Tweet
Mini Review Audiotrak Prodigy HD2 Advance (Delux Edition)
ผมเป็นน้องใหม่ครับ จริงๆ ก็เข้ามาหาความรู้ในนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกสักที ผมเป็นมือสมัครเล่นที่ชอบฟังเพลงกับ Computer มานานแล้วครับ จะฟัง 2 channels เป็นหลัก เกมส์ไม่ได้เล่นเลยครับ ผมจะออกแนวบ้าเป็นพักๆ เช่นบ้าลำโพง, บ้าหูฟัง, บ้า Player ตอนนี้อยาก Upgrade Soundcard ที่ใช้ฟังเพลงอยู่ในปัจจุบัน
ด้วยการจุดประกายของหลายท่านในนี้ (ท่านไร้วรยุทธ, ท่าน mballx และท่าน battlecruiser) เลยได้ฤกษ์สั่งซื้อ sound card ตัวนี้ที่อยากได้มานานแล้ว วันนี้ของมาถึงเลยเอามา review เล็กๆ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ
ผมสั่งซื้อ Audiotrak Prodigy HD2 Advance DE (Delux Edition) จาก ebay.co.uk ตามที่ท่าน mballx แนะนำ link ไว้ให้ ซึ่งคนขายที่จริงก็เป็น Audiotrak ที่เกาหลีนี้แหละครับ ของมาถึงเร็วจนตกใจ สั่งไปบ่ายๆ วันพฤหัส บ่ายวันอาทิตย์ของมาส่งถึงบ้านเลย ค่าเสียหายโดยรวม 118$+29.99$ ค่าขนส่ง (แพงจัง แต่ขี้เกียจหาแล้ว) แต่ไม่โดนภาษีแฮะ เคยสั่งของจาก playasia.com โดนภาษีอานเลย
รูปหีบห่อครับ จริงๆ ก็เป็นกล่องของ sound card เอง แล้วห่อด้วย bubble sheet อีกที
แกะออกมาสภาพกล่องก็เรียบร้อยดี แต่เริ่มใจไม่ดีเพราะหน้ากล่องไม่ได้บอกว่าเป็น Delux Edition (กลัวเค้ามั่วเอา Standard Edition มาให้)
แกะห่อ card ออกมาดู ก็ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเป็น Delux Edition เลยรีบแพ่งสายตาไปที่ Opamp ก็เจอ OPA2134 จำนวน 2 ตัว + OPA2604 อีก 1 ตัว เลยโล่งใจ เพราะถ้าเป็นรุ่น SE (Standard Edition) จะเป็น NE5532 3 ตัว
อุปกรณ์ในกล่องก็ไม่มีอะไรมากครับ ที่พิเศษน่าจะเป็น Headphone Cord Extension ครับ ชอบๆ จะได้เสียบหูฟังง่ายๆ แล้วก็มีแถม sticker Audiotrak ให้ติดเล่นด้วย
ว่าแล้วก็จัดการถอด e-mu 0404 pci ตัวเก่าซึ่งประจำการมาตั้งแต่ปลายปี 2004 ออก แล้วบรรจุ Prodigy HD2 เข้าไปแทน ขอ post รูปไว้อาลัย 0404 นิดส์นึง
เอามาเปรียบเทียบมวยอีกที ระหว่างใหม่กับเก่า เล็กกว่ากันเยอะเลย
ติดตั้งเสร็จก็ต่อสายสัญญานเข้า Int. Amp ชอบตรงที่เป็นหัวต่อ RCA นี่แหละ เลยได้ใช้สาย RCA hi-so ที่แอบซื้อไว้นานแล้วต่อตรงได้เลย เดิมต้องต่อผ่าน adaptor ให้รู้สึกไม่สบายใจเล่น เสร็จแล้วก็ install driver ที่มาในกล่อง ให้มาเป็น reference driver ของ Via Envy24 หน้าตาหน่อมแน้มอย่างนี้ครับ เห็นใน web ของ Via จะมี equalizer ให้ด้วย พอมาลงกับตัวนี้ มันหายไปเลย แล้วก็ไม่เห็นมีตัวปรับของ lin-in ด้วย
