เท่าที่ผมเล่นมานะครับ VPU Error มักเกิดจากความร้อน
ถ้าเราใช้เป็นซะอย่างจะกลัวอะไร ผมใช้ ATI มาหลายรุ่นแล้วไม่เคยมีปัญหา
ใ้ช้แล้วติดใจจนปักหลักค่ายแดงแล้วครับ เคยเอา Winfast GTX260 มาลองครั้งนึง ได้ 2 วันเอากลับไปเปลี่ยนเป็น 4870 เหมือนเดิม
ปัญหา VPU Error ส่วนใหญ่จะมาจากความร้อน
และความร้อนมันมาได้หลายทางครับ
- การระบายความร้อนในเคสไม่ดี ทำให้ความร้อนสะสมมีมาก การ์ดจอจะร้อนกว่าปกติ
- OC (Overclock) แล้วไม่เสถียร => เมื่อ Core หรือ Mem ทำงานที่ความเร็วสูงกว่าเดิมจะร้อนขึ้นและซิงค์ไม่เย็นพอ
ส่วนปัญหาอื่นๆ นอกจากความร้อนก็มีบั๊กในไดรเวอร์ของ ATI เอง แต่เวอร์ชั่นหลังๆ เป็นต้นมาผมว่ามันทำดีแล้ว ไม่เคยเจอปัญหาอะไร
โดยเฉพาะ 8.10 และ 8.11 เราสามารถปรับรอบพัดลมได้แล้ว
ทางแก้
ก่อนอื่นเลยลองโหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่น 8.10 หรือ 8.11 มาแล้วปรับรอบพัดลมเป็น 40%
แล้วรันเกมส์ต่อเนื่องสัก 1-2 ชั่วโมง - โดยที่ยังไม่ต้อง OC นะครับ - และให้เปิดฟังก์ชั่น VPU Recovery ไว้ครับ ถ้าเล่นแล้วไม่ค้าง ไม่เด้ง แสดงว่าการ์ดจอเรา ณ สภาพแวดล้อมตอนนั้น เสถียรแล้ว แต่ถ้ามันเด้งหรือค้าง ให้ลองลดความเร็ว Core ลงมาแล้วรันใหม่ (สำหรับการ์ดที่ปรับรอบพัดลมไม่ได้ ให้ลองลดความเร็ว Core)
ส่วนท่านที่ OC อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ซิงค์แล้วล่ะครับว่ามันทนได้ขนาดไหน
ยกตัวอย่าง PWC HD4870 DDR5 512MB เดิมๆ มันร้อนมาก ผมปรับรอบพัดลม เป็น 40%
สภาพแวดล้อมตอนนั้นก็ เคส Mystique 632 ระบายความร้อนดีในระดับนึง ห้องพัดลม
เกมส์ที่ลอง Crysis และ Crysis Warhead
โดย OC ใช้ Overdrive ไปที่ 790/925 (สุดขีดเลยสำหรับ Core ส่วน Mem ผมไม่เพิ่มครับ)
ปรากฎว่ารันเกมส์ได้ครับ 1-2 ชั่วโมงไม่ค้าง FPS สูงขึ้น แต่สังเกตุดูความลื่นของเกมส์มันไม่ต่อเนื่องเหมือนความเร็ว Core เดิม เพราะอุณหภูมิ Core มากขึ้ันจนไม่ค่อยเสถียร ถึงแม้จะไม่เจออาการ VPU Error
ผมจึงต้องลด Core ลงมาเท่าเดิม อุณหภูมิ idle 52 full 68 เท่านั้นเอง
สำหรับการ OC หากใช้ Overdrive เป็นตัวทำ เวลาที่เราไม่รันโปรแกรมอะไรมันก็จะใช้ความเร็วน้อยลงกินไฟน้อยลงครับ จะใช้ความเร็วที่ OC ก็ต่อเมื่อมีการโหลดมากๆ เท่านั้น
แต่ถ้า OC ด้วย Riva Tuner มันจะดันค่าความเร็ว Core/Mem ตลอดเวลา ก็จะกินไฟมากกว่าแต่โปรแกรมตัวนี้สามารถก็ OC ได้ไกลกว่าค่าสุดที่แสดงใน Overdrive ได้ด้วย เราสามารถใช้ Rive Tuner เพื่อดูความเร็วที่การ์ดเรารับได้ก่อนที่จะมาปรับที่ Overdrive หรือแฟลช Bios
หุหุ นอกเรื่องมา OC เฉยเลย กลับมาเรื่อง VPU Recovery ต่อนะครับ
สำหรับผมประสบการณ์ที่เจอ VPU Recovery ก็คือเรื่องความร้อนนี่ล่ะครับ
ทางแก้เบื้องต้นของผมคือปรับพัดลม 40% และทำให้การระบายอากาศภายในเคสเราดีๆ (ไม่จำเป็นต้องเคสแพง ติดพัดลมให้ถูกด้านและเก็บสายไม่ให้มันรกให้ลมมันถ่ายเทได้สะดวกก็พอแล้ว)
