http://www.overclockzone.com/forums/...newthread&f=52
Originally posted by Petchsiam
เราอาจไม่เคยตระหนักถึงภัยที่ใกล้ตัวมากๆ หากไม่ได้เจอกับตัวเอง และผมคิดว่าเพื่อนๆในบอร์ดนี้คงมี Life style ที่ใกล้เคียงกันกับผมที่ชื่นชอบ Technology ใหม่ๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดี คอมพิวเตอร์เร็วๆ แรงๆ อะไรทำนองนี้ ผมจึงไม่ต้องการให้ใครก้อตามที่อาจจะใช้สินค้า แบบ หรือ รุ่นเดียวกัน กับผม ต้องเจอเหตุการณ์เดียวกับผม โอกาสที่จะเกิดขึ้นมันคงไม่มาก ตามหลักสถิติ อาจน้อยกว่า 1 % แต่มันยังคงเป็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้นะครับ
สิ่งที่ผมและน้องชายนำติดตัวมาได้โดยมิได้นัดหมายตอนเกิดเหตุ คือ BOLD 9700 คนละเครื่อง!!
ภัยจากตู้เย็นที่คุณเองก็อาจคาดไม่ถึง และ บทเรียนที่ได้รับหลังจากเหตุการณ์
ก่อนอื่นต้องขอบอกกล่าวกันไว้ก่อนครับว่าเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเหตุการณ์จริงที่ทำให้ผมเรียนรู้และรับทราบหลายๆสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาอย่างที่ผมไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอมาก่อน อาทิ การติดตามเรื่อง และ อะไรอื่นๆอีกมากมายทั้งที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์ก็ตาม ผมขอนำมาถ่ายทอดให้ทราบกัน เผื่อว่าจะเป็น case study ให้พึงระวังและหาหนทางป้องกันและแก้ไขกันได้บ้างสักส่วนหนึ่งก็ยังดีครับ
ผมพักอาศัยอยู่กับน้องชายที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวสาทร พักอยู่ชั้นที่ 9 ซื้อไว้และเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปลายปี 2550 โดยที่แม่ พักอยู่ที่ชั้น 10 คอนโดเดียวกันกับผม จากหัวข้อเรื่องก็คงจะบอกได้ดีครับว่ามีอะไรได้เกิดขึ้นกับผมและน้องชายในเหตุการณ์ครั้งนี้ ขอท้าวความเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองอีกสักหน่อยครับก่อนจะเข้าเรื่อง ตัวผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะระมัดระวังในเรื่องของฟืนไฟมาโดยตลอด และค่อนข้างจะรอบคอบพอสมควร แต่ก็ไม่วายว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
ในช่วงดึก คืนวันที 28 ก.ค. 2553 เวลาประมาณ 4.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเราส่วนใหญ่กำลังหลับสนิท แบบลึกสุด ๆ รวมทั้งผม และ น้องชายด้วย สักพักนึงผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติที่เกิดขึ้น โดยผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นไหม้โชยเข้ามาและทำให้ผมตื่นขึ้น และพยายามลุกจากที่นอนไปที่ประตูทางออกห้องนอนของผม เมื่อเปิดประตูออกมาก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน กลุ่มควันหนา เขม่า และ ความร้อนก็พลันเข้าปะทะที่ใบหน้าผมอย่างจังจนผมต้องผงะถอยหลัง และ สูดเขม่าเข้าไปในปอดอย่างเต็มที่ และคิดในใจว่านี่มันไฟไหม้บ้านเรานี่หว่า ผมพยายามตั้งสติอีกครั้งเพื่อเข้าไปเคาะประตูห้องนอนของน้องชายที่อยู่ข้างๆ พร้อมตระโกนบอกว่า “ไฟไหม้ๆๆ รีบหาทางออก” หลังจากที่น้องชายได้ยินเสียงตะโกนของผม ก็เปิดประตูห้องนอนออกมาพร้อมก้มคลานต่ำออกมา จึงไม่ได้ประทะกับกลุ่มเขม่าที่ไหลกรูไปยังที่ๆมีอากาศอยู่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้องผิดกับทางผม ตอนนั้นยอมรับเลยหล่ะครับว่าตั้งสติได้ไม่มาก ในหัวพลันคิดได้แต่ว่า ต้องรีบไปบอกแม่ซึ่งพักอยู่ชั้น 10 ระหว่างนั้นผมเริ่มหมดแรงเนื่องจากสูดควันพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก และ ไม่สามารถมองเห็นได้ จนกระทั่งน้องชายผมคลานต่ำไปเปิดประตูทางออกได้สำเร็จ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก แสงไฟเริ่มส่องเข้ามาทำให้ผมพอเห็นทางลาง ๆ จึงได้พยายามคลานต่ำเพื่อออกไปนอกห้องได้สำเร็จ จากนั้นจึงบอกกับน้องชายว่าผมจะขึ้นไปบอกแม่ให้หนีออกจากตัวอาคารก่อน โดยให้น้องชายไปหาถังดับเพลิง จึงได้แยกกันกับน้องชายเพื่อไปปลุกแม่ ระหว่างทางที่จะขึ้นไปชั้นบน ผมก็ตะโกนบอกตามทางเดินไปด้วยว่า “ไฟไหม้ๆๆ” เพื่อให้ห้องอื่นๆได้รับทราบ และ น้องชายก็วิ่งไปหาถังดับเพลิงและกดปุ่ม fire alarm เพื่อแจ้งเหตุไฟไหม้ พอไปถึงห้องแม่ผมก็ค่อยๆที่จะบอกให้แม่รับทราบถึงเหตุการณ์เพื่อไม่ให้ตกใจมาก และบอกให้เค้ารีบลงไปรอชั้นล่างด้านนอกอาคาร
หลังจากบอกแม่แล้วผมก็ย้อนกลับมาที่ห้องพัก ในความมืดจากเขม่าควันผมเห็นภาพได้เป็นลางๆว่าต้นเพลิงอยู่บริเวณท้ายห้องนั่งเล่น จึงตัดสินใจฝ่ากลุ่มเขม่าเข้าไปหมายจะสกัดเพลิงให้ได้ (นึกขึ้นมาได้ว่าบริเวณนั้นมีถังน้ำดื่ม sprinkle ที่เพิ่งสั่งมา เป็นถังบรรจุน้ำดื่มขนาดประมาณ 19 ลิตร) โดยกึ่งวิ่งกึ่งคลานกลับเข้าไปในที่เกิดเหตุเพื่อเลื่อนประตูด้านหลังออกให้สามารถระบายควันออกทางระเบียงอีกทาง เมื่อเปิดประตูได้ควันก็ทะลักออกไปนอกอาคารทำให้ผมมองเห็นต้นเพลิงได้ชัดมากขึ้น มันคือตู้เย็นนั่นเอง ไฟได้ลามขึ้นผนังด้านหลังตู้เย็น และ เพดานด้านบนตู้เย็น ผมรีบกลับเข้าไปและใช้น้ำดื่มในถังสาดเข้าดับเปลวไฟ ได้ประมาณครึ่งถังก็เริ่มหมดแรง จึงรีบคลานออกจากบริเวณต้นเพลิง ออกไปนอกห้องอีกครั้งหนึ่ง เมื่อออกมาถึงน้องชายของผมได้หิ้วถังดับเพลิงมาถึงหน้าห้องพอดี ผมจึงรีบช่วยกันแกะสลักของถังดับเพลิง และบอกให้น้องชายเข้าไปซ้ำอีกรอบเนื่องจากเพลิงยังคงลุกไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง น้องชายข้าพเจ้าได้เข้าไปฉีดผงดับเพลิงประมาณไม่เกิน 3 นาทีก็รีบวิ่งออกมา และบอกผมว่าดับได้แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสงบหรือยัง ผมและน้องชายรีบวิ่งไปที่ทางหนีไฟเพื่อสูดอากาศ และ รอสังเกตการณ์อีกประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารมาถึงที่เกิดเหตุ ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปดูแม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าแม่ออกจากห้องไปแล้ว หลังจากนั้นจึงรีบลงไปหาแม่ด้านล่าง และ ซักพักรถดับเพลิงก็มาถึง ผมและน้องชายเริ่มจะหมดสติ เนื่องจากสูดควันพิษเข้าไปเยอะมาก จึงถูกนำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล BHN ในเวลาประมาณ 4.45 น
