Announcement

Collapse
No announcement yet.

รวม 10 อันดับ CPU / VGA / RAM / HDD ที่น่าจับตามองแห่งปี 2008

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • รวม 10 อันดับ CPU / VGA / RAM / HDD ที่น่าจับตามองแห่งปี 2008

    CPU

    สำหรับวงการชิพประมวลผล หรือ CPU นั้นในปีนี้ก็คงไม่มีอะไรที่จะร้อนแรงเท่ากับซีพียูในตระกูล Core 2 Duo/ Core 2 Quad ของทางฝั่ง Intel อีกแล้ว ด้วยประสิทธิภาพ และราคาที่ไม่แพงเวอร์เหมือนเช่นในอดีต ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อมาใช้งานได้อย่างสบายกระเป๋า ถือว่าเป็นปีทองอีกหนึ่งปีของทาง Intel ก็ว่าได้ หลังจากล้มลุกคลุกคลานมานานทีเดียวสำหรับ CPU ในตระกูล Pentium ที่ผมมองว่าเป็น CPU ที่ไม่ค่อยจะสร้างกระแสในทางบวกให้กับ Intel สักเท่าไรนัก (ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร) หากมองเทียบกับ CPU คู่แข่งตลอดการจากค่าย AMD ที่มี Athlon 64/ Athlon X2 เป็นตัวหลักในการทำตลาด ซึ่งหลังจากหมดยุคของ Pentium แล้วทาง Intel ก็มี Core 2 Duo/ Core 2 Quad นี่แหละที่สามารถคลองใจกลุ่มผู้ใช้งานได้ แม้ว่าทาง AMD จะมีการคลอด CPU ในตระกูล PhenomX3/ X4 เข้ามาเสริมทัพ แต่ก็ไม่ทำให้บันลังอันดับ 1 ของ Intel สั่นคลอนลงไปได้ ยิ่งท้ายปี Intel ได้ทำการจัดส่ง CPU รหัสร้อนอย่าง Nehalem สถาปัตยกรรม Bloomfield เข้ามาสู่ตลาด ก็ทำให้วงการไอทีทั่วโลกร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยประสิทธิภาพที่ไม่ธรรมดา พร้อมกับโครงสร้างใหม่ที่ไม่ต้องอิงระบบ FSB เหมือนอย่างที่เคยเป็นข้อจำกัดของทาง Intel ต่อไปแล้ว ก็ทำให้สงครามครั้งนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับบรรดาชาวไอทีไม่น้อยเลยที เดียว ว่าคู่แข่งตลอดการอย่าง AMD จะงัดหมัดเด็ดตัวไหนเข้ามาสู้รบกับ Intel ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรในปีหน้า



    Core i7 Extreme 965

    1. Intel Core i7 Extreme 965 - อันดับหนึ่งของสุดยอด CPU ก็คงต้องยกให้กับ Intel Core i7 Extreme 965 ไป เพราะถือว่าเป็นสุดยอด CPU ที่แรงและเร็วที่สุดแล้วสำหรับตลาดเดสก์ท็อปในตอนนี้ ด้วยสถาปัตยกรรมการออกแบบ Intel Core Micro-Architecture ใหม่ โดยการออกแบบใหม่นี้จะอยู่ภายใต้สถาปัตยกรรมโมดูลที่ชื่อว่า Modularity ด้วยการแบ่งส่วนประกอบภายในออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนของ Core และ Uncore พร้อมด้วยระบบการเชื่อมต่อบัสแบบใหม่ที่ชื่อว่า QPI Links (มีความเร็วในการทำงาน 3 ระดับ คือ 6.4GT/s, 5.6GT/s, 4.8GT/s) สำหรับซีพียูตัวนี้มีความเร็วในการทำงานของสัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 3.2GHz, บริโภคพลังงานต่ำเพียง 1.2 โวลต์, มีคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำ DDR3 ภายใน ที่สนับสนุนหน่วยความจำแบบ Triple Channel และแคชระดับ 3 มากถึง 8MB (L3 Cache)



    Core i7 - 940

    2. Intel Core i7 940 - สุดยอด CPU ในตระกูล Nehalem ตัวรองจาก Corei7 Extreme มีคุณสมบัติโดยรวมที่เหมือนกันแทบทุกประการด้วยโครงสร้าง Intel Core Micro-Architecture เดียวกัน โดนตัดทอนคุณสมบัติบางอย่างไปบ้างเพื่อเป็นการเพิ่มช่องว่างในด้านของราคาจำ หน่ายที่ช็อคคนซื้อ เพราะมีราคาขายเพียง 20,000 บาทต้นๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ถูกว่า Intel Core 2 Extreme 9770 (ท็อปสุดในแพลตฟอร์ม LGA775) อยู่เกือบครึ่งต่อครึ่ง ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าค่อนข้างชัดเจน CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 2.93GHz, ทำงานร่วมกับระบบ QPI Links ที่ความเร็ว 4.8GT/s มีคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำ DDR3 ภายในที่สนับสนุนหน่วยความจำแบบ Triple Channel และแคชระดับ 3 มากถึง 8MB (L3 Cache)



    Core i7 - 920

    3. Intel Core i7 920 - น้องเล็กสุดในตระกูล Nehalem มีความเร็วในการทำงานที่ 2.66GHz, ทำงานร่วมกับระบบ QPI Links ที่ความเร็ว 4.8GT/s มีคอนโทรลเลอร์หน่วยความจำ DDR3 ภายในที่สนับสนุนหน่วยความจำแบบ Triple Channel และแคชระดับ 3 มากถึง 8MB (L3 Cache) ให้ความคุ้มค่ากว่าซีพียูทุกรุ่นในตระกูลเดียวกัน ด้วยราคาจำหน่ายที่ต่ำเพียง 10,000 บาทต้นๆ ซึ่งมีราคาที่ถูกว่า Core 2 Quad Q9550 เสียอีก แต่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังประกอบเครื่อง ที่อยากจะใช้งานแพลตฟอร์มใหม่



    Core 2 Extreme 9770

    4. Intel Core 2 Extreme 9770 - CPU รุ่นท๊อปสุดในตระกูล LGA775 สุดยอด CPU เคยแรงที่ผู้ใช้งานต่างถวิลหา แต่ด้วยราคาจำหน่ายที่แพงจึงไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานมากนัก เพราะค่าตัวระดับ 50,000 บาท สามารถประกอบ PC ตัวแรงได้ทั้งเครื่อง ดังนั้นเราจึงพบว่า CPU รุ่นดังกล่าวจึงไม่ได้รับความนิยมในการใช้งานมากนัก แต่ก็นับว่าเป็นอีกสุดยอด CPU ที่น่าจดจำในปีนี้ อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่อยากสัมผัสความแรงก็สามารถหาซื้อ CPU รุ่นดังกล่าวได้กับเว็บไซด์ขายของมือสอง ด้วยราคาจำหน่ายที่เห็นแล้วต้องตกใจ เพราะเขาขายกันอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท+ เท่านั้น



