Announcement

Collapse
No announcement yet.

อาไรฟะ.. "สาวฟ้อน"

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • อาไรฟะ.. "สาวฟ้อน"

    ได้ยินมานานละ "สาวฟ้อน" เนี้ย..(Sound Font ) มันคืออะไรครับ

    ใช้แต่ "สาวบนกระดาน" มาตั้งนานละ ตอนนั้น้องเค้าเริ่มง้อแง
    ก็เลยหาสาวใหม่ แล้วก็กำลังจะได้ น้องSB0100 วันอังคารนี้
    เลยหาข้อมูลหน่อย...

  • #2
    สำหรับ ไว้ฝึกประกวดเป็นนักร้องเสียงทองครับ ใช้ฝึกไปลงประกวด af ได้สมัครแล้วเดี๋ยวผมโหวตให้นะ

    http://www.blog.nanacreation.com/2007/11/make_karaoke/

    อิอิ
    Last edited by Aeromancer; 21 Jan 2008, 11:29:42.

    Comment


    • #3
      ได้ยินมานานละ "สาวฟ้อน" เนี้ย..(Sound Font ) -*- งงนิดหน่อยครับพี่

      ว่าแต่ไปได้แต่ใดมาหละครับ วันนั้นเห็นพี่ตี๋ขาย คิดว่าขายให้พี่ซะอีก

      Comment


      • #4
        Sound fonts Synth = wavetable ของ EMU สำหรับเล่น midi

        สามารถโหลดตัวอย่างเสียง ที่เรียกว่า soundfonts ขึ้นไปไว้บนแรม ได้

        อยากได้เสียงอย่างไร ก็สรรหา soundfonts แบบนั้น โหลดขึ้นให้เหมาะกับแนวเพลง ที่ฟัง หรือความชอบ

        ทำให้เสียงไม่ตายตัวแบบ Fm synth จำพวก sound module แต่บางทีความหนักแน่น ก็ไม่สู้ hardware อย่าง soundmodule ได้

        hardware ที่ต้องการคือ EMU10K1 EMU20K1 CA20K1

        ประโยชน์หลักๆคือ เล่น midi karaoke



        และขอย้ำไว้ว่า Synth = สังเคราะห์ / เทียม ไม่มีวันที่จะเป็น เล่นสด ได้
        Last edited by battlecruiser; 21 Jan 2008, 21:02:31.

        Comment


        • #5
          แถมอีกอย่าง Softsynth กากๆ ย้ำกว่า กากๆ และ Software soundfonts synth

          ไม่สามารถเทียบ Soundfonts hardware ได้

          Comment


          • #6
            รู้จักกับ SoundFont


            Wavetable คือตารางรวมคลื่นเสียง (Wave Samples) ที่อัดมาจากเสียงของเครื่องดนตรีจริง จัดเก็บในรูปแบบ digital ไว้บนชิพ ROM บนตัว Sound Card และเรียกใช้งานโดยผ่าน driver ของตัว sound card นั้น หรือ เป็น software อย่างเช่น Soft Synth ที่จะเก็บข้อมูลเสียงไว้เป็น file ตัวนึง และเรียกใช้งานผ่านทางโปรแกรมของตัวเอง

            การสังเคราะห์เสียงของ Computer จะทำการสร้างคลื่นเสียง FM (Frequency Modulator) ที่ความถี่ต่างๆออกมา และนำมาผสมกันเพื่อให้เกิดเสียงที่ใกล้เคียงกับเสียงเครื่องดนตรีจริง แต่เสียงที่ออกมานั้น จะไม่ได้มีต้นกำเนิด เหมือนการให้กำเนิดเสียงจากเครื่องจริง เสียงที่ได้ออกมาคุณภาพจึงไม่ค่อยดีนัก

            SoundCard ที่มี wavetable ส่วนใหญ่แล้ว จะสามารถสังเคราะห์เสียงได้ 32 เสียง (เครื่องดนตรี) พร้อมๆกัน หรือมากกว่านั้น โดยใช้ Software เข้าช่วย ทั้งในการสร้าง (Creation) และการเล่น (Playback) ตารางข้อมูลเสียง หรือ Wavetable จะเป็นตัวอ้างอิงเสียงให้กับการสังเคราะห์เสียงแบบ Musical Instrument Digital Interface (MIDI) ซึ่งข้อมูลแบบ midi จะเป็นข้อมูลที่จัดเก็บ และนำมาใช้โดยผ่านชุดคำสั่ง คล้ายๆกับตารางโน้ตดนตรี (ผมไม่รู้จะใช้ศัพท์อะไรเรียก) ที่ใช้เวลาเล่นจริงกัน ชุดคำสั่งนี้ จะโยงบอกถึงเครื่องดนตรีที่ใช้และตัวโน้ตที่ใช้

