Tweet
วันนี้ว่างๆก็เลยไปเดินเล่นที่มาบุญครอง แต่ก่อนไปผมก็ได้โทรไปติดต่อพี่ฉัตรเอาไว้
ผมได้นัดกับพี่ฉัตรว่าจะขอเข้าไปลองฟัง Focal XS ที่ร้าน Hienaudio
ซึ่งพิกัดอยู่ที่มาบุญครองชั้น 5
ต้องขอบอกว่าที่ร้านบริการเป็นกันเองดีมากครับ ไปเยี่ยมฟังวันนี้อบอุ่นดีจริงๆครับ
และยังได้พูดคุยขอความรู้เรื่องเครื่องเสียงเพิ่มมาเล็กๆน้อยๆอีกด้วยครับ
แต่วันนี้ผมเก็บภาพมาได้น้อยนิดครับ เนื่องจากเวลาน้อย
เลยรีบเร่งไปนิดหน่อยหวังว่าเพื่อนๆพี่ๆคงไม่ว่าอะไรกันนะครับ
ถ้าท่านใดพอมีเวลาว่าง อยากให้ลองแวะไปที่ร้านดูครับ
แค่ไปเห็นลำโพงสวยๆหลายๆตัวก็ยิ้มแล้ว
แต่วันนี้ได้ลองฟังแค่ตัวเดียว คือเจ้า Focal XS
น่าเสียดายที่ตัวนี้ยังไม่ได้เบินแม้แต่นิดเดียว
เรียกว่าแกะกล่องมาผมก็ได้ลองคนแรกครับ
สาเหตุเนื่องจากว่า ตัวที่พ้นเบินแล้วมีลูกค้าท่านหนึ่งซื้อไปเมื่อวันที่ 24/05/54
ผมลองนึกๆดู สองวันที่แล้วนิ แอบน่าเสียดายนิดๆ
แต่ไม่เป็นไรครับ ไหนๆ อย่าง M2 ฟังตอนยังไม่เบิน
XS เราก็ฟังแบบยังไม่เบินได้เช่นกัน
แต่ก่อนจะมาฟังเสียงกัน ลองไปดูรูปร่างหน้าตากันซักนิดครับ
ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า นี่คือบรรยากาศจริงเลยนะครับ
ผมนั่งฟังในสภาพแวดล้อมและการจัดวางแบบนี้เลยครับ
แค่ว่า***งมากกันมากกว่านี้แค่นิดเดียว
ถ้าให้กะระยะก็น่าจะประมาณ หนึ่งเมตร ประมาณนั้นครับ
Logo Focal ซึ่งอยู่ล่างท่อเบส
ตู้ซับเป็นตู้ซับยิงพื้นนะครับ ดังนั้นเน้นว่าต้องวางที่พื้นเท่านั้น
แต่พอดีทางร้าน ไม่มีที่ทางเลยต้องวางในระดับเดียวกับลำโพงลูกทั้งสอง
รวมทั้งลำโพงลูกๆทั้งสองนี้ ยังเชิดหน้าขึ้นอีก ตอนผมนั่งฟัง
ลำโพงมันยิงสูงเลยขึ้นหัวไปอีกครับ เรียกว่าสภาพการฟังไม่เหมือนจริงเลยซักนิด
แถมยังแย่กว่าการใช้งานจริงด้วยซะอีก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงครับ
ผมฟังแล้วอดยิ้มไม่ได้ รู้สึกดีใจมากๆที่ได้ลองฟังเข้า XS ตัวนี้
มันมีดีอย่างที่หลายๆคนพูดไว้จริงๆครับ
ฐานของลำโพงขวา จะมีเซ็นเซอร์สำหรับรับสัญญาณจากรีโมท
และมีปุ่มเปิด/ปิดอยู่ระหว่าง ปุ่มเพิ่มและลดระดับเสียง
ส่วนด้านหลังจะเป็นแท่นวาง iPod/iPhone ครับ
โดยในชุดจะมีแท่น dock มาให้เปลี่ยนจะได้พอดีกับ iPod/iPhone ครับ
ตัวรีโมทสามารถแปะกับเสาของลำโพงทั้งสองข้างได้เลย จะแปะข้างไหนก็ได้ครับ