มาถึงช่วงยาก คือ review เรื่องเสียง ไม่รู้จะอธิบายยังไง ผมเองก็เคยลอง sound card มาไม่มาก นานๆ เปลี่ยนที x-fi ก็ไม่เคยใช้กับเค้า เวลาเปลี่ยน sound card ทีก็เปลี่ยนเลย ไม่ได้ทำ A-B test เอาเป็นว่าเทียบกับ emu 0404 pci ก็แล้วกัน เพราะเพิ่งถอดไป เอามันง่ายๆ อย่างนี้แหละ ตอนผมเปลี่ยนจาก sb live 5.1 DE ผมว่า 0404 เสียงดีกว่าจมเลย พอเปลี่ยนจาก 0404 เป็น Prodigy HD2 ตัวนี้ ฟังเพลงแล้วรู้สึกว่าแตกต่างจาก 0404 อยู่พอสมควร ที่เด่นๆ จะเป็นช่วงแหลมที่ใสขึ้น บอกไม่ถูก มันกุ๊งกิ๊งกว่า เหมือน 0404 แหลมจะขาดไปหน่อยๆ ส่วน HD2 จะเกินมานิดส์เดียว ที่จริง 0404 แหลมก็ดีนะ เคยเทียบกับ USB DAC Carat ปรากฎว่า 0404 กินขาด สรุป HD2 แหลมดีมาก เกินมาหน่อยเดียว (อาจจะเป็นที่ System ของผมก็ได้)
ที่เด่นมากของ HD2 คือ Bass ครับ มี Punch มากกว่า 0404 อย่างชัดเจน ดีกว่าทั้งปริมาณและคุณภาพ ทำให้ฟังเพลงสนุกขึ้นมาก ส่วนช่วงเสียงกลางจะรู้สึกว่าบางเพลง HD2 จะบางไปนิด อาจเพราะไปมี bass กับ treble เพิ่มขึ้นกลางเลยหายไปหน่อย แต่เป็นแค่บางเพลงเท่านั้นครับ นอกจากนั้นจะรู้สึกว่าในเพลงที่เน้นเสียงร้องนักร้องหญิงจะหวานน้อยไปหน่อย
จุดเด่นอื่นๆ ก็เห็นจะเป็นรายละเอียดที่ดีมากๆ พอๆ กันกับ 0404 เลยครับ อีกอย่างคือแนวเสียงค่อนข้างจะเป็นกลางคือใช้ฟังกับเพลงหลายๆ แนวได้ไม่ขัดหู พอดีผมฟังเพลงหลายแนว ทั้ง Pop Jazz Rock Instrumental ไปจนถึง Classic เพลงไทยก็ชอบฟังมาก ถ้าเป็น Sound Card ที่ Favor แนวใดแนวหนึ่งเกินไปจะไม่เหมาะกับผม
สรุปคือเป็น Sound Card ที่เสียงดีมากในความเห็นของผม (สำหรับ 2 Channels นะครับ เล่นเกมส์คงไม่ไหว) ถือว่าเป็นการ Upgrade จาก emu-0404 pci พอสมควร โดยเฉพาะช่วงเสียง Bass
Review การต่อกับหูฟัง
(Part นี้มีแก้ไขจากเดิมเกือบจะเขียนใหม่หมดครับ เพราะ Review เดิมมีข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง)
ขอแถมนิดนึง เนื่องจาก HD2 มีจุดเด่นอีกอันคือมี built-in headphone amp ผมเลยขอลองมันหน่อยโดยใช้ Grado MS-1 ก็ต่อกับ Headphone Cord Extension ที่แถมมานั้นแหละ