            รีบเช้าเรื่อง Sound Font ซะที ข้อเสียของระบบ Wavetable ก็คือ ในการใช้ข้อมูลรูปแบบ MIDI นั้น ข้อมูลจะเก็บเฉพาะข้อมูล การเชื่อมโยงกับตารางเสียงเท่านั้น ไม่ได้เก็บตัวเสียงไว้ด้วย ในการนำมา playback เสียงที่ได้ อาจจะออกมาไม่ตรงกับมาตรฐาน ที่ผู้แต่งได้ทำไว้ (ถ้าเป็นระบบโรงหนัง ก็แห้ว THX ไปแล้ว) จุดบอดของ MIDI คือ ต้องนำไป playback กับอุปกรณ์ชุดเดิมเท่านั้น จึงจะได้เสียงตรงกับที่คนแต่งได้แต่งไว้ ระบบ Sound Font จึงออกมาลบจุดบอดนี้ โดยการย้ายข้อมูลตารางเสียง จากใน ROM ให้มาอยู่ใน RAM และสามารถจัดเก็บเป็น file ต่างหากได้ ซึ่งก็จะมีข้อมูลของ Wave Samples ทั้งหมดอยู่ เมื่อนำมา playback เราก็จะนำข้อมูลของ wave samples ต่างๆเก็บเข้าไว้ใน RAM ของ sound card และ MIDI ก็จะเรียกใช้ข้อมูลจากตัว Sound Font นี้ ทำให้ไม่ว่าจะนำข้อมูล MIDI ไป playback ที่ไหน ก็จะได้เสียงที่ออกมาเหมือนอย่างที่คนแต่งได้ทำไว้ (จริงๆก็ยังไม่เหมือนเดิมหรอก เพราะอุปกรณ์เครื่องเสียงก็ยังต่างกันอยู่ดี แต่ติ๊ต่างว่าใช้อุปกรณ์ชุดเดียวกันละกัน)

            ที่เหนือกว่านั้นของ Sound Font เนื่องจาก Sound Font เป็นการเก็บข้อมูลของ wave samples มาไว้ใน file ตัวนึง เราจึงสามารถทำการแก้ไข ดัดแปลงให้เข้ากับความต้องการของเราได้ ดังนั้นจึงมีการกำหนดค่ามาตรฐานของตำแหน่งเครื่องดนตรีไว้ ไม่ว่าการสร้าง Sound Font จะใช้ sample waves แบบใดก็ตาม แต่เครื่องดนตรีต้องอยู่ตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ ถ้าใส่ไม่ถูกต้อง เสียงที่ออกมาก็จะผิดเพี้ยนด้วยเช่นกัน ตำแหน่งมาตรฐานคือ GM (General MIDI) ซึ่งกำหนดเสียงเครื่องดนตรีไว้ 128 เสียง จาก instrument 000 ไปถึง instrument 127 ใน bank 000

            ถ้าเคยเล่นเครื่องดนตรีจริงจะเข้าใจ เปียโน 2 ตัว เสียงยังไม่เหมือนกันเลย กีตาร์สองตัวเสียงก็ใช่ว่าเหมือนกัน แค่เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ เสียงก็ต่างกันแล้ว การสร้าง Sound Font ก็เช่นกัน ตัว sample waves มาจากแหล่งกำเนิดเสียงที่ต่างกัน เสียงที่ได้จาก Sound Font แต่ละตัวก็ย่อมไม่เหมือนกัน ลองฟังเสียงเหล่านี้ดู เสียงเหล่านี้เป็นโน้ตโดเครื่องดนตรี 000 (Piano) ทั้งหมด แต่ได้มาจาก Sound Font ที่ต่างกัน [ wave001.wav ] [ wave002.wav ] [ wave003.wav ] จะเห็นได้ว่า เสียงทั้งหมด ฟังแล้วคล้ายกับเสียงเปียโนจริง แต่ก็ยังมีต่างกัน เนื่องจากเปียโนแต่ละยี่ห้อก็มีโครงสร้างที่ต่างกัน การตั้งเสียงที่ต่างกัน ตัวอย่างเสียงที่อัดมาใช้ทำ Sound Font จึงให้เสียงที่ต่างกันไปด้วย