เพราะว่าใช้แม่เหล็กครับ ผมว่าดูเข้าท่าดีครับ
แถมตัวรีโมทยังมีลูกเล่นสามารถบังคับ iPod/iPhone ได้อีกด้วยครับ
ถ้ามี notebook ไปซักเครื่องก็คงจะได้รู้ว่าเจ้าลูกเล่นของรีโมท นั้นจะสามารถใช้กับ
software บนคอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ ถ้าใช้ได้จะเพิ่มความคุ้มค่าขึ้นไปอีกระดับหนึ่งทีเดียวครับ
ด้านหลังเจ้าลำโพงตัวขวา จะเห็นช่องเสียบ USB ซึ่งเจ้า XS มี DAC ในตัวเลยนะครับ
เสียบ USB แล้วใช้งานได้เลย ไม่เปลืองค่าการ์ดเสียงด้วย
ส่วนอีกรูปจะเป็น Input แบบ 3.5mm และปุ่มเลือกการทำงานในโหมด Sync / Audio
ซึ่งจากการลองเสียบแท่น Dock นี้มันสามารถชาร์จเจ้า iPhone4 ได้เลยครับ สบายดีแท้
คนใช้ iPhone อย่างผม ยิ้มเลยครับ
ลำโพงซ้ายครับ แต่รูปผมถ่ายมาเน้นที่สายลำโพงครับ
มีขนาดใหญ่โตพร้อมทั้งยังหุ้มหนังงูมาให้ด้วย ดูสวยงามและมีมูลค่ายิ่งขึ้นครับ
ด้านหลังเป็นสายไฟแบบสามขา และสามารถเปลี่ยนสายไฟได้อีก
ดังนั้นใครชอบอัพเกรดก็ยังเล่นสายไฟได้อีกด้วยครับ
และลองดูดีดี จะพบว่ามี VOLTAGE SELECTOR ด้วยครับ
ก้อนเสียบสายไฟก็ควรดูให้ละเอียดกันด้วยนะครับ
เดี๋ยวของดีๆจะเสียก่อนได้ฟังครับ ^_^
ด้านหลังตู้ซับนะครับ ซึ่งตอนผมเทสผมจะปรับ Bass ไปที่เที่ยงตรงนะครับ
ส่วนอีกภาพก็ตามรูปเลยครับ เสียบสายจาก Dock หรือลำโพงขวา
และริมสุดก็เสียบสายจากลำโพงซ้ายครับผม สายจาก Dock นี่มีขนาดประมาณนิ้วชี้ทีเดียวเลยครับ ส่วนด้านในเป็นยังไง ผมคงไม่สามารถผ่าออกมาให้ดูได้ครับ อิอิ
รูปก็มีเพียงเท่านี้ครับ แต่ก่อนผมจะเล่าเรื่องเสียงให้ฟัง ผมขอบอกสภาพแวดล้อมอีกนะครับ
บริเวณที่ผมฟังจะอยู่ใกล้ริมกระจกครับ ดังนั้นจะมีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาบ้างครับ
และตัวลำโพงเองก็ไม่ได้มีการจัดวางอย่างถูกต้องครับ วางไม่ดีอย่างไรบ้างลองดูกันเป็นข้อๆเลยครับ
1.ซับไม่ได้วางที่พื้น
2.ลำโพงลูกทั้งสองตัว วางชิดกันเกินไป
3.วางลำโพงสูงเกินไป ดังนั้นระดับเสียงที่ได้จะไม่ได้ยิงเข้าหู แต่ยิงเลยสูงเหนือหัวขึ้นไป
สามข้อใหญ่ๆครับ แต่วางไม่ดีใช่ว่าเสียงจะแย่ครับ นอกจากนี้ผมยังใช้ iPhone เป็น Player ครับ
ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์แล้วเล่นผ่านทาง USB ครับ ส่วนเรื่องเสียงเจ้านี่เป็นยังไงเรามาลองฟังกันดูครับ