ผลก็คือกำลังขับเหลือเฟือครับ พอดีผมมีแต่หูฟังที่ขับง่ายๆ เพราะเน้นใช้กับ Portable มากกว่า เลยไม่ได้ลองกับหูฟังที่ขับยาก ว่าไหวหรือเปล่า แต่ไม่น่ามีปัญหา เพราะตอนที่ลองกับ MS-1 ยังเหลืออีกกว่าครึ่งกว่าจะสุด Volume นี่ขนาด Set Jumper ของ Headphone Amp บน Card เป็น Low Output นะครับ ซึ่งสามารถ set เป็น High Output ได้ซึ่งกำลังขับจะเพิ่มกว่าเท่าตัว ส่วนเสียงที่ฟังผ่านช่องหูฟังก็ใกล้เคียงกับที่ Review ข้างบน ต่างกันเล็กน้อยที่ punch ของ bass จะน้อยลงนิดนึง treble มากขึ้นอีกนิดส์ เสียงกลางเยี่ยม แต่ดูไปรู้สึกนี่จะเป็น characteristic ของ MS-1 มากกว่า เลยเอาหูฟังอีกคู่มาต่อ เสียงก็เปลี่ยนไปตาม characteristic ของหูฟังคู่ใหม่ น่าจะสรุปได้ว่า HD2 ให้เสียงที่เป็นกลางดี แต่ก็ยังฟังสนุกไม่เรียบจืดเหมือน card ที่ใช้ทำงานดนตรี ที่ต้องชมอีกอย่างหนึ่งคือเป็น card ที่ไม่มี background noise เลย ตอนต่อหูฟังคู่ที่ 2 ซึ่งเป็น in-ear ที่มี sound isolation ที่ดีมากๆ ปกติถ้าต่อ player ถึงจะเป็นยี่ห้อชั้นดี ก็จะยังได้ยินเสียง background noise อยู่นิดๆ ถ้ายังไม่เปิดเพลง แต่ของ HD2 นี่เงียบกริบเลยครับ ขนาดปรับ volume จนสุดแล้ว ยังไม่ได้ยินเลย
เพิ่มเติม - หลังจากลง Driver ของ Audiotrak แทนของ Via
อันนี้ได้ลองเปลี่ยน driver จากตัวที่เป็น reference Envy24 ของ Via มาเป็นตัวของ Audiotrak เอง ตามที่ท่าน battlecruiser ได้แนะนำไว้ข้างล่าง - ขอขอบคุณไว้ตรงนี้ด้วยครับ
ลงเสร็จได้หน้าตา control panel ที่ดูมีชาติตระกูลขึ้น
หลักๆ ก็จะเหมือนกับ Prodigy 7.1 ที่ท่าน mballx มา show ให้ดูไปแล้ว ส่วนเรื่องเสียง ผมฟังเพลงโดยใช้ asio อยู่รู้สึกว่าก็ดีเหมือนเดิม เพียงแต่จะมี driver asio ให้เลย ไม่ต้องไปลง asio4all
ที่ได้เพิ่มมาจาก driver Via จริงๆ จะเป็น Q-Sound ซึ่งมีตัวปรับเสียงให้เล่นหลายแบบ จากที่ลองแล้วผมว่า ถ้าเราถูกใจกับแนวเสียงของ System (หมายถึงพวก Amp ลำโพง รวมไปถึง Soundcard ด้วย) ที่ใช้อยู่อยู่แล้ว และ Source (เพลง) มีคุณภาพดี ก็ไม่น่าจะต้องปรับอะไร คือไม่ต้องใช้ Q-Sound ก็ได้ แต่ถ้ายังมีจุดไม่พอใจใช้พวก EQ มาชดเชยก็น่าจะช่วยได้ จากที่ลองพบว่า EQ ของ Q-Sound มีคุณภาพดีทีเดียว ถ้าปรับระวังๆ ก็จะไม่เกิดอาการเสียงแตก
แต่ที่อยากจะพูดถึงคือ QSizzle กับ QRumble ที่จะช่วยเราได้มากเวลาฟัง Source ที่ไม่ค่อยดี เช่น เพลงเก่าๆ (บันทึกเสียงเมื่อนานแล้ว) บางทีจะรู้สึกเสียงไม่ค่อยดี สู้เพลงใหม่ๆ ไม่ได้ มันแห้งๆ ไม่ค่อยฉ่ำ บางทีก็ไม่ค่อยมี bass หรือแนวเสียงรวมออกทื่อๆ บางๆ หรือบางทีก็เพลงใหม่ๆ นี่แหละ แต่บันทึกเสียงไม่มาตรฐาน ทำไงดี ก็อยากฟังนี่ครับ เพลงเพราะๆ ทั้งนั้น จะให้เลือกฟังแต่แผ่น