    Core 2 Duo 8500

    5. Intel Core 2 Duo E8500 - CPU ในแบบ 2 คอร์รุ่นยอดฮิต สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการระบบการประมวลผลในแบบ Dual Core ปัจจุบันหาซื้อได้ค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่ว่าซื้อมาแล้วจะดูไม่ค่อยคุ้มค่านักเพราะราคาจำหน่ายค่อนข้างคาบ เกี่ยวกับซีพียู Quad-Core หลายๆ รุ่น CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 3.16GHz, ทำงานด้วย FSB 1333 MHz และมีระบบการผลิตที่เล็กเพียง 45 nm จึงหมดปัญหาเรื่องความร้อน มีจุดเด่นในด้านการโอเวอร์คล็อกที่สามารถวิ่งที่ความเร็ว 4.0GHz ได้อย่างมีเสถียรภาพกับระบบการระบายความร้อนด้วยอากาศ



    Core 2 Duo E2180

    6. Intel Core 2 Duo E2180 - CPU ในแบบ 2 คอร์ ระดับล่างที่ให้ความคุ้มค่าสูง ด้วยราคาจำหน่วยที่ต่ำเพียง 2,000 บาท แต่ให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยม สำหรับผู้ใช้งานที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด หรือผู้ใช้งานที่มีงบประมาณน้อย โดดเด่นด้วยการโอเวอร์คล็อกที่สามารถเพิ่มความเร็วของสัญญาณนาฬิกาได้เพิ่ม ขึ้นกว่า 1GHz อย่างมีเสถียรภาพด้วยชุดพัดลมมาตรฐาน นับเป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้แพลตฟอร์ม LGA775 โดยที่ CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 2.0GHz, ทำงานด้วย FSB 800 MHz และมีแคชระดับ L2 ขนาด 1MB (L2 Cache)



    Phenom X4 9950

    7. AMD Phenom X4 9950 – CPU ตัวแรงสุดในตระกูล PhenomX4 ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของประสิทธิภาพจะตกเป็นรอง CPU ของค่ายคู่แข่งอยู่มาก แต่ด้วยจุดแข็งในด้านราคาที่เป็นต่อ ก็ทำให้ CPU ตัวนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะหากเทียบราคาในระดับ 7,000 บาทต้นๆ แล้ว หากเป็นของคู่แข่งจะได้ CPU ในระดับกลางที่เป็นแบบ Dual Core เท่านั้น ซึ่งด้วยราคาจำหน่ายระดับนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่าเลือก AMD PhenomX4 9950 จะดีกว่า เพราะนับเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าอยู่มากทีเดียว CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 2.60GHz, มีแคชระดับ L2 ขนาด 512MB x4 มีอัตราการบริโภคพลังงาน TDP ที่ 125W



    Phenom X4 9550

    8. AMD Phenom X4 9550 - CPU ในแบบ Quad Core รุ่นล่างสุด แต่ให้ความคุ้มค่าสูงสุดเช่นกัน สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานแพลตฟอร์ม AM2+ ซึ่งแม้ว่าประสิทธิภาพโดยรวมของ CPU ตัวนี้จะด้อยกว่า Quad Core ของค่ายคู่แข่งอยู่ค่อนข้างมาก แต่ด้วยราคาที่อยู่หลัก 5,000 บาทต้นๆ ก็ทำให้มันมีความน่าสนใจกว่าชิพ Quad Core ของค่ายคู่แข่งอย่างชัดเจน เพราะด้วยราคาระดับนี้สามารถซื้อ CPU ของค่ายคู่แข่งได้แค่ชิพ Dual Core เท่านั้น ดังนั้นสำหรับคนที่อยากได้ซีพียู Quad Core ราคาประหยัด AMD PhenomX4 9550 คือตัวเลือกที่ลงตัวที่สุดแล้ว CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 2.2GHz, มีแคชระดับ 2 ขนาด 512MB x4 มีอัตรา TDP ที่ 95W



    Athlon X2 6000+

    9. AMD Athlon X2 6000+ - CPU แบบ 2 คอร์ ระดับกลาง ที่สามารถตอบสนองการทำงานในยุคปัจจุบันได้อย่างครบถ้วน ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกขานให้เป็น CPU ในแบบ Dual Core ตัวแรงสุดในแพลตฟอร์ม AM2 มาแล้ว เพราะมีประสิทธิภาพในการทดสอบที่ดีกว่า Athlon64 FX-62 ที่มีความเร็วในการทำงาน 2.8GHz แต่ด้วยกำเนิดของ CPU ในตระกูล Phenom ก็ทำให้ CPU รุ่นดังกล่าวกลายเป็น CPU ระดับกลางไป ซึ่งในปัจจุบันนับเป็นตัวเลือกที่มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดีด้วยอัตราของ TDP ที่สูงถึง 125w ก็ทำให้ CPU ตัวนี้มีความร้อนในการทำงานที่สูงเอาเรื่องเหมือนกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการถนอม CPU ควรหาฮีทซิงค์ดีๆ มาเปลี่ยนแทนฮีทซิงค์เดิมจากโรงงานก็คงจะดีไม่น้อย CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 3.0GHz, มีแคชระดับ 2 ขนาด 512MB x4



    Phenom X3 8450

    10. AMD Phenom X3 8450 - แม้ว่า CPU ตัวนี้ จะไม่ได้สร้างกระแสหวือหวา ให้กับ AMD มากนักแต่ก็นับว่าเป็นอีกความแปลกใหม่ที่ทาง AMD กล้าที่จะนำออกมาเสนอแก่ผู้ใช้งานเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ สำหรับผู้ต้องการประสิทธิภาพการประมวลผลที่ดีกว่าชิพ 2 คอร์ แต่ก็ไม่อยากจ่ายแพงสำหรับ CPU ในแบบ Quad Core ซึ่งแม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่แตกต่างไปจากชิพ 2 คอร์มากนักเมื่อมีการใช้งานร่วมกับชุดซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นที่นิยมใน ปัจจุบัน แต่สำหรับการทำงานในแบบเฉพาะทางยังไงๆ 3 หัว ก็ย่อมต้องดีกว่า 2 หัวอยู่แล้ว CPU ตัวนี้มีความเร็วในการทำงานที่ 2.10GHz, มีแคชระดับ 2 ขนาด 512MB x4