----------------------------------------
เพลงแรกเปิดมาปุ๊บ โอ้โห ทำไมเสียงมันใหญ่โตแบบนี้
สิ่งที่ได้รับที่ชัดเจนอย่างแรกคือ รูปร่างของเมโลดีครับ
เนื้อเสียงกำลังดีอาจจะมีติดแห้งนิดๆมาจาก iPhone4 ซึ่งเจ้านี่เสียงแห้งมากครับ
แต่มันขึ้นรูปมากครับ เรียกว่าเสียง solo trumpet นี่เหมือนคนมายืนเป่าตรงหน้ามากๆครับ
หรือถ้าเป็นเพลงร้องก็มีนักร้องมาร้องให้ฟังกันเลยล่ะครับ ทำเอาผมตกอกตกใจมาก
ไม่คิดว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ สิ่งต่อไปที่โดดเด่นอีก็คือแรงประทะครับ ทำได้ดีมาก
แรงประทะที่ดีย่อมหมายถึงทำให้บรรยากาศการฟังดีด้วย
เสียง trumpet เหมือนมีเสียงลมพุ่งออกมาจากปากของ trumpet เลยทีเดียวครับ
นอกจากเมโลดีจะทำได้ดีแล้ว เครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆก็ยังทำได้ดีด้วย
แต่ที่ฟังแล้วยังขัดๆก็คือตำแหน่งชิ้นดนตรี
คือเครื่องดนตรีแต่ละชนิดนั้นมีการวางตำแหน่งที่นิ่งและเป็นชิ้นเป็นอันมากครับ
แต่มันดูเบียดเสียดกันมากไป ซึ่งไม่ต้องเดาเลยครับ ผลมาจากการวางที่ชิดกันมากเกินไป
อย่างน้อยๆก็ต้อง 1.5เมตรละครับงานนี้
และมียังมีจุดบอดก็คือเสียงจากซับและเสียงจากลำโพงลูกทั้งสองยังไม่กลมกลืมกันเท่าไหร่
ซึ่งผมคุยกับทางพี่ที่ร้าน ซึ่งคำแนะนำของพี่เค้าก็ตรงกับความคิดของผม
นั่นก็คือซับมันไม่ได้วางที่พื้นครับ ซึ่งเสียงเบสหรือเสียงต่ำของเจ้านี้ไม่ได้เน้นที่ปริมาณครับ
แต่เน้นที่คุณภาพ เน้นที่ความกลม ความเป็นรูปเป็นร่าง
เบสมีอย่างเพียงพอ แต่ต้องปรับเยอะซักหน่อยครับ
ลองเปิด Jazz ฟัง (ดันลืมเอา Classic ไป แทบร้องไห้ T^T)
ยอดเยี่ยมมากครับ บรรยากาศก็ทำได้ดี
เสียงผู้คนปรบมือเสมือนเรานั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมในงานแสดงสดทีเดียวครับ
นอกจากนี้พื้นหลังของเจ้า XS นี่ไม่ใช่แค่เงียบสงัด แต่ต้องบอกว่ามีความมืดและมีความลึกด้วย
เพราะไม่ใช่แค่สงัด แต่มันมีความมืดมิด ราวกับว่าจะดึงผมเข้าไปให้อยู่ในพวังอะไรซักอย่าง
เหมือนสะกดให้เรารอเสียงแรกของบรเพลง
ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า First note ซึ่งเจ้านี่มีความสำคัญอย่างยิ่งครับ
เสียงแรกของบทเพลงที่ดี จะสร้างอารมณ์ที่สุนทรีย์ในการฟังเป็นอย่างมาก