หลังจากผมและน้องชายไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้รับการให้อ๊อกซิเจน พร้อมทั้งนำตัวไป x-ray ปอด และ อีกหลาย ขั้นตอน จนถึงเวลาประมาณ 6.30 น. ผมและน้องชายจึงได้เข้าห้องพัก จากนั้นผมได้รับแจ้งทางโทรศัพท์มือถือ (สิ่งเดียวที่คว้ามาได้) ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และ ได้แจ้งสาเหตุเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการว่า ต้นเพลิงเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของคอมเพรสเซอร์ ของตู้เย็น จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น และลามไปยังส่วนต่างๆ ภายในห้องอย่างรวดเร็ว
ผมพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ 4 วัน พ่อและพี่สาวได้เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันอัคคีภัยเพื่อสำรวจความเสียหาย และ ถ่ายภาพในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในบริเวณต่างๆ ที่เสียหาย โดยเฉพาะตู้เย็นที่เป็นต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมด จากนั้นน้องชายผมซึ่งได้รับบาดเจ็บน้อยกว่าได้ออกจากโรงพยาบาลไปก่อน และ ได้ติดต่อบริษัทฯ เจ้าของผลิตภัณฑ์ ตู้เย็น เพื่อแจ้งให้ทางบริษัทฯ รับทราบและเข้ามาตรวจสอบ
ส่วนนี้สำคัญครับ หลังจากบริษัทฯ เข้าตรวจสอบตู้เย็นแล้ว ได้แจ้งขอนำสินค้ากลับไปโดยให้เหตุผลว่าจะนำกลับไปให้แผนก R&D ตรวจสอบหาสาเหตุ ซึ่งผมปฏิเสธที่จะให้นำตู้เย็นกลับไป เนื่องจากผมไม่แน่ใจในความโปร่งใสของบริษัทฯ หลังจากนั้นอีก 2 วัน ทางบริษัทฯ ก็พยายามติดต่อผมมาอีก โดยแจ้งว่าจะให้วิศวะกร เข้ามาตรวจสอบตู้เย็นอีกครั้ง และ ก็เป็นดังคาดครับทางวิศวะกรบริษัทฯ ก็ขอนำตู้เย็นกลับไปอีก และผมก็ปฎิเสธเป็นครั้งที่ 2 เหตุการ์ณนี้มีสิ่งที่เป็นข้อพึงระวังคือ การส่งมอบหลักฐานให้กับบริษัทผู้ผลิตนั้น จะทำให้การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และ หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไม่สมบูรณ์หากไม่ได้มีการร่วมกันตรวจสอบ
หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทางบริษัทฯ ตู้เย็น ก็ติดต่อขอให้ผมเข้าไปรับเอกสารหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทฯ ที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากบริษัทฯ ประกันอัคคีภัยขอให้เจ้าของผลิตภัณฑ์รับรองความเสียหาย สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ สุดๆ คือความเจ้าเล่ห์เพทุบายของ บริษัทฯ ตู้เย็น เค้าพยายามให้ผมและน้องชายเซนต์รับรองเอกสารบางอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้นำเอกสารมาให้ข้าพเจ้าและน้องชายเซนต์รับรอง โดยบริษัทฯแจ้งว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารรับรองความเสียหายของผลิตภัณฑ์ และ แจ้งว่าผมและน้องชายต้องเซนต์รับรองเอกสารฉบับนี้ด้วย จากที่ผมอ่านดูรายละเอียดในเอกสารพบว่า