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------


    VGA

    สำหรับ ความเคลื่อนไหวในส่วนของชิพ GPU ในปีนี้ ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง NVIDIA และ ATI นั้นต่างมีการฟาดฟัน เฉือนคมกันมากพอสมควร ซึ่งในช่วงต้นปีนั้นดูเหมือนว่าทาง NVIDIA จะได้แต้มต่อไปไม่น้อยกับชิพกราฟิกในตระกูลซีรีส์ 8 และ ซีรีส์ 9 ที่พร้อมใจกันออกมาเสนอหน้าทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ให้ได้เลือกใช้งานกันค่อน ข้างหลากหลาย ส่วนช่วงกลางๆ ปีนั้นก็มีการต่อยอดความแรงด้วยชิพกราฟิกในตระกูล 200 ซีรีส์ใหม่ ซึ่งนับเป็นว่าชิพ GPU ที่เร็วที่สุดแล้วสำหรับเดสก์ท็อปพีซีในขณะนี้ ส่วนค่ายคู่แข่งอย่าง ATI นั้น แม้ว่าช่วงแรกที่มีการรวมตัวกับพันธมิตรหลักอย่าง AMD แล้วแป๊ก เนื่องจากมีการส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมาล้าช้า และมีปัญหาเรื่องของไดรว์เวอร์ที่ยังคงสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับ กลุ่มผู้ใช้งานอยู่เช่นเดิม แต่ด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในกลุ่มของ HD 4800 ซีรีส์ที่มีประสิทธิภาพสูงพร้อมราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า NVIDIA ค่อนข้างมากก็ทำให้กราฟิกการ์ดในรุ่น HD 4850 กลายมาเป็นกราฟิกการ์ดขายดีที่ทุกคนต่างให้การยอมรับว่าเป็นกราฟิกการ์ดรุ่น ใหม่ล่าสุดที่ให้ความคุ้มค่าในการใช้งานสูง เพราะจ่ายเพียงแค่หลักพันแต่กลับได้ประสิทธิภาพเทียบเท่ากราฟิกการ์ดระดับ ราคาหลักหมื่นของค่ายคู่แข่ง เรียกได้ว่าส่งท้ายปีได้อย่างสวยงามจริงๆ สำหรับค่ายนี้ อย่างไรก็ดีแม้ว่าในช่วงท้ายปีทาง ATI จะค่อนข้างเป็นต่อ NVIDIA อยู่ แต่ปัญหาเก่าๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็ยังคงสร้างเสียงบ่นมาจากกลุ่มผู้ใช้งานอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงรบกวนของพัดลม เรื่องความร้อนของตัวการ์ดที่ร้อนสุดๆ ตลอดจนปัญหาเรื่องไดร์วเวอร์ที่ต้องลงนั่น ลงนี้ หลายอย่าง กว่าจะใช้งานได้ ที่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP บางส่วน ก็ยังไม่สามารถทดสอบเบนมาร์คบางตัวผ่านอีกด้วย เพราะปัญหาเรื่องของไดรว์เวอร์ที่บังคับให้ผู้ใช้งานต้องทดสอบเบนมาร์คผ่าน ระบบปฏิบัติการ Windows Vista ที่มีปัญหาจุกจิกเยอะ ซึ่งท้ายที่สุดเกมการแข่งขันในศึกนี้จะจบลงอย่างไรก็คงเป็นเรื่องที่คาดเดา ได้ยาก เพราะแต่ละค่ายต่างก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป เชื่อว่าปีหน้าคงน่าจะสู้กันมันหยดอย่างแน่นอน ส่วนฝ่ายไหนจะคว้าชัยไปก็คงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กัน



    NVIDIA GeForce GTX 280

    1. NVIDIA GeForce GTX 280 - ที่สุดของชิพ GPU จากค่ายยักษ์เขียว เปิดตัวมาพร้อมราคาจำหน่ายที่สูง แต่ประสิทธิภาพก็สูงตามไปด้วย ตัวการ์ดส่วนใหญ่ที่มีจำหน่าย โดยมากจะออกมาในลักษณะของ Reference Card เสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะซื้อกราฟิกการ์ดของยี่ห้อไหน คุณก็จะได้รับสิ่งที่เหมือนๆ กัน อย่างไรก็ดีหากมองถึงความคุ้มค่าแล้วก็ยังคงไม่เป็นที่ประทับใจเท่าไร เพราะราคาแพงเหลือหลาย แต่ด้วยจุดเด่นในด้านประสิทธิภาพที่แรงกว่า 9800GX2 ถึง 50% (เมื่อมีการโอเวอร์คล็อก) และไดรว์เวอร์ที่ติดตั้งง่ายใช้งานได้ดีทั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP และ Vista ก็ทำให้ชิพกราฟิกรุ่นนี้เป็นที่หมายปองของเหล่าเกมส์เมอร์ทั่วโลก



    NVIDIA GeForce GTX 260

    2. NVIDIA GeForce GTX 260 – ชิพกราฟิกอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ชิพรุ่นพี่ ประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมถือว่าไม่ด้อยไปกว่า GeForce GTX 280 เลย แต่ตัวชิพกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนัก ด้วยราคาที่ยังคงเป็นปัจจัยที่ผู้ใช้งานให้ความคำนึงอยู่ ปัจจุบันค่อนข้างหาซื้อได้ยาก เพราะมีผู้นำเข้าน้อยรายนำชิพรุ่นนี้มาขาย คุณสมบัติของตัวชิพถ้ามองจากสเป็คแล้วนับว่ามีความสามารถที่น่าสนใจมากๆ มีความโดดเด่นไม่แพ้ชิพรุ่นใหญ่เลย ด้วยเทคโนโลยี NVIDIA CUDA หรือระบบการประมวลผลที่สามารถทำงานได้เช่นเดียวกับ CPU ซึ่งช่วยให้งานด้านมัลติมีเดียมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (แต่ต้องรันบนแอพลิเคชั่นที่สนับสนุน) และระบบคำนวณฟิสิกส์ที่ชื่อว่า NVIDIA PhysX สำหรับเป็นตัวช่วยในการคำนวณทิศทาง ความแม่นยำ และถูกต้องของภาพเคลื่อนไหว และองค์ประกอบอื่นๆ ภายในเกม โดยปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกบรรจุอยู่ในกราฟิกการ์ดของ NVIDIA เท่านั้น นับเป็นอีกสีสันของวงการกราฟิกการ์ดในปีนี้ที่น่าจับตามองเหมือนกัน ว่าอายุของเทคโนโลยีดังกล่าวจะไปได้ไกลแค่ไหน เพราะอย่างที่ทราบกันดีกว่าการที่จะรันชุดคำสั่งนี้ได้จะต้องมีชุด แอพพลิเคชันที่รองรับ ดังนั้นอนาคตของเทคโนโลยีนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเกมด้วย



    NVIDIA GeForce 9800 GX2

    3. NVIDIA GeForce 9800 GX2 - ชิพกราฟิกตัวแรงสุดในซีรีส์ 9 ของ NVIDIA โดนแทนที่ความแรงด้วยชิพกราฟิกในรุ่น GTX200 ซีรีส์ ถึงแม้ว่าในตอนนี้ชิพรุ่นดังกล่าวจะแทบไม่มีให้เห็นแล้วในท้องตลาดบ้านเรา แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ยังคงเป็นที่ยอมรับกันอยู่ เราจึงนำชิพรุ่นดังกล่าวมาเข้าทำเนียบสุดยอดกราฟิกชิพในปี 2008 นี้ด้วย ตัวกราฟิกการ์ดมาพร้อมคุณลักษณะเด่นที่แตกต่างจากกราฟิกการ์ดทั่วไปอยู่พอ สมควร ด้วยขนาดของตัวการ์ดที่ใหญ่มหึมา ในส่วนของการออกแบบนั้นจะเป็นการนำการ์ดรุ่น GeForce 9800 จำนวน 2 ตัว มาประกบกัน เพื่อช่วยเร่งประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีกว่าเดิม โดยลักษณะการออกแบบอย่างนี้ เคยสร้างความฮือฮาให้กับผู้ใช้งานมาแล้วกับกราฟิกการ์ดในรุ่น GeForce 7950GX2