ซึ่งผมต้องบอกว่า ยังไม่เคยประทับใจจากเสียงแรกของลำโพงมัลติมิเดียตัวไหนเลย
แต่มันทำได้ในเจ้า XS ครับ ผมว่าเจ้า XS เนี่ยเก่งในเรื่องสร้างบรรยากาศที่ดีในการฟังเพลงครับ
เพราะแม้แต่การเล่ระดับเสียงจากดังไปเบา
หรือจากหนักมากอ่อน ยังทำได้ดีและละมุนละไมเลยละครับ
การถ่ายทอดน้ำหนักเสียงจากโน๊ตตัวหนึ่งไปยังโน๊ตอีกตัวหนึ่ง ทำได้ดีไม่มีซ้อนกัน
แต่ปลายเสียงแหลมยังรู้สึกว่าขาดการเก็บหางเสียงที่ดี อาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้เบินก็เป็นได้ครับ
คือหางเสียงทอดตัวยาว ไม่คมไม่บาดหู
แต่จังหวะก่อนสุดท้ายที่จะเงียบหายไปมันไล่ระดับความเบาช้าไปนิดหน่อย
แต่มันก็ฟังแล้วดูมีความโปร่งโล่งขึ้นไปอีกแบบ
แต่หลังเบินแล้วอาจจะดีขึ้นก็ได้ในจุดนี้ เน้นย้ำว่าอาจจะนะครับ
เพราะว่าผมยังไม่เคยฟังตอนพ้นเบิน
เสียงกลองเสียงเครื่องเคาะอาจจะดูแข็งๆไปนิด แต่ทีเด็ดมันอยู่ที่ความเสมือนจริง
และความเป็นตัวเป็นตน มือกลองตีแฉไล่ใบ รับรู้ได้เลยว่าตีส่วนไหนของใบฉาบและตีไล่ฉาบเป็นใบๆ
มันชัดเจนมากๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ซับไม่ได้วางที่พื้นครับ เวทีด้านลึกเลยฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่
แต่แค่นี้มันก็มีด้านลึกแล้ว แม้จะไม่ได้ชัดเจนก็แต่ก็ไม่น่าจะสอบตกได้ง่ายๆในเรื่องแค่นี้
เพราะแค่ความเป็นตัวเป็นตนยังทำได้ดี
แล้วกับแค่เรื่องเวทีเสียงในแนวลึกคงเป็นเรื่องยากที่จะสอบตกครับ
ผมว่าเจ้า XS นี่ถึงค่าตัวจะดูสูงพอสมควร แต่หากได้ลองฟังแล้ว
คุณก็จะอดบอกกับตัวเองไม่ได้เลยว่ามันคุ้มค่าที่จะจ่ายในราคานี้ครับ
ผมว่าข้อเสียของเจ้า XS หลักๆคงเป็นที่ Input ที่มันมีน้อย เพราะมันเป็น 3.5mm
ทำให้ข้อจำกัดมันถูกบีบมากขึ้น แต่มันก็มีข้อชดเชยคือมันสามารถใช้งานกับ iPod/iPhone ได้
ถือว่าชดเชยกันไป และคงถูกใจสาวกของ Apple
ที่ต้องการเสียงหน้าคอมพิวเตอร์ในระดับ Audiophile
สุดท้ายก่อนลากันไปผมขอสรุปนิดว่า
เจ้า XS นั้นคุ้มราคาครับ ไหนๆก็ไปขอเขาลองฟังและขอรีวิวฟรีๆแล้ว โฆษณาไปให้เขาเลยละกัน
สำหรับท่านใดที่สนใจเจ้า Focal XS ก็ติดต่อได้เลยครับที่ http://www.hienaudio.com/
วันนี้ก็มีเพียงเท่านี้และจ้า ท่านใดมีข้อเสนอแนะหรือข้อติชมใดๆ บอกกล่าวกันได้เลยครับผม