มีความคลุมเคลือไม่ชัดเจนเนื่องจาก บริษัทฯ อื่น ๆ (เช่น Daikin, SB Furniture) ที่ส่งหนังสือรับรองความเสียหายให้ผมโดยไม่ต้องมีเอกสารที่ต้องเซนต์รับรองเหมือนของบริษัทฯ ตู้เย็น สิ่งที่ผมคาดเดาจากเหตุการณ์นี้คือ ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมเอกสารคล้าย ๆ กับจะให้ผมเซนต์ยอมรับ อะไรบางอย่าง ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เป็นเอกสารในทางคดีความต่อไปหากมีการฟ้องร้อง โชคยังดีที่ผมและน้องชายไม่ได้เซนต์อะไรไป
ผมเริ่มคิดในใจว่าทำไมผมไม่ส่งเรื่องร้องเรียนกับ สคบ หละ หลังจากฉุกคิดขึ้นมาได้ก็รีบส่งเรื่องร้องเรียน สคบ ผ่านทาง website ในวันที่ 7 ส.ค. 2553 และ ได้นัดหมายเข้าส่งหลักฐานเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น เช่น บันทึกประจำวัน หนังสือชี้แจงเหตุเพลิงไหม้ของ นิติบุคคลฯ รูปภาพในวันเกิดเหตุ ฯลฯ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2553 ที่ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ หลังจากนั้นวันที่ 27 ส.ค. 2553 ทางช่อง 7 ให้ความสนใจกับกรณีของผม จึงเข้ามาถ่ายทำเรื่องเตือนภัย เพื่อให้พวกเราได้พึงระวังกับสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ได้ และ ผมเองคาดหวังว่าเหตุการ์ณครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยให้ทุก ๆ คนได้รับทราบว่าจะต้องรับมือกับอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นตามมาครับ ติดตามดูภาพได้จาก ลิงค์ครับ
นอกจากนี้ผมอยากให้บริษัทฯผู้ผลิตในบ้านเรามีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเหมือนประเทศอื่น ๆ เค้าบ้าง เช่น กรณีเรียกคืนตู้เย็นของ PANASONIC ในประเทศจีนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา http://economictimes.indiatimes.com/...ow/6259838.cms
ผมไม่แน่ใจว่าคนที่ใช้ตู้เย็นยี่ห้อเดียว รุ่นเดียวกับผมในประเทศไทยมีใครบ้าง และ ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นอนอยู่ดี ๆ ตื่นมาเจอไฟไหม้เกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบผม ซึ่งหากวันนั้นผมไม่ตื่นขึ้นมา วันนั้นผมไม่อยู่บ้าน หรือ คนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็น ผู้หญิง เด็กเล็ก คนแก่ อะไรจะเกิดขึ้น
และในขณะนี้ทางบริษัทฯตู้เย็นยังคงปฎิเสธการรับผิดชอบเนื่องจาก ผลพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่ออก (เค้าบอกว่าตัวเค้ายังไม่ผิดถ้าผลยังไม่ออก) ผมได้ส่งเรื่องเข้าร้องเรียน ทาง สคบ เนื่องจากกลัวความไม่โปร่งใส และขณะนี้ตู้เย็นดังกล่าวยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ผมไม่สามารถทราบได้เลยว่าขณะบริษัทฯตู้เย็น Lobby สื่อหรือไม่ แต่สิ่งที่น่าสงสัยคือ ผมไม่สามารถเข้าไปดูเรื่องราวเตือนภัยตู้เย็นระเบิดใน web ของช่อง 7 ได้ (ออกอากาศทางช่อง 7 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 เวลา 19.30น) วันอื่นๆ ก่อนและหลัง ดูได้หมด เช่น 29, 30 ส.ค. 1, 2 ก.ย.)