    NVIDIA GeForce 9800 GTX+

    4. NVIDIA GeForce 9800 GTX+ - อีกหนึ่งชิพกราฟิกที่กำลังได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เพราะราคาจำหน่ายอยู่ในหลักพันเท่านั้น นับเป็นตัวเลือกที่ให้ความคุ้มค่าสูงอีกรุ่นหนึ่งจาก NVIDIA เหมาะสำหรับผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการกราฟิกการ์ดที่ตอบสนองการเล่นเกมได้ อย่างยอดเยี่ยม ตัวการ์ดได้รับการพัฒนาต่อยอดความแรงมาจากชิพ 9800GTX เดิม โดยได้รับการปรับปรุงในเรื่องของกระบวนการผลิตที่เล็กลงจาก 65 นาโนเมตร มาเป็น 55 นาโนเมตร และการเพิ่มความเร็วของ Core และ Memory ให้เร็วกว่าเดิมจากโรงงาน เรียกได้ว่าแรงตั้งแต่เกิดสำหรับกราฟิกการ์ดตัวนี้



    NVIDIA GeForce 9500 GT

    5. NVIDIA GeForce 9500 GT - กราฟิกการ์ดราคาประหยัดรุ่นสุดคุ้ม สำหรับผู้ที่มีงบน้อย แต่สามารถเล่มเกม 2-3 มิติ รุ่นใหม่ได้ครบถ้วน แม้ว่าจะไม่สามารถปรับโหมดความละเอียดสูงๆ ในบางเกมได้ แต่ก็นับเป็นตัวเลือกที่ให้ความคุ้มค่าต่อการใช้งานสูง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในภายหลังได้ด้วยการรองรับเทคโนโลยี 2-Way SLI ในส่วนของประสิทธิภาพและเทคโนโลยีถือว่ามีความคาบเกี่ยวกับชิพ GeForce 9600GT เป็นอย่างมาก สำหรับผู้ใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะเลือกใช้ชิพรุ่นไหนใน 2 รุ่นนี้ก็นับว่าคุ้มค่าเพราะมีประสิทธิภาพที่ดีด้วยกันทั้งคู่ แต่ถ้าเน้นความคุ้มค่าแล้ว GeForce 9500GT น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดูลงตัวกว่า เพราะราคาต่างกันเป็นพันบาทเลยทีเดียว



    ATI Radeon HD 4870 X2

    6. ATI Radeon HD 4870 X2 - กราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ล่าสุดจาก ATI ถึงแม้ว่าจะมาช้า แต่ก็สร้างผลสำเร็จให้กับค่ายได้เป็นอย่างดี เพราะมีประสิทธิภาพที่ดี คุ้มค่าสมการรอคอย กับระดับราคา 16,000 บาท คงไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ที่รักในค่ายสีแดง แน่ๆ เพราะถึงจะแพงแต่ก็แรงสะใจกลุ่มผู้ใช้งานระดับฮาร์ดคอร์ไม่น้อยเลย ตัวการ์ดมาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามด้วยลายกราฟิกข้างตัวการ์ดที่โดดเด่น ดูดุดัน ดังนั้นสำหรับใครที่อยากนำกราฟิกการ์ดตัวนี้ไปใช้งาน ก็ควรเลือกหาเพาเวอร์ซัพพลายตัวใหญ่ๆ มาประจำกายด้วย เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าซื้อมาแล้วแต่ใช้งานไม่ได้ เพราะไฟไม่พอ



    ATI Radeon HD 4870

    7. ATI Radeon HD 4870 - กับราคาจำหน่ายประมาณ 10,000 บาทต้นๆ ก็ทำให้กราฟิกการ์ดรุ่นนี้ เป็นอีกกราฟิกการ์ดที่น่าจับมอง ซึ่งหากในอนาคตไม่มีการเฟสกราฟิกการ์ดรุ่นนี้หายไปเสียก่อน ราคาก็น่าจะถูกลงกว่านี้และช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่าย ขึ้น เพราะประสิทธิภาพต่อราคามีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นนั่นเอง ตัวการ์ดที่มีจำหน่ายส่วนใหญ่จะมาในแบบมาตรฐาน Reference Card เหมือนกับกราฟิกการ์ดของค่ายคู่แข่ง แต่ให้ความโปร่งตาดูดีกว่าด้วยพลาสติกครอบที่เป็นสีแดง



    ATI Radeon HD 4850

    8. ATI Radeon HD 4850 - อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นการ์ดฟิกการ์ดระดับสูง รุ่นคุ้มค่าที่สุดในเวลานี้ก็ว่าได้ หลังจากที่ทาง ATI เสียท่าให้กับ NVIDIA มานาน ก็ได้กราฟิกการ์ดรุ่นนี้แหละ เป็นตัวชูโรง และต่อลมหายใจของค่าย ด้วยประสิทธิภาพที่พอๆ กันกับ GeForce 9800GTX แต่กลับเปิดราคาได้ถูกกว่า กับราคา 6,000 บาทนิดๆ ถือว่าไม่แพงเลยกับกราฟิกการ์ดที่สามารถเล่นได้ทุกเกมแบบนี้ ในปัจจุบันมีออกมาจำหน่ายมากมาย หลายเวอร์ชั่น เพื่อเป็นการเสริมความสวยงามของตัวการ์ด และเป็นการแก้ไขปัญหาความร้อนที่มีให้ลดน้อยลงไป ด้วยการเสริมชุดฮิทซิงค์คุณภาพดีเข้าไป



    ATI Raeon HD 4670

    9. ATI Radeon HD 4670 - กราฟิกการ์ดอีกรุ่นที่เพิ่งมีการเปิดตัวออกมา เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีงบประมาณค่อนข้างจำกัด เป็นคู่ปรับคนสำคัญของชิพ NVIDIA GeForce 9500 เพราะมีราคาจำหน่ายอยู่ในระดับเดียวกัน ประสิทธิภาพก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ที่สำคัญรองรับ DirectX10.1 และ ATI CrossFireX อีกด้วย ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานแล้วละว่าชอบค่ายไหน



    ATI Radeon HD 3650

    10. ATI Radeon HD 3650 – แม้ว่าตัวชิพจะไม่ได้มีประสิทธิภาพที่โดดเด่น และน่าซื้อหามาใช้งานเท่าไรนัก แต่เชื่อว่าสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานที่งบน้อยๆ น่าจะถูกใจกับกราฟิกการ์ดตัวนี้มากกว่าชิพคอนโทรลเลอร์ที่ติดมากับเมนบอร์ด อย่างแน่นอน เพราะเป็นชิพกราฟิกที่รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลใหม่ๆ ได้ค่อนข้างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เฟสการเชื่อมต่อที่เป็นแบบ PCI Express 2.0, การสนับสนุน API DirectX10, การรองรับเทคโนโลยี Multi-GPU อย่าง ATI CrossFireX เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการเล่นเกม แต่คงต้องเป็นโหมดความละเอียดต่ำตามระดับของชิพที่ถูกให้อยู่ในกลุ่มระดับ ล่าง