ส่วนรีวิวคราวหน้าจะมีอะไรมาเล่าให้ฟัง ก็ต้องคอยชมกันต่อไปครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
ผมได้นัดกับพี่ฉัตรว่าจะขอเข้าไปลองฟัง Focal XS ที่ร้าน Hienaudio
ซึ่งพิกัดอยู่ที่มาบุญครองชั้น 5
ต้องขอบอกว่าที่ร้านบริการเป็นกันเองดีมากครับ ไปเยี่ยมฟังวันนี้อบอุ่นดีจริงๆครับ
และยังได้พูดคุยขอความรู้เรื่องเครื่องเสียงเพิ่มมาเล็กๆน้อยๆอีกด้วยครับ
แต่วันนี้ผมเก็บภาพมาได้น้อยนิดครับ เนื่องจากเวลาน้อย
เลยรีบเร่งไปนิดหน่อยหวังว่าเพื่อนๆพี่ๆคงไม่ว่าอะไรกันนะครับ
ถ้าท่านใดพอมีเวลาว่าง อยากให้ลองแวะไปที่ร้านดูครับ
แค่ไปเห็นลำโพงสวยๆหลายๆตัวก็ยิ้มแล้ว
แต่วันนี้ได้ลองฟังแค่ตัวเดียว คือเจ้า Focal XS
น่าเสียดายที่ตัวนี้ยังไม่ได้เบินแม้แต่นิดเดียว
เรียกว่าแกะกล่องมาผมก็ได้ลองคนแรกครับ
สาเหตุเนื่องจากว่า ตัวที่พ้นเบินแล้วมีลูกค้าท่านหนึ่งซื้อไปเมื่อวันที่ 24/05/54
ผมลองนึกๆดู สองวันที่แล้วนิ แอบน่าเสียดายนิดๆ
แต่ไม่เป็นไรครับ ไหนๆ อย่าง M2 ฟังตอนยังไม่เบิน
XS เราก็ฟังแบบยังไม่เบินได้เช่นกัน
แต่ก่อนจะมาฟังเสียงกัน ลองไปดูรูปร่างหน้าตากันซักนิดครับ
ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า นี่คือบรรยากาศจริงเลยนะครับ
ผมนั่งฟังในสภาพแวดล้อมและการจัดวางแบบนี้เลยครับ
แค่ว่า***งมากกันมากกว่านี้แค่นิดเดียว
ถ้าให้กะระยะก็น่าจะประมาณ หนึ่งเมตร ประมาณนั้นครับ
Logo Focal ซึ่งอยู่ล่างท่อเบส
ตู้ซับเป็นตู้ซับยิงพื้นนะครับ ดังนั้นเน้นว่าต้องวางที่พื้นเท่านั้น
แต่พอดีทางร้าน ไม่มีที่ทางเลยต้องวางในระดับเดียวกับลำโพงลูกทั้งสอง
รวมทั้งลำโพงลูกๆทั้งสองนี้ ยังเชิดหน้าขึ้นอีก ตอนผมนั่งฟัง
ลำโพงมันยิงสูงเลยขึ้นหัวไปอีกครับ เรียกว่าสภาพการฟังไม่เหมือนจริงเลยซักนิด
แถมยังแย่กว่าการใช้งานจริงด้วยซะอีก แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียงครับ
ผมฟังแล้วอดยิ้มไม่ได้ รู้สึกดีใจมากๆที่ได้ลองฟังเข้า XS ตัวนี้
มันมีดีอย่างที่หลายๆคนพูดไว้จริงๆครับ
ฐานของลำโพงขวา จะมีเซ็นเซอร์สำหรับรับสัญญาณจากรีโมท
และมีปุ่มเปิด/ปิดอยู่ระหว่าง ปุ่มเพิ่มและลดระดับเสียง
ส่วนด้านหลังจะเป็นแท่นวาง iPod/iPhone ครับ
โดยในชุดจะมีแท่น dock มาให้เปลี่ยนจะได้พอดีกับ iPod/iPhone ครับ
