณ์อย่างยอด นั้นต้องเป็น 3/4 ของราคาคอมทั้งหมด คือประมาณ หมื่นขึ้นไปครับ เพราะการ์ดจอทำงานหนักกว่าทุกอย่างในขณะเล่นเกม คอนเฟิร์ม (^.^)
                            Last edited by A.wattana; 22 Dec 2008, 18:16:55.

                            Comment


                            • #15
                              Originally posted by A.wattana View Post
                              มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากนิดหนึ่งคับ ถ้าเราเข้าใจกระบวนการพัฒนาและการผลิตและใช้งานแล้วจะทำให้ทราบชัดเจนขึ้น ขออธิบายให้เป็นพี้นฐานนิดหนึ่งนะครับ
                              การพัฒนากราฟิคการ์ดไม่ได้มุ่งให้ประหยัดพลังงานเพียงอย่างเดียว ต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวนด้วยทั้ง Core,Mem ฯลฯ การทำงานของการ์ดจอก็คล้ายๆกับ CPU นั่นแหละ

                              ใครที่ใช้คอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ยุคเมื่อ15ปีที่แล้วเป็นต้นไปจะทราบดี ตอนนั้นCPUความเร็วแค่ 33 และ 60Mhz. เอง โคตรหรูเลย แรงมาก ถามว่าร้อนไหม ก็ร้อนพอๆ C2Q 3.0Ghz. ทุกวันนี้แหละคับ แต่การทำงานนั้นผิดกันมากจนไม่อยากจะเชื่อว่าคอมพิวเตอร์ทำอะไรได้ทุกสิ่งดังจินตนาการ จากเมื่องก่อนก็แค่เอาไว้พิมพ์งานใน เวิร์ดราชวิถี เวิร์ดจุฬา และโปรแกรมเล็กๆน้อยๆ มีแผ่นดีสเกตแผ่นเดียว ทำได้ทุกงาน ตั้งแต่บุตเครื่องด้วยแผ่นนั้น(ไม่มี hd.)โปรแกรมก็อยู่ในแผ่นดีเกตนั่นแหละ แต่ทุกวันนี้แตกต่างกันจนไม่อยากจะเชื่อว่าคอมทำได้ทุกอย่างศูนย์รวมความบันเทิงทุกชนิด เพราะคนนิยมและใช้กันมาก การแข่งขันจึงสูงตามไปด้วย เมื่อก่อนมีซีพียูค่ายใหญ่ๆหลายค่าย อย่าง IBM,intel,Via,AMD... เมื่อการพัฒนามาถึงความเร็วที่ 2.8Ghz. ความร้อนสูงขึ้น พัดลมความเร็วที่ 7000-10000 รอบต่อนาทีถูกเอามาดับความร้อนซีพียู เสียงยังกะผึ้งแตกรัง ความร้อนพอๆกับนั่งข้างเตาผิง จนมีคนขนานนาม ซีพียู AMD Thanderbrid ว่า เจ้านกย่าง ตอนนั้นทุกค่ายต่างประสบปัญหาเดียวกันคือเมื่อพัฒนาความเร็วเพิ่มแต่ความร้อนที่สูงขึ้นจนไม่อาจหาอะไรมาระบายได้ทัน ทำให้พัฒนาความเร็วต่อไปไม่ไหว ผู้ผลิตซีพียูหลายค่ายต้องเลิกการผลิตไป อย่าง IBM,Via เหลือแต่ สองเจ้าหลักๆที่ยังคงอยู่
                              แต่ทั้งสองไม่ได้เพิ่มความเร็วของซีพียูจาก 3 เป็น 4ghz. หรือสูงกว่านั้น หันมาพัฒนาเรื่องวัสดุที่เอามาทำซีพียูให้เล็กลง ร้อนน้อยกว่าเดิม และพัฒนาแกนซีพียูให้มีหลายคอร์เพื่อทำให้เร็วขึ้น จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ซีพียูมีหลายคอร์ นั่นก็อาจมองได้ว่าผู้ผลิตหันมาสนใจในเรื่องประสิทธิภาพที่ไม่ต้องอาศัยแต่ความแรงเร็วเพียงอย่างเดียว แต่หันมาพัฒนาองค์ประกอบส่วนอื่นๆ เพื่อให้ทำงานได้ไม่เกิดปัญหาคอขวด ขึ้น

                              ด้านกราฟิคการ์ดก็เช่นกันเมื่อก่อนมีหลายค่ายมาก S3,Sis,Maxtrox,Intel,3DFX... ค่ายใหญ่ๆก็เห็นจะเป็น 3DFX ผลิตการ์ดจอรุ่นในตำนานของนักเล่นเกมที่ราคาแตะ 30000 บาท อย่าง Voodoo 5 เมื่อเจอกับปัญหาเรื่องความร้อนไม่อาจหาวิธีมาผลิตชิปที่เล็กลงเพิ่มความเร็วเแต่ไม่ร้อนได้ จึงสู่คู่แข่งอย่าง Nvidia น้องใหม่ไฟแรงไม่ได้ ค่ายนี้เขามีแนวคิดแปลกออกไปในตอนนั้น ทำ GPU แยกการทำงานด้านกราฟิคมาไว้ที่ตัวการ์ดเลยไม่ต้องไปเปลืองแรงซีพียู ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นมากแม้จะกินไฟแต่ก็ไวกว่าค่ายไหนๆ จนกลายมาเป็นค่ายกราฟิคอันดับหนึ่งภายในไม่กี่ปี ต่อมาก็มีน้องใหม่มาต่อกร คือ Ati ในการผลิตชิปแบบเดียวกัน และเหลือเพียงสองค่ายนี้ที่เป็นคู่แข่งด้านกราฟิคการ์ดหลักๆ นอกนั้นก็เป็นตัวเสริมไม่อาจแข่งกันได้

                              การทำงานประมวลผลในด้าน 3 มิติ ต้องใช้พลังอย่างมหาศาลในการคำนวนวัตถุ รายละเอียดต่างๆ ตัวซีพียูทุกวันนี้ ระดับกลางๆ สามสี่พัน ก็สามารถทำงานได้ครอบคลุมงานทุกด้านแล้ว เราใช้งานกันถ้าไม่นับเล่นเกม หรือทำงานด้านตัดต่อ หรือสามมิติ ใช้ประสิทธิภาพของCPU ไม่ถึง 20% ด้วยซ้ำไป เมื่อใดที่ใช้เล่นเกม หรืองานด้านสามมิติเมื่อนั่นแหละซีพียูจะวิ่งเต็มร้อย การ์ดจอจะทำงานเต้มร้อย คืองานที่หนักมาก จริงๆ ไม่อย่างนั้นคอมพิวเตอร์ทุกสเปคก็คงเล่นเกมได้เหมือนกันหมดละครับ ตอนนี้ซื้อคอมถ้าจะหวังเล่นเกม ต้องเผื่อการ์ดจอด้วย 1/4 ขึ้นไป ถ้าหวังจะเล่นเกมได้อย่างเหมือนจินตนาการและได้ประสบการณ์อย่างยอด นั้นต้องเป็น 3/4 ของราคาคอมทั้งหมด คือประมาณ หมื่นขึ้นไปครับ เพราะการ์ดจอทำงานหนักกว่าทุกอย่างในขณะเล่นเกม คอนเฟิร์ม (^.^)
                              ท่านนี้สงสัย..จะรุ่นเดียวกับผมแน่เลย.....

                              Comment

                              Working...
                              X