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------


    RAM

    นับ เป็นนิมิตรหมายที่ดีแล้วว่าในปีหน้า แนวทางของหน่วยความจำหลักของเครื่อง PC คงจะเน้นไปที่หน่วยความจำ DDR3 ด้วยการสนับสนุนรูปแบบการทำงานจากแพลตฟอร์มใหม่ของผู้ผลิตทั้ง 2 ค่ายยักษ์ ดังนั้นปีหน้าฟ้าใหม่จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ในส่วนของตลาดหน่วยความจำ อย่างไรก็ดีแม้ว่าทิศทางของหน่วยความจำหลักจะเน้นไปที่ DDR3 แต่หากมองถึงความคุ้มค่าแล้วหน่วยความจำ DDR2 ก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ ด้วยราคาจำหน่ายที่ถูก อีกทั้งผู้ใช้งานสามารถซื้อหน่วยความจำคุณภาพดีๆ ขนาด 2GB ได้ในราคาแค่ 1,000 บาทต้นๆ ส่วนหากเป็นความจุขนาด 4GB นั้นก็สามารถซื้อได้ในราคา 2,000 บาท เท่านั้น ดังนั้นสำหรับใครที่คิดจะอัพเกรดระบบในช่วงนี้แล้วละก็ แทบไม่ต้องลังเลอะไรอีกแล้ว ถึงแม้ว่าทิศทางของหน่วยความจำจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ปัจจัยด้านความคุ้มค่าและประสิทธิภาพชั่วโมงนี้ยังไงก็ต้องเป็น DDR2 อย่างแน่นอน ที่สำคัญด้วยประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มในปัจจุบันที่นับได้ว่าเพียงพอต่อการทำ งานทั้งซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชั่นในปัจจุบัน ก็ทำให้หน่วยความจำ DDR3 ยังไม่มีความจำเป็นในช่วงเวลานี้ แม้ว่ามันจะให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงก็ตามที แต่หากมองไปถึงราคาจำหน่ายที่แพงในหลักหมื่นก็ทำให้การซื้อมาใช้งานดูไม่ คุ้มค่านัก เพราะนอกจากราคาหน่วยความจำจะแพงแล้ว องค์ประกอบหลักอย่างเมนบอร์ดและซีพียู ก็มีราคาสูงตามไปด้วย เรียกได้ว่าแค่อุปกรณ์ 3 ตัวนี้ก็ปาเข้าไปเกือบๆ จะ 30,000 บาทแล้ว ด้วยราคาขนาดนี้คงจะสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่มีฐานะค่อนข้างดีเท่านั้น



    Kingston HyperX T1

    1. Kingston HyperX T1 - หน่วยความจำรุ่นใหม่แกะกล่องที่มีการเปิดตัวในช่วงท้ายปี มีให้เลือกทั้งแบบ DDR2 และ DDR3 มาพร้อมระบบกระจายความร้อนแบบใหม่ที่มีชื่อรหัสว่า T1 ซึ่งนอกจากจะมีผลดีในด้านเสถียรภาพของหน่วยความจำแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับระบบอีกด้วย ตัวกระจายความร้อน Taller Heatspreader นี้ใช้เทคโนโลยีในการออกแบบที่ชื่อว่า HyperX Thermal Xchange (HTX) มีจุดเด่นในด้านการรกระจายความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อทำการโอเวอร์คล็อก ซึ่งเทคโนโลยี HTX นี้เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่คิดค้นขึ้นโดยทีมวิศวกรของ Kingston ด้วยแนวคิดในการสร้างหน่วยความจำที่เร็วที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพของระบบสูงสุด



    Kingston HyperX KHX11000D3LLLK2

    2. Kingston HyperX KHX11000D3LLLK2/2G - หน่วยความจำ DDR3 ตัวแรกๆ ที่ทางผู้ผลิตได้นำมาจำหน่าย โดยจะมาในแบบ Memory Kit ขนาด 2GB (แบบขายเป็นแพ็คคู่) โดยแบ่งเป็นโมดูลละ 1GB สำหรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dual Chanel มีความเร็วในการทำงานตามสเป็กจากโรงงานได้ 3 ระดับ คือ 914MHz (6-6-6-18), 1066MHz (7-7-7-20) และ 1220MHz (8-9-9-23) แต่ด้วยข้อความโปรยหน้ากล่องที่ว่า Accelerate Gaming ก็พอทำให้เราทราบว่ามันสามารถทำงานที่ความเร็วสูงกว่านี้ได้อย่างแน่นอนตาม สไตล์ของ HyperX ที่ออกแบบมาสำหรับการโอเวอร์คล็อกโดยเฉพาะ ตัวหน่วยความจำมาพร้อมฮีทซิงค์สีน้ำเงินตามมาตรฐาน ซึ่งแลดูสวยงาม และเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการหน่วยความจำประสิทธิภาพดี



    G.Skill DDR3 Tri-Channel

    3. G.SKILL DDR3 Tri-Channel Memory for Intel Core i7 CPU - อันนี้คงไม่ต้องบอกกล่าวอะไรมาก เพราะตามชื่อรุ่นก็บอกอยู่แล้วว่ามันเป็นหน่วยความจำ DDR3 ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับ Intel Core i7 อยู่แล้ว ซึ่งนับเป็นหน่วยความจำ DDR3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีการแพ็คขายในแบบ Tri-Channel (เป็นแบบ 1 แพ็ค 3 ตัว) หลังจากที่ขายแบบแพ็กคู่ หรือ Dual Channel มานาน สำหรับแพลตฟอร์มในปัจจุบัน โดยอาจจะเรียกว่าเป็นหน่วยความจำสำหรับอนาคตก็ว่าได้ ตัวหน่วยความจำพกความร้อนแรงมาด้วยฮีทซิงค์สีแดงที่เผ็ดร้อน ดูดุดัน มีความเร็วในการทำงานสูงสุดที่ DDR3 1600 MHz ด้วย CL 9-9-9-24



    G.Skill F2-8500CL5D

    4. G.SKILL F2-8500CL5D-2GBHK - สุดยอดหน่วยความจำ DDR2 ตัวแรง ตัวแรกๆ ที่ได้มีการออกมาจำหน่าย ด้วยราคาที่แพงสุดๆ เพราะเป็นหน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพสูงมาก กับความเร็วในการทำงานที่สูงถึง DDR2 1066MHz ด้วย ตัวหน่วยความจำมาพร้อมฮีทซิงค์อะลูมิเนียมสีน้ำเงิน ที่บ่งบอกความเป็นไฮเอนต์ได้อย่างเหนือระดับ ประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากสื่อไอทีชั้นนำ



    Corsair XMS2 Pro

    5. CORSAIR XMS2 Pro Series – หน่วยความจำในรุ่น XMS2 Pro Series รุ่นนี้ นับเป็นสุดยอดหน่วยความจำที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานระดับสูงอย่าง แท้จริง ในยุคที่หน่วยความจำ DDR2 800MHz ได้กลายมาเป็นมาตรฐานของหน่วยความจำหลักในปัจจุบัน ซึ่งแม้ว่าหน่วยความจำรุ่นนี้จะออกมานานแล้ว แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ยังคงตรึงตราตรึงใจ ก็ทำให้มันกลายมาเป็นอีกหนึ่งหน่วยความจำที่น่าจดจำในปีนี้ ตัวหน่วยความจำมาพร้อมฮีทซิงค์ระบายความร้อนสีเทาที่ดูแข็งแรง สวยงามด้วยโลโก้ XMS ตัวนูนบนฮีทซิงค์ และชุดแถบสถานะไฟวิ่งบนตัวแรม แม้ว่าจะมีการเปิดตัวและจำหน่ายนานแล้วก็ตามทีแต่ก็นับว่าเป็นอีกหน่วยความ จำประสิทธิภาพดีที่สุดที่ทาง CORSAIR นำมาจำหน่ายในบ้านเราเลยก็ว่าได้



