มีเรื่องมาเล่ากันอีกแล้วครับ
แต่คราวนี้ขอเล่าไม่จบละกันครับ พอดีหลังจากวันก่อนมีการ์ดเสียงส่งมายังบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2554 ที่ผ่านมาก็ได้มีของส่งมาที่บ้านอีกแล้ว
แต่คราวนี้ไม่บอกว่าใครส่งมา หลังจากผมได้รับของแล้วจึงมีเสียงโทรศัพท์ลึกลับ
โทรมาแจ้งว่าให้ผมทำการทดสอบและรีวิวให้ท่านอื่นๆได้ฟังกัน
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วค่อยนำส่งคืนเจ้าของเดิม
โดนของชิ้นนี้ถูกส่งมาใหม่ๆซิงๆจากทางบริษัทเลย
ซึ่งหน้าที่เบินก็ตกเป็นของผมด้วยเช่นกัน จากเหตุการที่ผ่านมาในช่วงนี้ทำให้ผมตระหนักว่า
การให้ยืมของรักของหวงกันในวงการเครื่องเสียงยังมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน จากที่เคยได้ยินในวงแคบๆ
แม้วงการเครื่องเสียงคอมจะเป็นวงการที่เล็กๆ
แต่ในเวลานี้ผมได้รับรู้แล้วว่าน้ำใจยังมีให้กันในสังคมเล็กๆแห่งนี้
มันปลิ้มปิติจริงๆครับ ต้องขอบคุณท่านผู้นั้นด้วยที่ส่งของดีๆมาให้ผมเยี่ยมชม
ทำเอาผมหลงกับลักณษะภายนอกไปเต็มๆ
มาเริ่มเข้าเรื่องกันดีกว่า ลำโพงชุดนี้ราคาอยู่ระดับไม่แพงครับ
หลายๆท่านเอื้อมถึงแน่นอน แต่ผมต้องบอกก่อนว่าลำโพงชุดนี้นั้น
ได้รับการออกแบบมาอย่างดี และมีรางวัลการันตีด้วย
รางวัลดังกล่าวได้แปะอยู่บนกล่องหรามาเลย
ประมาณว่า ของชั้นดีนะ สวยเลิศ ว่าแต่สวยแล้วจะเสียงดีไหมต้องลองฟังกันอีกที
รางวัลนี้มาพร้อมกันสติ๊กเกอร์รับประกัน 2ปีจาก Edifier
ซึ่งจากเดิมประกันแค่ปีเดียวปรับให้เป็นสองปีแล้วนะครับ
ใครยังไม่ทราบ ได้โปรดทราบด้วย เพื่อที่ท่านจะได้รักษาผลประโยชน์ของท่านเองได้เต็ม 2 ปี
ลำโพงชุดนี้ไม่ใช่ลำโพงอื่นใด นั่นก็คือ Edifier E3350
หลายๆท่านคงเคยได้ยินชื่อเจ้านี้ เจ้า 3350 ถึงแม้จะอายุอานามได้หลายปีแล้ว
แต่ก็เคยได้รับความนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง เดี๋ยวเราคอยติดตามสิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังละกันครับ
ว่าเสียงและความสวยของเจ้านี้มันน่าสนใจขนาดไหน
หรือมันน่าจะทำให้คนนิยมได้กันมากน้อยแค่ไหน
เรามาค่อยๆทำความรู้จักเจ้านี่กันดีกว่า เริ่มจากหน้ากล่องกันเลย
แปะไว้ตัวใหญ่มาก Prisma colours
Prisma แปลว่า พีระมิด
หรือลองค้นๆดูจะเจอคำว่า prismatic ซึ่งแปลว่า ?มีสีสัน?