ตัวรีโมทสามารถแปะกับเสาของลำโพงทั้งสองข้างได้เลย จะแปะข้างไหนก็ได้ครับ
เพราะว่าใช้แม่เหล็กครับ ผมว่าดูเข้าท่าดีครับ
แถมตัวรีโมทยังมีลูกเล่นสามารถบังคับ iPod/iPhone ได้อีกด้วยครับ
ถ้ามี notebook ไปซักเครื่องก็คงจะได้รู้ว่าเจ้าลูกเล่นของรีโมท นั้นจะสามารถใช้กับ
software บนคอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ ถ้าใช้ได้จะเพิ่มความคุ้มค่าขึ้นไปอีกระดับหนึ่งทีเดียวครับ
ด้านหลังเจ้าลำโพงตัวขวา จะเห็นช่องเสียบ USB ซึ่งเจ้า XS มี DAC ในตัวเลยนะครับ
เสียบ USB แล้วใช้งานได้เลย ไม่เปลืองค่าการ์ดเสียงด้วย
ส่วนอีกรูปจะเป็น Input แบบ 3.5mm และปุ่มเลือกการทำงานในโหมด Sync / Audio
ซึ่งจากการลองเสียบแท่น Dock นี้มันสามารถชาร์จเจ้า iPhone4 ได้เลยครับ สบายดีแท้
คนใช้ iPhone อย่างผม ยิ้มเลยครับ
ลำโพงซ้ายครับ แต่รูปผมถ่ายมาเน้นที่สายลำโพงครับ
มีขนาดใหญ่โตพร้อมทั้งยังหุ้มหนังงูมาให้ด้วย ดูสวยงามและมีมูลค่ายิ่งขึ้นครับ
ด้านหลังเป็นสายไฟแบบสามขา และสามารถเปลี่ยนสายไฟได้อีก
ดังนั้นใครชอบอัพเกรดก็ยังเล่นสายไฟได้อีกด้วยครับ
และลองดูดีดี จะพบว่ามี VOLTAGE SELECTOR ด้วยครับ
ก้อนเสียบสายไฟก็ควรดูให้ละเอียดกันด้วยนะครับ
เดี๋ยวของดีๆจะเสียก่อนได้ฟังครับ ^_^
ด้านหลังตู้ซับนะครับ ซึ่งตอนผมเทสผมจะปรับ Bass ไปที่เที่ยงตรงนะครับ
ส่วนอีกภาพก็ตามรูปเลยครับ เสียบสายจาก Dock หรือลำโพงขวา
และริมสุดก็เสียบสายจากลำโพงซ้ายครับผม สายจาก Dock นี่มีขนาดประมาณนิ้วชี้ทีเดียวเลยครับ ส่วนด้านในเป็นยังไง ผมคงไม่สามารถผ่าออกมาให้ดูได้ครับ อิอิ
รูปก็มีเพียงเท่านี้ครับ แต่ก่อนผมจะเล่าเรื่องเสียงให้ฟัง ผมขอบอกสภาพแวดล้อมอีกนะครับ
บริเวณที่ผมฟังจะอยู่ใกล้ริมกระจกครับ ดังนั้นจะมีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาบ้างครับ
และตัวลำโพงเองก็ไม่ได้มีการจัดวางอย่างถูกต้องครับ วางไม่ดีอย่างไรบ้างลองดูกันเป็นข้อๆเลยครับ
1.ซับไม่ได้วางที่พื้น
2.ลำโพงลูกทั้งสองตัว วางชิดกันเกินไป
3.วางลำโพงสูงเกินไป ดังนั้นระดับเสียงที่ได้จะไม่ได้ยิงเข้าหู แต่ยิงเลยสูงเหนือหัวขึ้นไป
สามข้อใหญ่ๆครับ แต่วางไม่ดีใช่ว่าเสียงจะแย่ครับ นอกจากนี้ผมยังใช้ iPhone เป็น Player ครับ
ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์แล้วเล่นผ่านทาง USB ครับ ส่วนเรื่องเสียงเจ้านี่เป็นยังไงเรามาลองฟังกันดูครับ
----------------------------------------
เพลงแรกเปิดมาปุ๊บ โอ้โห ทำไมเสียงมันใหญ่โตแบบนี้
สิ่งที่ได้รับที่ชัดเจนอย่างแรกคือ รูปร่างของเมโลดีครับ
เนื้อเสียงกำลังดีอาจจะมีติดแห้งนิดๆมาจาก iPhone4 ซึ่งเจ้านี่เสียงแห้งมากครับ
แต่มันขึ้นรูปมากครับ เรียกว่าเสียง solo trumpet นี่เหมือนคนมายืนเป่าตรงหน้ามากๆครับ
หรือถ้าเป็นเพลงร้องก็มีนักร้องมาร้องให้ฟังกันเลยล่ะครับ ทำเอาผมตกอกตกใจมาก
ไม่คิดว่าจะทำได้ถึงขนาดนี้ สิ่งต่อไปที่โดดเด่นอีก็คือแรงประทะครับ ทำได้ดีมาก
แรงประทะที่ดีย่อมหมายถึงทำให้บรรยากาศการฟังดีด้วย
เสียง trumpet เหมือนมีเสียงลมพุ่งออกมาจากปากของ trumpet เลยทีเดียวครับ
นอกจากเมโลดีจะทำได้ดีแล้ว เครื่องดนตรีชิ้นอื่นๆก็ยังทำได้ดีด้วย
แต่ที่ฟังแล้วยังขัดๆก็คือตำแหน่งชิ้นดนตรี
คือเครื่องดนตรีแต่ละชนิดนั้นมีการวางตำแหน่งที่นิ่งและเป็นชิ้นเป็นอันมากครับ
แต่มันดูเบียดเสียดกันมากไป ซึ่งไม่ต้องเดาเลยครับ ผลมาจากการวางที่ชิดกันมากเกินไป
อย่างน้อยๆก็ต้อง 1.5เมตรละครับงานนี้
และมียังมีจุดบอดก็คือเสียงจากซับและเสียงจากลำโพงลูกทั้งสองยังไม่กลมกลืมกันเท่าไหร่
ซึ่งผมคุยกับทางพี่ที่ร้าน ซึ่งคำแนะนำของพี่เค้าก็ตรงกับความคิดของผม
นั่นก็คือซับมันไม่ได้วางที่พื้นครับ ซึ่งเสียงเบสหรือเสียงต่ำของเจ้านี้ไม่ได้เน้นที่ปริมาณครับ
แต่เน้นที่คุณภาพ เน้นที่ความกลม ความเป็นรูปเป็นร่าง
เบสมีอย่างเพียงพอ แต่ต้องปรับเยอะซักหน่อยครับ
ลองเปิด Jazz ฟัง (ดันลืมเอา Classic ไป แทบร้องไห้ T^T)
ยอดเยี่ยมมากครับ บรรยากาศก็ทำได้ดี
เสียงผู้คนปรบมือเสมือนเรานั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมในงานแสดงสดทีเดียวครับ
นอกจากนี้พื้นหลังของเจ้า XS นี่ไม่ใช่แค่เงียบสงัด แต่ต้องบอกว่ามีความมืดและมีความลึกด้วย
เพราะไม่ใช่แค่สงัด แต่มันมีความมืดมิด ราวกับว่าจะดึงผมเข้าไปให้อยู่ในพวังอะไรซักอย่าง
เหมือนสะกดให้เรารอเสียงแรกของบรเพลง
ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า First note ซึ่งเจ้านี่มีความสำคัญอย่างยิ่งครับ
เสียงแรกของบทเพลงที่ดี จะสร้างอารมณ์ที่สุนทรีย์ในการฟังเป็นอย่างมาก