    Corsair XMS2 DHX

    6. CORSAIR XMS2 DHX – หน่วยความจำรุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบชุดฮีทซิงค์ระบายความร้อนมาเป็นพิเศษ หรือที่ผู้คนนิยม เรียกว่า ฮีทซิงค์แบบครีบฉลาม ล้ำหน้ากว่าฮีทซิงค์ทั่วไปด้วยระบบการระบายความร้อนที่ดียิ่งกว่า โดยใช้เทคโนโลยี DHX (Dual-Path Heat XChange) ที่ใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก (Aluminum) ติดตั้งจากภายในคอยทำหน้าที่ดูดซับความร้อนแล้วเก็บไว้ที่ปลายคีบด้านบนที่ เป็นช่องระบายอากาศ ซึ่งวัสดุที่เป็นอลูมิเนียมนั้นมีข้อดีในด้านการกระจายความร้อนออกที่สามารถ ทำได้ดีกว่าทองแดง (ทองแดงดูดซับความร้อนได้ดีกว่า) อีกหนึ่งเทคโนโลยีการระบายความร้อนที่น่าจับตามอง



    OCZ DDR3 Gold Edition

    7. OCZ DDR3 Gold Edition 6GB - หน่วยความจำที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการทำงานร่วมกับ Intel Core i7 มีจำหน่ายในแบบ Tri-Channel โดดเด่นด้วยขนาดความจุที่มีมาให้มากถึง 6GB มีความเร็วในการทำงานที่ DDR3 1600MHz CL 8-8-8-24 เหมาะสำหรับการทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Windows Vista และคอมพิวเตอร์ระดับไฮเอนต์เป็นอย่างมาก เติมเต็มประสิทธิภาพได้เหนือกว่ากับความจุขนาดมหึมา เพียงพอกับแอพพลิเคชั่นระดับสูง พร้อมจุดเด่นของฮิทซิงค์ที่เป็นสีทองสวยงาม และให้ความอลังการสำหรับผู้ใช้งานที่ใช้เคสใส หรือกลุ่มผู้ใช้งานระดับเอกซ์ตรีม



    OCZ nVidia SLI Edition / ATi CrossFire Edition

    8.OCZ nVidia SLI Edition / ATi CrossFire Edition - หน่วยความจำ DDR2 อีกรุ่นที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับแพลตฟอร์มของ NVIDIA และ ATI โดยเฉพาะ สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพในแบบเฉพาะเจาะจง ตัวหน่วยความจำมาพร้อมสัญลักษณ์ความแรงด้วยโลโก้ nVidia SLI และ ATi CrossFire บ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ซ้อนเร้นอยู่ภายในได้เป็นอย่างดี พร้อมจุดเด่นในด้าน Latency ที่ต่ำเพียง CL 4-4-4-15 นับเป็นอีกหนึ่งสุดยอดหน่วยความจำในยุคนี้ ที่ให้ทั้งประสิทธิภาพที่ดี และความสวยงามที่ใครๆ เห็นแล้ว มิอาจมองข้าม หรือละสายตาไปได้ เพราะสวยบาดใจจริงๆ



    Geil DDR2 Black Dragon EVO ONE

    9. GEIL DDR2 Black Dragon EVO ONE - หน่วยความจำที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ ตัวหน่วยความจำมาพร้อม PCB ในแบบ 8 Layers จึงให้เสถียรภาพในการทำงานสูง สามารถทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ได้อย่างไม่มีสะดุด มีความเร็วให้เลือกตั้งแต่ DDR2 667 และ DDR2 1066MHz มีความโดดเด่นในด้านของค่า Latency ที่ต่ำ โดยเริ่มต้นจาก CL 4-4-4-12 ไปจนถึง CL 5-5-5-12 พร้อมดีไซน์สวยงานล้ำหน้า ด้วยฮีทซิงค์สีดำที่ดูบึกบึน ตามชื่อ บ่งบอกความเป็น Black Dragon ได้อย่างแท้จริง



    Geil DDR3 XMP

    10. GEIL DDR3 XMP - หน่วยความจำ DDR3 ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด มีความเร็วในการทำงานสูงสุดที่ DDR3 1600MHz หรือ PC3 12800 เหมาะสำหรับผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม Intel เพราะตัวหน่วยความจำสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Intel XMP ได้ จึงสามารถตอบสนองการโอเวอร์คล็อกได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาโดยรวมอาจจะไม่ได้ดูดีมีชาติตระกูลเท่าไรนัก แต่ด้วยสัญลักษณ์ Intel XMP ที่แปะติดอยู่ข้างฮีทซิงค์ก็น่าจะทำให้สาวก GEIL ไม่น่าจะมองข้ามไปได้ เพราะสัญลักษณ์นี้นับเป็นสิ่งที่การันตีถึงประสิทธิภาพที่ได้รับการทดสอบมา แล้ว ว่ามีความเข้ากันได้กับแพลตฟอร์ม Intel อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม


    -----------------------------------------------------------------------------------------------------


    HDD

    แม้ ว่าในช่วงปีนี้ฮาร์ดไดร์ฟประเภท SSD จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในส่วนของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับเครื่อง คอมพิวเตอร์ประเภท UMPC บ้างแล้ว แต่ก็นับว่ายังเป็นส่วนน้อยอยู่ เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีจุดเด่นหลายๆ อย่าง ที่ดีกว่าฮาร์ดไดร์ฟแบบเดิมด้วยความเร็วในการทำงานที่สูงกว่า ให้ความทนทานกว่า และไม่ต้องอาศัยการหมุนของมอเตอร์ที่นับเป็นปัญหาคอขวดของระบบคอมพิวเตอร์ แล้วก็ตาม (แบบมอเตอร์มีข้อจำกัดในเรื่องของความทนทาน และอายุการทำงานของหัวอ่าน ที่สามารถเสียได้ตลอดเวลา หากมีการจัดเก็บ หรือใช้งานไม่ถูกวิธี) แต่หากมองถึงความคุ้มค่าแล้ว ฮาร์ดไดร์ฟที่ใช้เทคโนโลยีแบบมอเตอร์ ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบรรดาผู้ใช้งานมากกว่า ด้วยการสนับสนุนรูปแบบแพลตฟอร์มการทำงานที่ได้รับการยอมรับมาอย่างช้านาน ที่สำคัญด้วยราคาที่ถูก บวกกับความจุที่ได้รับการพัฒนามาในระดับ TB ตลอดจนระยะเวลาการรับประกันที่มีการปรับเพิ่มขึ้นจาก 3 ปี มาเป็น 5 ปี ในทุกยี่ห้อ ก็ทำให้ฮาร์ดไดร์ฟประเภทนี้ สามารถยืดอายุชีวิตของตัวมันเองให้อยู่คู่กับวงการคอมพิวเตอร์ไปอีกนานแสน นานได้ไม่ยาก ส่วนจะอยู่ได้นานขนาดไหนนั้น ก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์กันอีกที