--- ฟังก์ชั่น VPU Recovery ผมว่ามันดีซะอีก ---
ถ้าเราใช้เป็นซะอย่างจะกลัวอะไร ผมใช้ ATI มาหลายรุ่นแล้วไม่เคยมีปัญหา
ใ้ช้แล้วติดใจจนปักหลักค่ายแดงแล้วครับ เคยเอา Winfast GTX260 มาลองครั้งนึง ได้ 2 วันเอากลับไปเปลี่ยนเป็น 4870 เหมือนเดิม
ปัญหา VPU Error ส่วนใหญ่จะมาจากความร้อน
และความร้อนมันมาได้หลายทางครับ
- การระบายความร้อนในเคสไม่ดี ทำให้ความร้อนสะสมมีมาก การ์ดจอจะร้อนกว่าปกติ
- OC (Overclock) แล้วไม่เสถียร => เมื่อ Core หรือ Mem ทำงานที่ความเร็วสูงกว่าเดิมจะร้อนขึ้นและซิงค์ไม่เย็นพอ
ส่วนปัญหาอื่นๆ นอกจากความร้อนก็มีบั๊กในไดรเวอร์ของ ATI เอง แต่เวอร์ชั่นหลังๆ เป็นต้นมาผมว่ามันทำดีแล้ว ไม่เคยเจอปัญหาอะไร
โดยเฉพาะ 8.10 และ 8.11 เราสามารถปรับรอบพัดลมได้แล้ว
ทางแก้
ก่อนอื่นเลยลองโหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่น 8.10 หรือ 8.11 มาแล้วปรับรอบพัดลมเป็น 40%
แล้วรันเกมส์ต่อเนื่องสัก 1-2 ชั่วโมง - โดยที่ยังไม่ต้อง OC นะครับ - และให้เปิดฟังก์ชั่น VPU Recovery ไว้ครับ ถ้าเล่นแล้วไม่ค้าง ไม่เด้ง แสดงว่าการ์ดจอเรา ณ สภาพแวดล้อมตอนนั้น เสถียรแล้ว แต่ถ้ามันเด้งหรือค้าง ให้ลองลดความเร็ว Core ลงมาแล้วรันใหม่ (สำหรับการ์ดที่ปรับรอบพัดลมไม่ได้ ให้ลองลดความเร็ว Core)
ส่วนท่านที่ OC อันนี้ก็ต้องอยู่ที่ซิงค์แล้วล่ะครับว่ามันทนได้ขนาดไหน
ยกตัวอย่าง PWC HD4870 DDR5 512MB เดิมๆ มันร้อนมาก ผมปรับรอบพัดลม เป็น 40%
สภาพแวดล้อมตอนนั้นก็ เคส Mystique 632 ระบายความร้อนดีในระดับนึง ห้องพัดลม
เกมส์ที่ลอง Crysis และ Crysis Warhead
โดย OC ใช้ Overdrive ไปที่ 790/925 (สุดขีดเลยสำหรับ Core ส่วน Mem ผมไม่เพิ่มครับ)
ปรากฎว่ารันเกมส์ได้ครับ 1-2 ชั่วโมงไม่ค้าง FPS สูงขึ้น แต่สังเกตุดูความลื่นของเกมส์มันไม่ต่อเนื่องเหมือนความเร็ว Core เดิม เพราะอุณหภูมิ Core มากขึ้ันจนไม่ค่อยเสถียร ถึงแม้จะไม่เจออาการ VPU Error
ผมจึงต้องลด Core ลงมาเท่าเดิม อุณหภูมิ idle 52 full 68 เท่านั้นเอง
สำหรับการ OC หากใช้ Overdrive เป็นตัวทำ เวลาที่เราไม่รันโปรแกรมอะไรมันก็จะใช้ความเร็วน้อยลงกินไฟน้อยลงครับ จะใช้ความเร็วที่ OC ก็ต่อเมื่อมีการโหลดมากๆ เท่านั้น
แต่ถ้า OC ด้วย Riva Tuner มันจะดันค่าความเร็ว Core/Mem ตลอดเวลา ก็จะกินไฟมากกว่าแต่โปรแกรมตัวนี้สามารถก็ OC ได้ไกลกว่าค่าสุดที่แสดงใน Overdrive ได้ด้วย เราสามารถใช้ Rive Tuner เพื่อดูความเร็วที่การ์ดเรารับได้ก่อนที่จะมาปรับที่ Overdrive หรือแฟลช Bios
หุหุ นอกเรื่องมา OC เฉยเลย กลับมาเรื่อง VPU Recovery ต่อนะครับ
สำหรับผมประสบการณ์ที่เจอ VPU Recovery ก็คือเรื่องความร้อนนี่ล่ะครับ
ทางแก้เบื้องต้นของผมคือปรับพัดลม 40% และทำให้การระบายอากาศภายในเคสเราดีๆ (ไม่จำเป็นต้องเคสแพง ติดพัดลมให้ถูกด้านและเก็บสายไม่ให้มันรกให้ลมมันถ่ายเทได้สะดวกก็พอแล้ว)
--- ฟังก์ชั่น VPU Recovery ผมว่ามันดีซะอีก ---
Comment