ซึ่งผมต้องบอกว่า ยังไม่เคยประทับใจจากเสียงแรกของลำโพงมัลติมิเดียตัวไหนเลย
แต่มันทำได้ในเจ้า XS ครับ ผมว่าเจ้า XS เนี่ยเก่งในเรื่องสร้างบรรยากาศที่ดีในการฟังเพลงครับ
เพราะแม้แต่การเล่ระดับเสียงจากดังไปเบา
หรือจากหนักมากอ่อน ยังทำได้ดีและละมุนละไมเลยละครับ
การถ่ายทอดน้ำหนักเสียงจากโน๊ตตัวหนึ่งไปยังโน๊ตอีกตัวหนึ่ง ทำได้ดีไม่มีซ้อนกัน
แต่ปลายเสียงแหลมยังรู้สึกว่าขาดการเก็บหางเสียงที่ดี อาจจะเป็นเพราะยังไม่ได้เบินก็เป็นได้ครับ
คือหางเสียงทอดตัวยาว ไม่คมไม่บาดหู
แต่จังหวะก่อนสุดท้ายที่จะเงียบหายไปมันไล่ระดับความเบาช้าไปนิดหน่อย
แต่มันก็ฟังแล้วดูมีความโปร่งโล่งขึ้นไปอีกแบบ
แต่หลังเบินแล้วอาจจะดีขึ้นก็ได้ในจุดนี้ เน้นย้ำว่าอาจจะนะครับ
เพราะว่าผมยังไม่เคยฟังตอนพ้นเบิน
เสียงกลองเสียงเครื่องเคาะอาจจะดูแข็งๆไปนิด แต่ทีเด็ดมันอยู่ที่ความเสมือนจริง
และความเป็นตัวเป็นตน มือกลองตีแฉไล่ใบ รับรู้ได้เลยว่าตีส่วนไหนของใบฉาบและตีไล่ฉาบเป็นใบๆ
มันชัดเจนมากๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ซับไม่ได้วางที่พื้นครับ เวทีด้านลึกเลยฟังไม่ค่อยออกเท่าไหร่
แต่แค่นี้มันก็มีด้านลึกแล้ว แม้จะไม่ได้ชัดเจนก็แต่ก็ไม่น่าจะสอบตกได้ง่ายๆในเรื่องแค่นี้
เพราะแค่ความเป็นตัวเป็นตนยังทำได้ดี
แล้วกับแค่เรื่องเวทีเสียงในแนวลึกคงเป็นเรื่องยากที่จะสอบตกครับ
ผมว่าเจ้า XS นี่ถึงค่าตัวจะดูสูงพอสมควร แต่หากได้ลองฟังแล้ว
คุณก็จะอดบอกกับตัวเองไม่ได้เลยว่ามันคุ้มค่าที่จะจ่ายในราคานี้ครับ
ผมว่าข้อเสียของเจ้า XS หลักๆคงเป็นที่ Input ที่มันมีน้อย เพราะมันเป็น 3.5mm
ทำให้ข้อจำกัดมันถูกบีบมากขึ้น แต่มันก็มีข้อชดเชยคือมันสามารถใช้งานกับ iPod/iPhone ได้
ถือว่าชดเชยกันไป และคงถูกใจสาวกของ Apple
ที่ต้องการเสียงหน้าคอมพิวเตอร์ในระดับ Audiophile
สุดท้ายก่อนลากันไปผมขอสรุปนิดว่า
เจ้า XS นั้นคุ้มราคาครับ ไหนๆก็ไปขอเขาลองฟังและขอรีวิวฟรีๆแล้ว โฆษณาไปให้เขาเลยละกัน
สำหรับท่านใดที่สนใจเจ้า Focal XS ก็ติดต่อได้เลยครับที่ http://www.hienaudio.com/
วันนี้ก็มีเพียงเท่านี้และจ้า ท่านใดมีข้อเสนอแนะหรือข้อติชมใดๆ บอกกล่าวกันได้เลยครับผม
ส่วนรีวิวคราวหน้าจะมีอะไรมาเล่าให้ฟัง ก็ต้องคอยชมกันต่อไปครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ
Comment