            เพราะฉะนั้น เสียงที่ได้จาก Wavetable ที่ใช้ระบบ Sound Font จึงไม่ตายตัว สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการเลือกใช้ แต่เนื่องจาก Sound Font คือไฟล์ข้อมูลที่ประกอบด้วยไฟล์ wave หลายๆตัว ซึ่งถ้าต้องการเสียงที่ใกล้เคียงเครื่องดนตรีจริงมาก จะต้องใช้ไฟล์ wave ที่มีจำนวนมาก อาจจะตั้งแต่ 1 sample wave ต่อ 1 octave ไปจนถึง 1 sample wave ต่อ 2-3 semi-tone เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิด ชิพ EMU10K ซึ่งเป็นตัวสังเคราะห์เสียงของ Creative Sound Blaster Live นั้น มีความสามารถที่จะสังเคราะห์เสียงจาก sample wave ให้สูงขึ้นไปได้อีก 2 Octave และต่ำลงไม่จำกัด ถ้าเรามีโน้ตเสียง โด ตัวนึง ชิพตัวนี้จะสามารถนำมาสังเคราะห์เป็น โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ได้โดยได้ระดับเสียง ( pitch ) ที่ยังไม่ผิดเพี้ยนนัก โดยการเปลี่ยนค่าความถี่เสียง ( pitch shift ) แต่ เนื่องจากเสียงจากเปียโนจริง เสียงที่สูงขึ้นนั้น เกิดจากการใช้ตัวสายเสียงที่เล็กลง หรือขึงสายให้ตึงขึ้น แต่ขนาดของตัวเครื่องยังเท่าเดิม ในการทำ pitch shift นั้น เป็นการคำนวน โดยลดขนาดสายเสียง ดึงสายให้ตึงขึ้น และลดขนาดของตัวเครื่องลงด้วย เสียงที่ผ่านการ shift หลายๆ octave จึงย่อมผิดเพี้ยนไปจากเสียงที่เกิดขึ้นจริงเช่นกัน การทำ Sound Font จึงต้องมีการเทียบกับเสียงจริงตลอด เมื่อจับได้ถึงการเริ่มเพี้ยนของเสียง ก็จะมีการแทรกเสียง sample wave เข้าไปเป็นข้อมูลเพื่อใช้ดึงข้อมูลใหม่ ทำให้ทุกโน้ต ทุก octave มีเสียงใกล้เคียงกับเครื่องดนตรีจริงมากที่สุด ส่วนคำว่า semi-tone ก็คือการเลื่อนระดับเสียงโน้ตขึ้นไป 1 ชั้น จาก โด เป็น โดชาร์ป เป็น เร เป็น เรชาร์ป เป็น มี เป็น ฟา ฟาชาร์ป แต่ละขั้นคือ 1 semi-tone Sound Font ที่มีเสียงใกล้เคียงกับเสียงจริงมากๆ จึงจำเป็นต้องมี sample wave หลายๆตัว ทำให้ Sound Font ที่มีเสียงดีๆ มีขนาดใหญ่โต และต้องการเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก ( ใน AWE32,64 ต้องการ module RAM สำหรับเก็บ ขนาดก็ขึ้นกับ module RAM ที่เพิ่มขึ้น ส่วน Live ใช้ System RAM สำหรับเก็บ ขนาดก็ครึ่งหนึ่งของ RAM ที่มี ตอนท้ายๆเดี๋ยวจะบอกวิธีทำให้เราสามารถใช้เนื้อที่ให้เกินครึ่งนึงให้ )