    WD VelociRaptor

    1. WD VelociRaptor - เป็นฮาร์ดไดรฟ์รุ่นล่าสุดจาก WD ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้ใช้เครื่องพีซีที่เน้นเรื่องความเร็วสูงๆ รวมถึงประสิทธิภาพการทำงาน และความน่าเชื่อถือ มีความจุเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าถึง 300 GB จากรุ่นเดิม ติดตั้งอยู่ในฟอร์มแฟคเตอร์สำหรับองค์กรขนาด 2.5 นิ้ว ผนึกอยู่ภายในกล่อง IcePack ขนาด 3.5 นิ้ว สามารถปรับใช้กับช่องติดตั้งฮาร์ดไดรฟ์มาตรฐานขนาด 3.5 นิ้วได้ พร้อมฮีตซิงค์ระบายความร้อนแบบเบ็ดเสร็จภายในตัว เหนือกว่าฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไปด้วยความเร็วของจานดิสก์ที่สูงถึง 10,000 รอบต่อนาที (RPM) ที่สุดของประสิทธิภาพที่มาในขนาด 2.5 นิ้ว นี่แหละจิ๋วแต่แจ๋วของจริง



    WD Caviar Black

    2. WD Caviar Black - เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของฮาร์ดดิสก์คุณภาพดีได้รับการออกแบบสำหรับใช้ใน คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป OEM มีความเร็วในการหมุนของจานดิสก์ที่ 7,200 รอบต่อนาที พร้อมอินเทอร์เฟซแบบ SATA 2 และหน่วยความจำแคช 32 เมกะไบต์ พร้อมนำเสนอที่สุดแห่งประสิทธิภาพการทำงานของไดรฟ์ความจุสูง ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะตัว 2 เทคโนโลยี คือ เทคโนโลยี StableTrac ในการยึดเพลาของมอเตอร์ให้มั่นคงกว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นที่มีจำหน่ายทั่วไป จึงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนซึ่งเกิดจากการทำงานของตัวระบบ พร้อมช่วยเสริมความมั่นคงให้กับแผ่นจานแม่เหล็ก จึงส่งผลให้ค้นหาข้อมูลได้อย่างแม่นยำทั้งในระหว่างอ่านและเขียนข้อมูล และเทคโนโลยี NoTouch สำหรับพักหัวเข็ม โดยหัวบันทึกข้อมูลจะไม่สัมผัสโดนผิวหน้าของตัวดิสก์ จึงมั่นใจได้ว่าปริมาณการสึกหรอของหัวบันทึกและผิวหน้าดิสก์จะลดลงอย่างมาก และยังช่วยปกป้องตัวฮาร์ดไดรฟ์ในระหว่างการขนส่งได้ดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งฮาร์ดไดร์ฟที่มีความจุเด่นในด้านความทนทาน



    WD My Passport Elite

    3. WD My Passport Elite - ฮาร์ดไดร์ฟเพื่อการพกพา ดีไซน์สวย สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการความจำเจ ในการบันทึกข้อมูล ตัวฮาร์ดไดร์ฟมีจุดเด่นในด้านความจุที่มีมาให้มากถึง 500GB เหมาะสำหรับการพกพาเพื่อแบ่งปัน และคัดลอกข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ เช่น ไฟล์เพลง ไฟล์ข้อมูล หรือไฟล์วีดีโอความละเอียดสูงระดับ HD มีสีสันให้เลือกตามใจชอบถึง 4 สี ด้วยกัน คือ สีบรอนซ์ สีไททาเนียม สีน้ำเงิน และสีแดง สามารถให้ความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลได้สูงเพราะมีความเร็วในการหมุนแผ่น ดิสก์ที่ 5,400 รอบต่อนาที อีกหนึ่งทางเลือกสำผู้ที่ต้องการฮาร์ดไดร์ฟสำหรับการพกพา



    Seagate Barracuda 7200.11

    4. Seagate Barracuda 7200.11 – ต้องบอกนี่คืออาร์ดไดร์ฟที่นับได้ว่าเป็นที่สุดของฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้วก็ว่าได้ เพราะมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับที่สูงมาก ด้วยการออกแบบมาเพื่อกลุ่มผู้ใช้งานในส่วนของเกมเมอร์โดยเฉพาะ มีอายุการทำงานที่ยาวนานกว่า 750,000 ชั่วโมง มีความเร็วของแผ่นดิสก์ที่ 7,200 รอบต่อนาที (RPM) พร้อมอินเทอร์เฟซในมาตรฐาน SATA2 ที่สามารถส่งข้อมูลได้ในระดับ 3Gb/s พร้อมระดับการสนับสนุน Data rate สูงสุดที่ 115 MB/s มีให้เลือกขนาดความจุมากมายถึง 4 ความจุ คือ 320GB, 500GB, 700GB และ 1TB



    Seagate barracuda ES.2

    5. Seagate Barracuda ES.2 – สุดยอดฮาร์ดไดร์ฟที่จะทำให้การจัดเก็บข้อมูลในแบบที่สุด สามารถทำได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับดาต้าเซริ์ฟเวอร์ หรือองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหลาย สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างเต็มที่ด้วยความจุสูงสุดที่ 1TB เหนือกว่าฮาร์ดไดร์ฟรุ่นทั่วไปเพราะสามารถทำงานในระดับ 24 ชั่วโมง 7 วันติดต่อกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดพัก มีอายุการใช้ทำงานมากถึง 1.2 ล้านชั่วโมง มีความเร็วของแผ่นดิสก์ที่ 7,200 รอบต่อนาที (RPM) และใช้อินเทอร์เฟซในแบบ SATA 2 ซึ่งจะส่งข้อมูลได้ในระดับ 3Gb/s มีอัตราความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่ระดับ 8.5ms ส่วนในด้านการบันทึกข้อมูลก็มีความเร็วสูงที่ระดับ 9.5 ms เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยกับฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้



    WD My Book Mirror Edition

    6. WD My Book Mirror Edition เป็นฮาร์ดไดร์ฟแบบ Dual-drive Storage External รุ่นใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานระดับสูง ที่ต้องการปกป้องข้อมูลอันมีค่า ด้วยความสามารถในการสำรองข้อมูลในแบบอัติโนมัติ มีความจุให้เลือกทั้งแบบ 1TB และ 2TB โดดเด่นด้วยฟีเจอร์การทำมิเรอร์ (Mirror) หรือการสำเนาป้องกันข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีการต่อ RAID นับเป็นระบบที่ให้ปลอดภัยมากที่สุดในปัจจุบันก็ว่าได้ นอกจากนั้นยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยอาศัยเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอย่าง Green Power เข้ามาเสริม นับเป็นอีกหนึ่งฮาร์ดไดร์ฟระดับสูงที่น่าจับตามองสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ ให้ความสำคัญกับข้อมูลสูง



    Hitachi CinemaStar 7K1000.B

    7. HITACHI CinemaStar 7K1000.B - ฮาร์ดไดร์ฟ CinemaStar 7K1000.B รุ่นใหม่ที่ได้รับการต่อยอดเทคโนโลยีมาจากฮาร์ดไดร์ฟในตระกูลเดิม มีความจุระดับ 1TB มีความเร็ว 7,200 รอบต่อนาที (RPM) ตัวไดร์ฟมาพร้อมกับเทคโนโลยี HiVERT ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับฮาร์ดไดร์ฟ Travelstar ขนาด 2.5 นิ้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานของตัวไดร์ฟ ให้ความเงียบกว่าฮาร์ดไดร์ฟทั่วไปด้วยการใช้เทคนิคการค้นหาแบบสุ่มไร้เสียง (Silent-seek) พร้อมระบบปกป้องการสึกหรอของดิสก์ ด้วยเทคนิคการพักหัวอ่านที่เป็นเทคโนโลยีจดสิทธิบัตรของฮิตาชิ อีกหนึ่งความสุดยอดของเทคโนโลยีฮาร์ดไดร์ฟในปัจจุบัน