Audiophile มันก็ไม่ไหว Q-Sound ช่วยท่านได้ครับ ถ้ามันใสไม่พอ ไม่มีกุ๊งกิ๊ง ก็กด QSizzle ทีนี้แหละ หางเสียง ซ/ส ของนักร้องกับเสียง percussion จะลอยเด่นขึ้นมาเชียว ถ้า bass บาง bass หายก็กด QRumble ก็จะมากันตูมตาม หรือถ้าอัลบัมไหนเสียงออกทื่อๆ บางๆ แห้งๆ ก็กดมันซะทั้งคู่เลย ช่วยได้ครับ ที่สำคัญมันไม่ได้ทำให้เสียงเพี้ยนหรือแต่งซะจนเวอร์ มันมาแบบพอดีๆ ผมว่ามันช่วยให้ฟังเพราะขึ้นได้จริงๆ แต่สำหรับเพลงที่มีข้อด้อยต้องชดเชยนะครับ ถ้าเพลงบันทึกเสียงมาดีแล้ว ผมว่าไม่ต้องใช้ดีกว่า ส่วนตัว QXpander ลองแล้วไม่ค่อยชอบครับ มันทำให้รู้สึกว่า stereo image กว้างขึ้นจริง แต่ทำให้เสียงตีกันนิดๆ ถ้าใครชอบลองใช้กับหูฟังน่าจะดีกว่า
สรุปว่าพอเปลี่ยนเป็น Driver ของ Audiotrak แล้ว ผมว่าเสียงดีเหมือนเดิม แต่มีลูกเล่นเพิ่มขึ้น หลายอันใช้งานได้จริง แล้วรู้สึกจะรองรับ EAX1.0/2.0 ด้วย คงพอใช้เล่นเกมส์ขำๆ ได้บ้าง (อันนี้ไม่ยืนยันครับ ผมไม่ได้เล่นเกมส์) ที่แน่ๆ ผมว่า control panel สวยขึ้นจม
=====================================
อันนี้เป็น Review แรกในชีวิตเลยครับ หากผิดพลาดประการใด หรือเขียนไม่รู้เรื่อง ก็บอกกล่าวกันได้ แล้วก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยครับ
ผมเป็นน้องใหม่ครับ จริงๆ ก็เข้ามาหาความรู้ในนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้สมัครสมาชิกสักที ผมเป็นมือสมัครเล่นที่ชอบฟังเพลงกับ Computer มานานแล้วครับ จะฟัง 2 channels เป็นหลัก เกมส์ไม่ได้เล่นเลยครับ ผมจะออกแนวบ้าเป็นพักๆ เช่นบ้าลำโพง, บ้าหูฟัง, บ้า Player ตอนนี้อยาก Upgrade Soundcard ที่ใช้ฟังเพลงอยู่ในปัจจุบัน
ด้วยการจุดประกายของหลายท่านในนี้ (ท่านไร้วรยุทธ, ท่าน mballx และท่าน battlecruiser) เลยได้ฤกษ์สั่งซื้อ sound card ตัวนี้ที่อยากได้มานานแล้ว วันนี้ของมาถึงเลยเอามา review เล็กๆ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ
ผมสั่งซื้อ Audiotrak Prodigy HD2 Advance DE (Delux Edition) จาก ebay.co.uk ตามที่ท่าน mballx แนะนำ link ไว้ให้ ซึ่งคนขายที่จริงก็เป็น Audiotrak ที่เกาหลีนี้แหละครับ ของมาถึงเร็วจนตกใจ สั่งไปบ่ายๆ วันพฤหัส บ่ายวันอาทิตย์ของมาส่งถึงบ้านเลย ค่าเสียหายโดยรวม 118$+29.99$ ค่าขนส่ง (แพงจัง แต่ขี้เกียจหาแล้ว) แต่ไม่โดนภาษีแฮะ เคยสั่งของจาก playasia.com โดนภาษีอานเลย
รูปหีบห่อครับ จริงๆ ก็เป็นกล่องของ sound card เอง แล้วห่อด้วย bubble sheet อีกที