            ในการเลือกใช้ Sound Font สำหรับเราๆท่านๆ ก็จะแตกต่างกันไป ตามสไตล์การฟัง MIDI ของแต่ละคน บางคนเน้นเครื่องสาย เครื่องเป่า หรือพวกเครื่องดีด Sound Font ที่ถูกสร้างมาแต่ละตัวจะเน้นเสียงที่ต่างกันไป ถ้าจะให้เน้นเสียงทุกตัว คิดเอาเองว่า แค่เสียงระดับคุณภาพพอฟังได้ เครื่องดนตรีละ 1 Mb 128 ชิ้น คุณจะต้องใช้เนื้อที่เท่าไหร่? แล้วจะทำอย่างไร ถ้าเราต้องการให้ได้เสียงที่ดีที่สุดสำหรับการฟัง MIDI ของเรา? ในการสร้าง Sound Font เราไม่จำเป็นต้องใส่ตัวอย่างเสียงให้ครบ 128 ชิ้น สำหรับชิ้นที่ไม่มีการเรียกใช้ใน MIDI ของเรา (ถ้ามีการเรียกใช้ขึ้นมา มันก็จะไม่มีเสียงอะไรออกมา เนื่องจากไม่มีตัวอย่างเสียงให้นำมาเรียกใช้) สำหรับท่านที่ไม่สัดทัดด้านการสร้าง Sound Font ขึ้นมาเอง มีวิธีง่ายกว่านั้น โดยการนำ Sound Font หลายๆตัวมาผสมกันโดย เลือกตัวอย่างเสียงเครื่องดนตรีที่จะนำมาใช้ วิธีทำก็คือ อย่างแรก เราต้องลองฟังเสียงเครื่องดนตรีแต่ละอย่าง ของ Sound Font และเราฟังแล้วรู้สึกว่าตัวไหนดีสุด ก็จำไฟล์นั้นไว้ แล้วเข้าไปทำการเลือกใช้ใน configure instrument ซึ่งเราจะเลือกตำแหน่ง การจัดวางได้อย่างอิสระ

            http://www.byxtreme.com/Article/SoundFont.html

            ก๊อปมาเล่าสู่กันฟังครับ

            Comment


            • #7
              งง เป็ดเลยอ่ะดิ
              ชั้นก็งง ถ้าไม่ทำเป็นตาราง ทำกล่องโยงให้อ่าน อิอิอิอิ

              Comment


              • #8
                รับมาแล้วครับ SB0100 EMU10K1 หาอยู่หลายวันเลยกว่าจะได้ แถมราคามิตรภาพอีกต่างหาก..อิอิ


                ตกลงว่า Sound Font มันคือซอฟต์แวร์ชิมิ
                งง เป็ดเลยอ่ะดิ
                ชั้นก็งง ถ้าไม่ทำเป็นตาราง ทำกล่องโยงให้อ่าน อิอิอิอิ
                ยิ่งพูดยิ่งทำให้งงนะเนี้ย มาวอ้ะป่าวลุง
                ส.-อา.นี้เจอกันหน่อยเป็นไง..อิอิ

                Comment


                • #9
                  Originally posted by จอมยุทธ View Post
                  ยิ่งพูดยิ่งทำให้งงนะเนี้ย มาวอ้ะป่าวลุง
                  ส.-อา.นี้เจอกันหน่อยเป็นไง..อิอิ
                  จัด จัด จัด จัดเลยพี่

                  Comment


                  • #10
                    Soundfont เป็น hardware wavetable

                    Comment


                    • #11
                      เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก ประทานโทษ จขกท ครับ มีคนสอนผมมา โดนเป่าหูทั้งคืนเลย

                      ว่าแต่ HR-03 แจ่มมั้ยพี่เอ
                      Last edited by Roat; 27 Jan 2008, 20:27:44.

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by Roat View Post
                        เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก ประทานโทษ จขกท ครับ มีคนสอนผมมา โดนเป่าหูทั้งคืนเลย

                        ว่าแต่ HR-03 แจ่มมั้ยพี่เอ



                        ไปเมาไม่ชวนเลยนะพี่


                        แง แง

                        Comment


                        • #13
                          Soundfont เป็น hardware wavetable
                          อ่านไปอ่านมาก็ยังงงๆอยู่ดี
                          แต่ไม่เป็นไร ของเค้าดีใช้ได้ เมื่อวานเมียไม่อยู่เลยเทสกับลำโพงบ้าน เปิดเกือบสุดอยู่แทบไม่ได้ จนแซกแตกไป2ตัวเลย(ลำโพงแซกรถยนต์บ้านหม้อตัวถูกๆมาต่อเพิ่ม) เดี๋ยวค่อยหาตัวดีๆมาเปลี่ยน เสียงที่ได้ดีจริงๆสมคำร่ำลือ..