    WD RE3

    8. WD RE3 - ฮาร์ดไดรฟ์ที่ให้ความทนทานสูง WD RE3 มีอายุเฉลี่ยการใช้งาน หรือ MTBF สูงถึง 1.2 ล้านชั่วโมง โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี NCQ และ TLER โดยฮาร์ดไดร์ฟรุ่นนี้ได้ผ่านขั้นตอนการทดสอบที่ละเอียด และครอบคลุมกว่าเดิม เพื่อรับประกันความน่าเชื่อถือในการทำงานของแอพลิเคชั่นระดับองค์กร ที่ต้องการฮาร์ดไดรฟ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ตัวฮาร์ดไดรฟ์ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน และแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้นด้วยการดีไซน์ที่เน้นความแข็งแรง พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าเดิมมากถึง 20% และสูงสุด 60% เมื่อทำงานในสภาวะแวดล้อมที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง



    Samsung Flash SSD

    9. SAMSUNG Flash SSD - แม้ว่าในบ้านเราจะยังไม่มีจำหน่าย หรือนิยมใช้งานกันอย่างกันอย่างกว้างขวาง มีแต่ในเฉพาะโน้ตบุ๊กบางรุ่นเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับออกแบบมาเพื่อทดแทนฮาร์ดไดร์ฟที่มีการทำงานด้วย มอเตอร์ก็ทำให้ฮาร์ดไดร์ฟประเภทนี้มีอนาคตที่สดใส และน่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะมีจุดเด่นในด้านการป้องกันแรงกระแทกได้สูงกว่าฮาร์ดไดร์ฟแบบเดิมๆ ได้อย่างเหนือชั้นกว่า เพราะมีลักษณะการเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องใช้กลไกมากมาย อีกทั้งยังมีความเร็วในการทำงานสูงอีกด้วย ดังนั้นจึงนับเป็นอีกฮาร์ดไดร์ฟในอนาคตที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ในอนาคตน่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอย่างแน่ นอน ด้วยความจุที่สูงขึ้นในระดับ TB ในปัจจุบันมีความจุสูงสุดอยู่ที่ 256GB



    Samsung Spinpoint M

    10. SAMSUNG Spinpoint M แม้ว่าในช่วงปีนี้ผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง SAMSUNG จะดูเงียบๆ ไปบ้างหากเทียบกับเจ้าอื่นๆ เนื่องด้วยมีผลิตภัณฑ์หลายตัว และทาง SAMSUNG เอง ก็มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์หลักอย่างมอนิเตอร์ในกลุ่มของ LCD, LCD TV เป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้มีฮาร์ดไดร์ฟรุ่นใหม่ๆ น้อยกว่าเจ้าอื่น อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ในสายการผลิตค่อนข้างเยอะ แต่ผลิตภัณฑ์ทางด้านฮาร์ดไดร์ฟนั้น ทาง SAMSUNG เองก็ไม่ได้ทิ้งไปเฉยๆ ยังคงมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาจำหน่ายอยู่เรื่อยๆ (แต่อาจะช้าหน่อย) และสำหรับ Samsung Spinpoint M รุ่นนี้นั้น ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งฮาร์ดไดร์ฟที่มีความลงตัวในหลายๆ ด้านไม่ด้อยไปกว่าฮาร์ดไดร์ฟของคู่แข่งรายใหญ่ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นขนาดความจุที่สูงถึง 750GB และ 1TB (ใช้จานดิสก์ 2 แผ่นที่จุข้อมูลได้สูงถึง 334GB ต่อ 1 Platter) มีระบบการเชื่อมต่อเป็นแบบ SATA 2 ซึ่งมีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงถึง 3Gb/s มีความเร็วรอบที่ 7,200 รอบต่อนาที (RPM) ที่สำคัญยังตัวฮาร์ดไดร์ฟยังได้รับการออกแบบให้มีความทนทานสูงด้วยอายุ เฉลี่ยในการใช้งานหรือ MTBF ที่สูงถึง 1.2 ล้านชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับฮาร์ดไดร์ฟรุ่นนี้ แม้ว่าชื่อเสียงในบ้านเราอาจจะไม่ดีเท่าเจ้าตลาด แต่ด้วยระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานถึง 5 ปีก็ทำให้ฮาร์ดไดร์ฟจาก SAMSUNG มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยประสิทธิภาพที่ไม่แตกต่าง

    ขอบคุณข้อมูลจาก i3.in.th

  • #2
    ดีครับ....

    Comment


    • #3
      ก็...ดีครับ

      Comment


      • #4
        จริงเหรอ -*- แบบ มันเป็นอะไรที่คนทั่วไปไม่ได้สัมผัสเลย

        อีกวัก5ปีมั้งผมถึงได้จับตัวพวกนี้

        Comment


        • #5
          9500GT ติด แต่9600GSO ไม่ติด

          Comment


          • #6
            คุณdordeg ก็ไช้psuของtsinamiเหมือนกันเหรอครับ
            ผมก็ไช้เเต่650wนะ

            Comment


            • #7
              ดีครับ....

              Comment


              • #8
                q6600 คงตายไปแล้วมั้งปีหน้า เห้อออ ไม่ติดเลย

                Comment


                • #9
                  Originally posted by hipnote View Post
                  คุณdordeg ก็ไช้psuของtsinamiเหมือนกันเหรอครับ
                  ผมก็ไช้เเต่650wนะ
                  ก็ใช้ของติดเคสอยู่อะคับ อาการก็ปกติดี แต่จาเปลี่ยนไปRaidmaxแระหลังปีใหม่งะ

                  Comment


                  • #10
                    หุๆๆๆ ความ รู้ครับ ชอบ แบบ นี้ จัง

                    Comment


                    • #11
                      ขอบคุณครับ

                      มันมีแต่ของTopๆทั้งนั้นเลย ถ้ามีแบบว่า เปรียบเทียบแล้วตัวไหนคุ้มสุด น่าจะดีกว่า

                      อยากได้ของปี2009อ่ะ

                      Comment


                      • #12
                        10 อันดับ มันควรเรียงตามประสิทธิภาพ นี่ดันเรียงตามค่าย

                        ดู CPU ดิ E2180 ที่ 5 / X4 9950 ที่ 6 เหอๆ

                        ดู vga 9500gt ที่ 5 / 4870x2 ที่ 6

                        มันช่างเรียงได้....

                        Comment


                        • #13
                          ผมว่าเค้าเรียงตามสปอนเซอร์มากกว่านะครับผม ^^

                          Comment


                          • #14
                            ดีมากเลยคับ

                            Comment


                            • #15
                              ฮาร์ดดิสก์อะ ทำไม Samsung Spinpoint F1 ไม่ติดอ่าคับ
                              ผมว่าดีที่สุดในความจุ 1TB แล้วนะ

                              แล้วทำไม 9600GT ไม่ติดแต่ 9500GT ติดอะ
                              (9600GT แรงพอๆกับ 8800GT เชียวละคับ)

                              เอ..แล้วเมนบอร์ดทำไมมันไม่มีหว่า
                              Last edited by GGan; 2 Jan 2009, 22:14:13.

                              Comment

                              Working...
                              X