ผลิตภัณท์นี้ผลิตจากประเทศจีนนะครับ Made in China ชัดเจนตรงไหตรงมา
Spec ข้างกล่องบนสติ๊กเกอร์ภาษาไทย
Spec เต็มๆดูทีนี่ : http://www.edifier.ca/english/speakers/e3350/e3350.htm
เหนือสติ๊กเกอร์ขึ้นไปจะพบกับ E3350 หลากสี
(ไม่รู้ว่าแปะมาครบหรือไม่ เพราะค้นในอากู๋เจอสีมากมาย)
แต่ผมว่าไม่ครบแน่ๆ เพราะบนกล่องไม่มีสีขาว
ทีนี้เราจะมาดูด้านในกันว่ามีอะไรบ้าง
เปิดกล่องออกจะเจออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งคู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน(รุ่นใหม่)
ผมเอารุ่นใหม่กับรุ่นเก่าเทียบกันให้ดู
เก่า = บน
ล่าง = ใหม่
จริงๆความต่างไม่มีอะไรมากนอกจากเบอร์ติดต่อ
เนื่องจากมีการย้ายลำนักงานจึงต้องเปลี่ยนเบอร์ ส่วนนี้เล่าแค่นี้แหละจ้า
กล่องจะแบ่งเป็น 2ส่วนส่วนบนจะใส่อุปกร์ทั้งหมดไว้
ยกเว้นตัวซับวูฟเฟอร์จึงจะอยู่ด้านล่าง
ซับวูฟเฟอร์ในถุงพร้อมหมวก
อะไรคือหมวก ถ้าดูรูปบนจะเห็นว่ามันเงาๆ
นั่นคือพลากสิกชิ้นนี้นี่เองครับ เห็นมันครอบเอาไว้ผมเลยเรียกว่าหมวกครับ อิอิ
แกะมาดูกัน มันเป็นสามเหลี่ยม แตกต่างจากซับวูฟเฟอร์ทั่วไปที่เป็นสี่เหลี่ยม
เป็นการดีไซน์ที่ค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว
เพราะส่วนใหฯจะเป็นเหลี่ยม ไม่ก็เป็นวงกลม แตกดูเหมือน 3350 จะแหวกกฎ
ใครจะดูเป็นพีระมิดตัดยอดก็ได้ไม่ว่ากัน
แถมอีกซักรูปสวิช เปิด/ปิด อยู่ด้านบนตัวซับ
เวลาเปิดหรือปิดไม่ต้องก้มตัวอ้อมไปด้านหลัง ผมว่าตรงนี้เข้าท่า
ดูบนไปแล้ว มาดูล่างกันมั่ง
สาเหตุที่ผมเรียกว่าเตารีดคือแบบนี้แหละครับ ดูแล้วมันเหมือนเตารีดไอน้ำเสียจริงๆ
จริงๆผมจะแกะด้านในให้ชมแล้ว แต่ว่ามันเกิดติดขัด ซึ่งมีน๊อตซ่อนอยู่ใต้แผ่นบางสีดำๆ
ทำให้ผมเปิดมันออกมาไม่ได้ ไม่อยากจะทำให้มันช้ำน่ะครับ
ข้อเสียหลักๆเลยคือช่องเสียบต่างๆอยู่ด้านล่าง
รูปนี้แสดงให้เห็นถึงที่ปรับเพิ่มลดเสียงต่ำ
และช่องต่อตัวปรับระดับเสียงดัง/เบา
นอกจากมันอยู่ต่ำโดยที่มีขอบบังแล้ว มันยังชิดกันซะเหลือเกิน ดังนั้นแจ๊คใหญ่ๆหมดสิทธิครับ
แต่ข้อดีมันก็มี เพราะมันเก็บซ่อนสายได้สวยครับ แต่การใช้งานจะยุ่งยากนิดหน่อย
นึกกันออกไหมว่ารูปอะไร ลองดูรูปบนก็ได้ครับมันจะเห็นดอกซับอยู่แว็บๆ
ผมเลยถ่ายมาให้ดูกันชัดๆเล่นๆอีกรูป ตัวนี้เป็นซับยิงพื้น ยิงลงพื้นแต่ผิดคาด
เดี๋ยวเล่าให้ฟังในเรื่องของเสียงละกันครับ
ฝากล่องด้านนึงแสดงถึงวิธีเชื่อมต่อการใช้งานอย่างถูกวิธี
ขอหมดภาคแรกไว้ก่อน เขียนไม่ทันแล้วครับ