แกะออกมาสภาพกล่องก็เรียบร้อยดี แต่เริ่มใจไม่ดีเพราะหน้ากล่องไม่ได้บอกว่าเป็น Delux Edition (กลัวเค้ามั่วเอา Standard Edition มาให้)
แกะห่อ card ออกมาดู ก็ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่าเป็น Delux Edition เลยรีบแพ่งสายตาไปที่ Opamp ก็เจอ OPA2134 จำนวน 2 ตัว + OPA2604 อีก 1 ตัว เลยโล่งใจ เพราะถ้าเป็นรุ่น SE (Standard Edition) จะเป็น NE5532 3 ตัว
อุปกรณ์ในกล่องก็ไม่มีอะไรมากครับ ที่พิเศษน่าจะเป็น Headphone Cord Extension ครับ ชอบๆ จะได้เสียบหูฟังง่ายๆ แล้วก็มีแถม sticker Audiotrak ให้ติดเล่นด้วย
ว่าแล้วก็จัดการถอด e-mu 0404 pci ตัวเก่าซึ่งประจำการมาตั้งแต่ปลายปี 2004 ออก แล้วบรรจุ Prodigy HD2 เข้าไปแทน ขอ post รูปไว้อาลัย 0404 นิดส์นึง
เอามาเปรียบเทียบมวยอีกที ระหว่างใหม่กับเก่า เล็กกว่ากันเยอะเลย
ติดตั้งเสร็จก็ต่อสายสัญญานเข้า Int. Amp ชอบตรงที่เป็นหัวต่อ RCA นี่แหละ เลยได้ใช้สาย RCA hi-so ที่แอบซื้อไว้นานแล้วต่อตรงได้เลย เดิมต้องต่อผ่าน adaptor ให้รู้สึกไม่สบายใจเล่น เสร็จแล้วก็ install driver ที่มาในกล่อง ให้มาเป็น reference driver ของ Via Envy24 หน้าตาหน่อมแน้มอย่างนี้ครับ เห็นใน web ของ Via จะมี equalizer ให้ด้วย พอมาลงกับตัวนี้ มันหายไปเลย แล้วก็ไม่เห็นมีตัวปรับของ lin-in ด้วย
มาถึงช่วงยาก คือ review เรื่องเสียง ไม่รู้จะอธิบายยังไง ผมเองก็เคยลอง sound card มาไม่มาก นานๆ เปลี่ยนที x-fi ก็ไม่เคยใช้กับเค้า เวลาเปลี่ยน sound card ทีก็เปลี่ยนเลย ไม่ได้ทำ A-B test เอาเป็นว่าเทียบกับ emu 0404 pci ก็แล้วกัน เพราะเพิ่งถอดไป เอามันง่ายๆ อย่างนี้แหละ ตอนผมเปลี่ยนจาก sb live 5.1 DE ผมว่า 0404 เสียงดีกว่าจมเลย พอเปลี่ยนจาก 0404 เป็น Prodigy HD2 ตัวนี้ ฟังเพลงแล้วรู้สึกว่าแตกต่างจาก 0404 อยู่พอสมควร ที่เด่นๆ จะเป็นช่วงแหลมที่ใสขึ้น บอกไม่ถูก มันกุ๊งกิ๊งกว่า เหมือน 0404 แหลมจะขาดไปหน่อยๆ ส่วน HD2 จะเกินมานิดส์เดียว ที่จริง 0404 แหลมก็ดีนะ เคยเทียบกับ USB DAC Carat ปรากฎว่า 0404 กินขาด สรุป HD2 แหลมดีมาก เกินมาหน่อยเดียว (อาจจะเป็นที่ System ของผมก็ได้)
ที่เด่นมากของ HD2 คือ Bass ครับ มี Punch มากกว่า 0404 อย่างชัดเจน ดีกว่าทั้งปริมาณและคุณภาพ ทำให้ฟังเพลงสนุกขึ้นมาก ส่วนช่วงเสียงกลางจะรู้สึกว่าบางเพลง HD2 จะบางไปนิด อาจเพราะไปมี bass กับ treble เพิ่มขึ้นกลางเลยหายไปหน่อย แต่เป็นแค่บางเพลงเท่านั้นครับ นอกจากนั้นจะรู้สึกว่าในเพลงที่เน้นเสียงร้องนักร้องหญิงจะหวานน้อยไปหน่อย
