รายงานข่าวจากบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล จำกัด (ดับบลิวดี-WD) ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ระบุว่า การผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว และ 3.5 นิ้ว ช่วง 3 ไตรมาสนับจากนี้ในโรงงานนิคมอุตสาหกรรมนวนครในประเทศไทย และโรงงานอีกแห่งในประเทศมาเลเซีย ว่า จะลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 40 ล้านยูนิต เหลือ 35 และ 30 ล้านยูนิตตามลำดับ
จากการลดกำลังการผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งใช้ในคอมพิวเตอร์ (พีซี) และเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเป็นหลัก แสดงให้เห็นว่า ตลาดพีซีและคอมพ์แม่ข่าย มีความต้องการมีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาเศรษฐกิจ และการใช้งานที่เปลี่ยนไป โดยโรงงานที่นวนคร คาดว่าจะลดกำลังการผลิต 11.8 ล้านยูนิต เหลือ 10.9 ล้านยูนิต และ 6.9 ล้านยูนิต ขณะที่โรงงานมาเลเซียคาดว่าจะผลิต 10.7 ล้านยูนิต เหลือ 8.3 ล้านยูนิต และ 7.7 ล้านยูนิต ภายใน 3 ไตรมาส ตามลำดับ
ส่วนโรงงานที่บางปะอิน ประเทศไทยซึ่งผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว สำหรับโน้ตบุ๊ค มีการลดกำลังการผลิตเล็กน้อย จาก 17.5 ล้านยูนิต เหลือ 15.8 ล้านยูนิต และ 15.4 ล้านยูนิต แสดงให้เห็นว่า ตลาดเครื่องโน้ตบุ๊ค ยังเป็นที่ต้องการในตลาด แม้จะมีการลดลงบ้างแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้
แหล่งข่าวภายในดับบลิวดี กล่าวว่า ดับบลิวดีจะปิดโรงงานที่ซาราวัก และรวมการผลิตไปไว้ที่โรงงานจอฮอร์บารู ในประเทศมาเลเซีย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในภาพรวม ส่วนในประเทศไทยได้ปิดโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครไป 1 โรงงาน และสับเปลี่ยนพนักงานบางส่วนไปโรงงานที่บางปะอินแทน ไม่มีการเลิกจ้างพนักงานแต่อย่างใด และมีการควบคุมการทำงานล่วงเวลาในบางส่วน พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานสมัครใจลาออกได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท
"ในซีเกท (Seagate) ไม่ได้มีการเลย์ออฟ หรือให้พนักงานสมัครใจลาออก เพราะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และอาจจะมองว่ามาตรการของดับบลิวดี เป็นการตื่นตัวเกินกว่าเหตุ แต่การมีมาตรการดังกล่าว ย่อมดีกว่าปล่อยผ่านเลยไป เพราะเมื่อถึงเวลาก็อาจจะช้าเกินไปได้ ถ้าความต้องการในตลาดลดลงจริง จะลดกำลังการผลิตในเวลานั้น ปัญหาก็อาจใหญ่เกินแก้" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวในวงการฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ กล่าวว่า ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟรายใหญ่ มุ่งกำลังการผลิตไปที่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วมากกว่า 2.5 นิ้ว ขณะที่ความต้องการในตลาดมุ่งไปที่ 2.5 นิ้วมากกว่า เพราะนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค รวมทั้งเน็ตบุ๊ค ที่เดิมไม่มีฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟติดตั้ง แต่ไม่สนองความต้องการของตลาด จึงต้องหันมาใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วไปด้วย
http://www.pookluk.com/home/?p=3163#more-3163
จากการลดกำลังการผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว ซึ่งใช้ในคอมพิวเตอร์ (พีซี) และเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเป็นหลัก แสดงให้เห็นว่า ตลาดพีซีและคอมพ์แม่ข่าย มีความต้องการมีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาเศรษฐกิจ และการใช้งานที่เปลี่ยนไป โดยโรงงานที่นวนคร คาดว่าจะลดกำลังการผลิต 11.8 ล้านยูนิต เหลือ 10.9 ล้านยูนิต และ 6.9 ล้านยูนิต ขณะที่โรงงานมาเลเซียคาดว่าจะผลิต 10.7 ล้านยูนิต เหลือ 8.3 ล้านยูนิต และ 7.7 ล้านยูนิต ภายใน 3 ไตรมาส ตามลำดับ
ส่วนโรงงานที่บางปะอิน ประเทศไทยซึ่งผลิตฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว สำหรับโน้ตบุ๊ค มีการลดกำลังการผลิตเล็กน้อย จาก 17.5 ล้านยูนิต เหลือ 15.8 ล้านยูนิต และ 15.4 ล้านยูนิต แสดงให้เห็นว่า ตลาดเครื่องโน้ตบุ๊ค ยังเป็นที่ต้องการในตลาด แม้จะมีการลดลงบ้างแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้
แหล่งข่าวภายในดับบลิวดี กล่าวว่า ดับบลิวดีจะปิดโรงงานที่ซาราวัก และรวมการผลิตไปไว้ที่โรงงานจอฮอร์บารู ในประเทศมาเลเซีย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในภาพรวม ส่วนในประเทศไทยได้ปิดโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครไป 1 โรงงาน และสับเปลี่ยนพนักงานบางส่วนไปโรงงานที่บางปะอินแทน ไม่มีการเลิกจ้างพนักงานแต่อย่างใด และมีการควบคุมการทำงานล่วงเวลาในบางส่วน พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานสมัครใจลาออกได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับบริษัท
"ในซีเกท (Seagate) ไม่ได้มีการเลย์ออฟ หรือให้พนักงานสมัครใจลาออก เพราะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และอาจจะมองว่ามาตรการของดับบลิวดี เป็นการตื่นตัวเกินกว่าเหตุ แต่การมีมาตรการดังกล่าว ย่อมดีกว่าปล่อยผ่านเลยไป เพราะเมื่อถึงเวลาก็อาจจะช้าเกินไปได้ ถ้าความต้องการในตลาดลดลงจริง จะลดกำลังการผลิตในเวลานั้น ปัญหาก็อาจใหญ่เกินแก้" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวในวงการฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ กล่าวว่า ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟรายใหญ่ มุ่งกำลังการผลิตไปที่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วมากกว่า 2.5 นิ้ว ขณะที่ความต้องการในตลาดมุ่งไปที่ 2.5 นิ้วมากกว่า เพราะนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค รวมทั้งเน็ตบุ๊ค ที่เดิมไม่มีฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟติดตั้ง แต่ไม่สนองความต้องการของตลาด จึงต้องหันมาใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5 นิ้วไปด้วย
http://www.pookluk.com/home/?p=3163#more-3163
Comment