เดี๋ยวต้องออกจากบ้านไปหาของเล่นใหม่ ไม่รู้จะหาได้รึเปล่า
เดี๋ยววันนี้กลับมาเขียนต่อให้เน้อ ^^
แต่คราวนี้ขอเล่าไม่จบละกันครับ พอดีหลังจากวันก่อนมีการ์ดเสียงส่งมายังบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว
เมื่อวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2554 ที่ผ่านมาก็ได้มีของส่งมาที่บ้านอีกแล้ว
แต่คราวนี้ไม่บอกว่าใครส่งมา หลังจากผมได้รับของแล้วจึงมีเสียงโทรศัพท์ลึกลับ
โทรมาแจ้งว่าให้ผมทำการทดสอบและรีวิวให้ท่านอื่นๆได้ฟังกัน
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วค่อยนำส่งคืนเจ้าของเดิม
โดนของชิ้นนี้ถูกส่งมาใหม่ๆซิงๆจากทางบริษัทเลย
ซึ่งหน้าที่เบินก็ตกเป็นของผมด้วยเช่นกัน จากเหตุการที่ผ่านมาในช่วงนี้ทำให้ผมตระหนักว่า
การให้ยืมของรักของหวงกันในวงการเครื่องเสียงยังมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน จากที่เคยได้ยินในวงแคบๆ
แม้วงการเครื่องเสียงคอมจะเป็นวงการที่เล็กๆ
แต่ในเวลานี้ผมได้รับรู้แล้วว่าน้ำใจยังมีให้กันในสังคมเล็กๆแห่งนี้
มันปลิ้มปิติจริงๆครับ ต้องขอบคุณท่านผู้นั้นด้วยที่ส่งของดีๆมาให้ผมเยี่ยมชม
ทำเอาผมหลงกับลักณษะภายนอกไปเต็มๆ
มาเริ่มเข้าเรื่องกันดีกว่า ลำโพงชุดนี้ราคาอยู่ระดับไม่แพงครับ
หลายๆท่านเอื้อมถึงแน่นอน แต่ผมต้องบอกก่อนว่าลำโพงชุดนี้นั้น
ได้รับการออกแบบมาอย่างดี และมีรางวัลการันตีด้วย
รางวัลดังกล่าวได้แปะอยู่บนกล่องหรามาเลย
ประมาณว่า ของชั้นดีนะ สวยเลิศ ว่าแต่สวยแล้วจะเสียงดีไหมต้องลองฟังกันอีกที
รางวัลนี้มาพร้อมกันสติ๊กเกอร์รับประกัน 2ปีจาก Edifier
ซึ่งจากเดิมประกันแค่ปีเดียวปรับให้เป็นสองปีแล้วนะครับ
ใครยังไม่ทราบ ได้โปรดทราบด้วย เพื่อที่ท่านจะได้รักษาผลประโยชน์ของท่านเองได้เต็ม 2 ปี
ลำโพงชุดนี้ไม่ใช่ลำโพงอื่นใด นั่นก็คือ Edifier E3350
หลายๆท่านคงเคยได้ยินชื่อเจ้านี้ เจ้า 3350 ถึงแม้จะอายุอานามได้หลายปีแล้ว
แต่ก็เคยได้รับความนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง เดี๋ยวเราคอยติดตามสิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังละกันครับ
ว่าเสียงและความสวยของเจ้านี้มันน่าสนใจขนาดไหน
หรือมันน่าจะทำให้คนนิยมได้กันมากน้อยแค่ไหน
เรามาค่อยๆทำความรู้จักเจ้านี่กันดีกว่า เริ่มจากหน้ากล่องกันเลย
แปะไว้ตัวใหญ่มาก Prisma colours
Prisma แปลว่า พีระมิด
หรือลองค้นๆดูจะเจอคำว่า prismatic ซึ่งแปลว่า ?มีสีสัน?