จุดเด่นอื่นๆ ก็เห็นจะเป็นรายละเอียดที่ดีมากๆ พอๆ กันกับ 0404 เลยครับ อีกอย่างคือแนวเสียงค่อนข้างจะเป็นกลางคือใช้ฟังกับเพลงหลายๆ แนวได้ไม่ขัดหู พอดีผมฟังเพลงหลายแนว ทั้ง Pop Jazz Rock Instrumental ไปจนถึง Classic เพลงไทยก็ชอบฟังมาก ถ้าเป็น Sound Card ที่ Favor แนวใดแนวหนึ่งเกินไปจะไม่เหมาะกับผม
สรุปคือเป็น Sound Card ที่เสียงดีมากในความเห็นของผม (สำหรับ 2 Channels นะครับ เล่นเกมส์คงไม่ไหว) ถือว่าเป็นการ Upgrade จาก emu-0404 pci พอสมควร โดยเฉพาะช่วงเสียง Bass
Review การต่อกับหูฟัง
(Part นี้มีแก้ไขจากเดิมเกือบจะเขียนใหม่หมดครับ เพราะ Review เดิมมีข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรง)
ขอแถมนิดนึง เนื่องจาก HD2 มีจุดเด่นอีกอันคือมี built-in headphone amp ผมเลยขอลองมันหน่อยโดยใช้ Grado MS-1 ก็ต่อกับ Headphone Cord Extension ที่แถมมานั้นแหละ
ผลก็คือกำลังขับเหลือเฟือครับ พอดีผมมีแต่หูฟังที่ขับง่ายๆ เพราะเน้นใช้กับ Portable มากกว่า เลยไม่ได้ลองกับหูฟังที่ขับยาก ว่าไหวหรือเปล่า แต่ไม่น่ามีปัญหา เพราะตอนที่ลองกับ MS-1 ยังเหลืออีกกว่าครึ่งกว่าจะสุด Volume นี่ขนาด Set Jumper ของ Headphone Amp บน Card เป็น Low Output นะครับ ซึ่งสามารถ set เป็น High Output ได้ซึ่งกำลังขับจะเพิ่มกว่าเท่าตัว ส่วนเสียงที่ฟังผ่านช่องหูฟังก็ใกล้เคียงกับที่ Review ข้างบน ต่างกันเล็กน้อยที่ punch ของ bass จะน้อยลงนิดนึง treble มากขึ้นอีกนิดส์ เสียงกลางเยี่ยม แต่ดูไปรู้สึกนี่จะเป็น characteristic ของ MS-1 มากกว่า เลยเอาหูฟังอีกคู่มาต่อ เสียงก็เปลี่ยนไปตาม characteristic ของหูฟังคู่ใหม่ น่าจะสรุปได้ว่า HD2 ให้เสียงที่เป็นกลางดี แต่ก็ยังฟังสนุกไม่เรียบจืดเหมือน card ที่ใช้ทำงานดนตรี ที่ต้องชมอีกอย่างหนึ่งคือเป็น card ที่ไม่มี background noise เลย ตอนต่อหูฟังคู่ที่ 2 ซึ่งเป็น in-ear ที่มี sound isolation ที่ดีมากๆ ปกติถ้าต่อ player ถึงจะเป็นยี่ห้อชั้นดี ก็จะยังได้ยินเสียง background noise อยู่นิดๆ ถ้ายังไม่เปิดเพลง แต่ของ HD2 นี่เงียบกริบเลยครับ ขนาดปรับ volume จนสุดแล้ว ยังไม่ได้ยินเลย
เพิ่มเติม - หลังจากลง Driver ของ Audiotrak แทนของ Via
อันนี้ได้ลองเปลี่ยน driver จากตัวที่เป็น reference Envy24 ของ Via มาเป็นตัวของ Audiotrak เอง ตามที่ท่าน battlecruiser ได้แนะนำไว้ข้างล่าง - ขอขอบคุณไว้ตรงนี้ด้วยครับ