                          เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก เกรียนกาก ประทานโทษ จขกท ครับ มีคนสอนผมมา โดนเป่าหูทั้งคืนเลย

                          ว่าแต่ HR-03 แจ่มมั้ยพี่เอ
                          เดี๋ยวนายฮัทจะโดนมิใช่น้อย เมื่อวานว่าจะเอา e4400 ไปคืน ดันหนีไปเตาปูนซะนี่...

                          HR-03 แจ่มเป็ดมักๆ เพิ่งใส่มะวานกะ EAX1650XT ทา MX2(ซิงค์แรมกะซิลิโคนของมันยังไม่แตะต้อง) ใช้พัดลมธรรมดารอบต่ำ 4ตัวร้อย อุณหภูมิประมาณ40หน่อยๆ-50นิดๆ ขนาดมะวานร้อนมากๆเลยนะ ห้อง34-35 (อยู่คอนโดบนสุดติดดาดฟ้า เดี๋ยวสิ้นเดือนจะย้ายลงชั้น 4 ละ หนีร้อน..) ได้ลองสมใจละอยากได้คืนเมื่อไรก็บอกนะ..

                          ไปเมาไม่ชวนเลยนะพี่


                          แง แง
                          ขาใหญ่มากันเพี้ยบเลยครับ
                          โอกาสหน้าถ้ามีอีกจะบอกนะครับ...อิอิ

                          Comment


                          • #14
                            "Sound font" ก็คล้ายๆ font ตัวหนังสือของ Windows ไงครับ

                            สามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เวลาเปลี่ยนมันก็แสดงผลออกมาต่างกัน ทั้งๆที่ไฟล์ต้นฉบับเป็นไฟล์เดียวกัน
                            บาง font อ่านค่าตัวหนังสือ "A" ออกมาแล้วแสดงผลเป็นรูปดาวก็มี รูปตัว A แต่เป็นตัวเขียนก็มี เป็นต้น

                            ง่ายๆ สมมุติ ผมเขียนโน๊ตเพลงพร้อมคอร์ดกีตาร์ ขึ้นมา 1 เพลง แล้วให้นักร้อง 2 คน แบงค์วงแคลช ตูนบอดี้สแลม
                            ร้องเพลง+เล่นกีตาร์ ตามโน๊ตที่ผมแต่ง แน่นอนมันออกมาเป็นเพลงเดียวกัน ดีดเหมือนกันแน่ๆ
                            แต่เสียงที่แสดงออกมา ไม่เหมือน เพราะกีตาร์คนละยี่ห้อ เสียงคนร้องคนละคน น้ำหนักการตีคอร์ดของคนสองคนไม่เหมือนกัน พอจะนึกภาพออกไหมครับ font ก็เปรียบเสมือน คนบรรเลงนั่นแหล่ะครับ


                            ทีนี้ Midi มีปัญหานิดหน่อย เวลาเล่นตัวไฟล์จะบอก ตัวเล่นว่าให้เล่นเสียงอะไร keyไหน จังหวะเท่าไหร่ เครื่องดนตรีนิดไหน ฯลฯ

                            ตัวเล่นก็จะเล่นแสดงผลออกมา ตามนั้น แต่มาตรฐานของแต่ละบริษัท แต่ละ font มันไม่เหมือนกัน

                            สมมุติ ไฟล์มันเขียนมา ให้ออกเสียงโน๊ต G โดยใช้เครื่องดนตรีของ Bank ที่ 50 (คนแต่งตั้งใจแต่งเสียงกีตาร์)
                            font ชื่อ xxx : bank ที่ 50 เป็นเสียง กีตาร์
                            font ชื่อ zzz : bank ที่ 50 ดันตั้งมาเป็นเสียง ออแกน

                            เสียงที่ออกมา ไอ้ font zzz มันจะเล่นผิด เป็นต้น

                            Comment


                            • #15
                              อ้อ คิดงี้ก็ได้ Font = วงดนตรีทั้งวง ซึ่งมีนักร้อง มือกีตาร์ มือเบส ฯลฯ และ เครื่องดนตรี คนละแบบ คนละยี่ห้อกับวงอื่นๆ

                              เมื่อวงดนตรีคนละวงกัน เล่นเพลงเดียวกัน เพลงที่ออกมาถึงจะเป็นเพลงเดียวกัน แต่เสียงและฟิลลิ่งย่อมต่างกันแน่นอน

                              แบบนี้นึกภาพได้ง่ายกว่าครับ

                              Comment

                              Working...
                              X