ผลิตภัณท์นี้ผลิตจากประเทศจีนนะครับ Made in China ชัดเจนตรงไหตรงมา
Spec ข้างกล่องบนสติ๊กเกอร์ภาษาไทย
Spec เต็มๆดูทีนี่ : http://www.edifier.ca/english/speakers/e3350/e3350.htm
เหนือสติ๊กเกอร์ขึ้นไปจะพบกับ E3350 หลากสี
(ไม่รู้ว่าแปะมาครบหรือไม่ เพราะค้นในอากู๋เจอสีมากมาย)
แต่ผมว่าไม่ครบแน่ๆ เพราะบนกล่องไม่มีสีขาว
ทีนี้เราจะมาดูด้านในกันว่ามีอะไรบ้าง
เปิดกล่องออกจะเจออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งคู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน(รุ่นใหม่)
ผมเอารุ่นใหม่กับรุ่นเก่าเทียบกันให้ดู
เก่า = บน
ล่าง = ใหม่
จริงๆความต่างไม่มีอะไรมากนอกจากเบอร์ติดต่อ
เนื่องจากมีการย้ายลำนักงานจึงต้องเปลี่ยนเบอร์ ส่วนนี้เล่าแค่นี้แหละจ้า
กล่องจะแบ่งเป็น 2ส่วนส่วนบนจะใส่อุปกร์ทั้งหมดไว้
ยกเว้นตัวซับวูฟเฟอร์จึงจะอยู่ด้านล่าง
ซับวูฟเฟอร์ในถุงพร้อมหมวก
อะไรคือหมวก ถ้าดูรูปบนจะเห็นว่ามันเงาๆ
นั่นคือพลากสิกชิ้นนี้นี่เองครับ เห็นมันครอบเอาไว้ผมเลยเรียกว่าหมวกครับ อิอิ
แกะมาดูกัน มันเป็นสามเหลี่ยม แตกต่างจากซับวูฟเฟอร์ทั่วไปที่เป็นสี่เหลี่ยม
เป็นการดีไซน์ที่ค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว
เพราะส่วนใหฯจะเป็นเหลี่ยม ไม่ก็เป็นวงกลม แตกดูเหมือน 3350 จะแหวกกฎ
ใครจะดูเป็นพีระมิดตัดยอดก็ได้ไม่ว่ากัน
แถมอีกซักรูปสวิช เปิด/ปิด อยู่ด้านบนตัวซับ
เวลาเปิดหรือปิดไม่ต้องก้มตัวอ้อมไปด้านหลัง ผมว่าตรงนี้เข้าท่า
ดูบนไปแล้ว มาดูล่างกันมั่ง
สาเหตุที่ผมเรียกว่าเตารีดคือแบบนี้แหละครับ ดูแล้วมันเหมือนเตารีดไอน้ำเสียจริงๆ
จริงๆผมจะแกะด้านในให้ชมแล้ว แต่ว่ามันเกิดติดขัด ซึ่งมีน๊อตซ่อนอยู่ใต้แผ่นบางสีดำๆ
ทำให้ผมเปิดมันออกมาไม่ได้ ไม่อยากจะทำให้มันช้ำน่ะครับ
ข้อเสียหลักๆเลยคือช่องเสียบต่างๆอยู่ด้านล่าง
รูปนี้แสดงให้เห็นถึงที่ปรับเพิ่มลดเสียงต่ำ
และช่องต่อตัวปรับระดับเสียงดัง/เบา
นอกจากมันอยู่ต่ำโดยที่มีขอบบังแล้ว มันยังชิดกันซะเหลือเกิน ดังนั้นแจ๊คใหญ่ๆหมดสิทธิครับ
แต่ข้อดีมันก็มี เพราะมันเก็บซ่อนสายได้สวยครับ แต่การใช้งานจะยุ่งยากนิดหน่อย
นึกกันออกไหมว่ารูปอะไร ลองดูรูปบนก็ได้ครับมันจะเห็นดอกซับอยู่แว็บๆ
ผมเลยถ่ายมาให้ดูกันชัดๆเล่นๆอีกรูป ตัวนี้เป็นซับยิงพื้น ยิงลงพื้นแต่ผิดคาด
เดี๋ยวเล่าให้ฟังในเรื่องของเสียงละกันครับ
ฝากล่องด้านนึงแสดงถึงวิธีเชื่อมต่อการใช้งานอย่างถูกวิธี
ขอหมดภาคแรกไว้ก่อน เขียนไม่ทันแล้วครับ
เดี๋ยวต้องออกจากบ้านไปหาของเล่นใหม่ ไม่รู้จะหาได้รึเปล่า
เดี๋ยววันนี้กลับมาเขียนต่อให้เน้อ ^^
Comment