ลงเสร็จได้หน้าตา control panel ที่ดูมีชาติตระกูลขึ้น
หลักๆ ก็จะเหมือนกับ Prodigy 7.1 ที่ท่าน mballx มา show ให้ดูไปแล้ว ส่วนเรื่องเสียง ผมฟังเพลงโดยใช้ asio อยู่รู้สึกว่าก็ดีเหมือนเดิม เพียงแต่จะมี driver asio ให้เลย ไม่ต้องไปลง asio4all
ที่ได้เพิ่มมาจาก driver Via จริงๆ จะเป็น Q-Sound ซึ่งมีตัวปรับเสียงให้เล่นหลายแบบ จากที่ลองแล้วผมว่า ถ้าเราถูกใจกับแนวเสียงของ System (หมายถึงพวก Amp ลำโพง รวมไปถึง Soundcard ด้วย) ที่ใช้อยู่อยู่แล้ว และ Source (เพลง) มีคุณภาพดี ก็ไม่น่าจะต้องปรับอะไร คือไม่ต้องใช้ Q-Sound ก็ได้ แต่ถ้ายังมีจุดไม่พอใจใช้พวก EQ มาชดเชยก็น่าจะช่วยได้ จากที่ลองพบว่า EQ ของ Q-Sound มีคุณภาพดีทีเดียว ถ้าปรับระวังๆ ก็จะไม่เกิดอาการเสียงแตก
แต่ที่อยากจะพูดถึงคือ QSizzle กับ QRumble ที่จะช่วยเราได้มากเวลาฟัง Source ที่ไม่ค่อยดี เช่น เพลงเก่าๆ (บันทึกเสียงเมื่อนานแล้ว) บางทีจะรู้สึกเสียงไม่ค่อยดี สู้เพลงใหม่ๆ ไม่ได้ มันแห้งๆ ไม่ค่อยฉ่ำ บางทีก็ไม่ค่อยมี bass หรือแนวเสียงรวมออกทื่อๆ บางๆ หรือบางทีก็เพลงใหม่ๆ นี่แหละ แต่บันทึกเสียงไม่มาตรฐาน ทำไงดี ก็อยากฟังนี่ครับ เพลงเพราะๆ ทั้งนั้น จะให้เลือกฟังแต่แผ่น Audiophile มันก็ไม่ไหว Q-Sound ช่วยท่านได้ครับ ถ้ามันใสไม่พอ ไม่มีกุ๊งกิ๊ง ก็กด QSizzle ทีนี้แหละ หางเสียง ซ/ส ของนักร้องกับเสียง percussion จะลอยเด่นขึ้นมาเชียว ถ้า bass บาง bass หายก็กด QRumble ก็จะมากันตูมตาม หรือถ้าอัลบัมไหนเสียงออกทื่อๆ บางๆ แห้งๆ ก็กดมันซะทั้งคู่เลย ช่วยได้ครับ ที่สำคัญมันไม่ได้ทำให้เสียงเพี้ยนหรือแต่งซะจนเวอร์ มันมาแบบพอดีๆ ผมว่ามันช่วยให้ฟังเพราะขึ้นได้จริงๆ แต่สำหรับเพลงที่มีข้อด้อยต้องชดเชยนะครับ ถ้าเพลงบันทึกเสียงมาดีแล้ว ผมว่าไม่ต้องใช้ดีกว่า ส่วนตัว QXpander ลองแล้วไม่ค่อยชอบครับ มันทำให้รู้สึกว่า stereo image กว้างขึ้นจริง แต่ทำให้เสียงตีกันนิดๆ ถ้าใครชอบลองใช้กับหูฟังน่าจะดีกว่า
สรุปว่าพอเปลี่ยนเป็น Driver ของ Audiotrak แล้ว ผมว่าเสียงดีเหมือนเดิม แต่มีลูกเล่นเพิ่มขึ้น หลายอันใช้งานได้จริง แล้วรู้สึกจะรองรับ EAX1.0/2.0 ด้วย คงพอใช้เล่นเกมส์ขำๆ ได้บ้าง (อันนี้ไม่ยืนยันครับ ผมไม่ได้เล่นเกมส์) ที่แน่ๆ ผมว่า control panel สวยขึ้นจม
=====================================
อันนี้เป็น Review แรกในชีวิตเลยครับ หากผิดพลาดประการใด หรือเขียนไม่รู้เรื่อง ก็บอกกล่าวกันได้ แล้วก็ขออภัยไว้ตรงนี้เลยครับ
Comment