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้คืออำนาจมืดครับ กองพิสูจน์หลักฐานเอง ก็ยังไม่มีคำตอบอะไรออกมา เวลาผ่านไปแล้ว 1 เดือน ครึ่ง
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ เพื่อนๆคิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ ผมอยากส่งผ่านเรื่องเตือนภัยเรื่องนี้ให้กับทุกๆคนครับ และ ขอให้ทุกท่านแคล้วคลาดปลอดภัยไม่เจอเหตุการณ์แบบที่ผมเจอ
สิ่งที่ผมและน้องชายนำติดตัวมาได้โดยมิได้นัดหมายตอนเกิดเหตุ คือ BOLD 9700 คนละเครื่อง!!
ภัยจากตู้เย็นที่คุณเองก็อาจคาดไม่ถึง และ บทเรียนที่ได้รับหลังจากเหตุการณ์
ก่อนอื่นต้องขอบอกกล่าวกันไว้ก่อนครับว่าเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเหตุการณ์จริงที่ทำให้ผมเรียนรู้และรับทราบหลายๆสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาอย่างที่ผมไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอมาก่อน อาทิ การติดตามเรื่อง และ อะไรอื่นๆอีกมากมายทั้งที่เกิดขึ้นในช่วงเหตุการณ์และหลังเหตุการณ์ก็ตาม ผมขอนำมาถ่ายทอดให้ทราบกัน เผื่อว่าจะเป็น case study ให้พึงระวังและหาหนทางป้องกันและแก้ไขกันได้บ้างสักส่วนหนึ่งก็ยังดีครับ
ผมพักอาศัยอยู่กับน้องชายที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวสาทร พักอยู่ชั้นที่ 9 ซื้อไว้และเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปลายปี 2550 โดยที่แม่ พักอยู่ที่ชั้น 10 คอนโดเดียวกันกับผม จากหัวข้อเรื่องก็คงจะบอกได้ดีครับว่ามีอะไรได้เกิดขึ้นกับผมและน้องชายในเหตุการณ์ครั้งนี้ ขอท้าวความเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองอีกสักหน่อยครับก่อนจะเข้าเรื่อง ตัวผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะระมัดระวังในเรื่องของฟืนไฟมาโดยตลอด และค่อนข้างจะรอบคอบพอสมควร แต่ก็ไม่วายว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
ในช่วงดึก คืนวันที 28 ก.ค. 2553 เวลาประมาณ 4.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเราส่วนใหญ่กำลังหลับสนิท แบบลึกสุด ๆ รวมทั้งผม และ น้องชายด้วย สักพักนึงผมเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติที่เกิดขึ้น โดยผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นไหม้โชยเข้ามาและทำให้ผมตื่นขึ้น และพยายามลุกจากที่นอนไปที่ประตูทางออกห้องนอนของผม เมื่อเปิดประตูออกมาก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน กลุ่มควันหนา เขม่า และ ความร้อนก็พลันเข้าปะทะที่ใบหน้าผมอย่างจังจนผมต้องผงะถอยหลัง และ สูดเขม่าเข้าไปในปอดอย่างเต็มที่ และคิดในใจว่านี่มันไฟไหม้บ้านเรานี่หว่า ผมพยายามตั้งสติอีกครั้งเพื่อเข้าไปเคาะประตูห้องนอนของน้องชายที่อยู่ข้างๆ พร้อมตระโกนบอกว่า “ไฟไหม้ๆๆ รีบหาทางออก” หลังจากที่น้องชายได้ยินเสียงตะโกนของผม ก็เปิดประตูห้องนอนออกมาพร้อมก้มคลานต่ำออกมา จึงไม่ได้ประทะกับกลุ่มเขม่าที่ไหลกรูไปยังที่ๆมีอากาศอยู่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้องผิดกับทางผม ตอนนั้นยอมรับเลยหล่ะครับว่าตั้งสติได้ไม่มาก ในหัวพลันคิดได้แต่ว่า ต้องรีบไปบอกแม่ซึ่งพักอยู่ชั้น 10 ระหว่างนั้นผมเริ่มหมดแรงเนื่องจากสูดควันพิษเข้าไปเป็นจำนวนมาก และ ไม่สามารถมองเห็นได้ จนกระทั่งน้องชายผมคลานต่ำไปเปิดประตูทางออกได้สำเร็จ ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก แสงไฟเริ่มส่องเข้ามาทำให้ผมพอเห็นทางลาง ๆ จึงได้พยายามคลานต่ำเพื่อออกไปนอกห้องได้สำเร็จ จากนั้นจึงบอกกับน้องชายว่าผมจะขึ้นไปบอกแม่ให้หนีออกจากตัวอาคารก่อน โดยให้น้องชายไปหาถังดับเพลิง จึงได้แยกกันกับน้องชายเพื่อไปปลุกแม่ ระหว่างทางที่จะขึ้นไปชั้นบน ผมก็ตะโกนบอกตามทางเดินไปด้วยว่า “ไฟไหม้ๆๆ” เพื่อให้ห้องอื่นๆได้รับทราบ และ น้องชายก็วิ่งไปหาถังดับเพลิงและกดปุ่ม fire alarm เพื่อแจ้งเหตุไฟไหม้ พอไปถึงห้องแม่ผมก็ค่อยๆที่จะบอกให้แม่รับทราบถึงเหตุการณ์เพื่อไม่ให้ตกใจมาก และบอกให้เค้ารีบลงไปรอชั้นล่างด้านนอกอาคาร
หลังจากบอกแม่แล้วผมก็ย้อนกลับมาที่ห้องพัก ในความมืดจากเขม่าควันผมเห็นภาพได้เป็นลางๆว่าต้นเพลิงอยู่บริเวณท้ายห้องนั่งเล่น จึงตัดสินใจฝ่ากลุ่มเขม่าเข้าไปหมายจะสกัดเพลิงให้ได้ (นึกขึ้นมาได้ว่าบริเวณนั้นมีถังน้ำดื่ม sprinkle ที่เพิ่งสั่งมา เป็นถังบรรจุน้ำดื่มขนาดประมาณ 19 ลิตร) โดยกึ่งวิ่งกึ่งคลานกลับเข้าไปในที่เกิดเหตุเพื่อเลื่อนประตูด้านหลังออกให้สามารถระบายควันออกทางระเบียงอีกทาง เมื่อเปิดประตูได้ควันก็ทะลักออกไปนอกอาคารทำให้ผมมองเห็นต้นเพลิงได้ชัดมากขึ้น มันคือตู้เย็นนั่นเอง ไฟได้ลามขึ้นผนังด้านหลังตู้เย็น และ เพดานด้านบนตู้เย็น ผมรีบกลับเข้าไปและใช้น้ำดื่มในถังสาดเข้าดับเปลวไฟ ได้ประมาณครึ่งถังก็เริ่มหมดแรง จึงรีบคลานออกจากบริเวณต้นเพลิง ออกไปนอกห้องอีกครั้งหนึ่ง เมื่อออกมาถึงน้องชายของผมได้หิ้วถังดับเพลิงมาถึงหน้าห้องพอดี ผมจึงรีบช่วยกันแกะสลักของถังดับเพลิง และบอกให้น้องชายเข้าไปซ้ำอีกรอบเนื่องจากเพลิงยังคงลุกไหม้อยู่อย่างต่อเนื่อง น้องชายข้าพเจ้าได้เข้าไปฉีดผงดับเพลิงประมาณไม่เกิน 3 นาทีก็รีบวิ่งออกมา และบอกผมว่าดับได้แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะสงบหรือยัง ผมและน้องชายรีบวิ่งไปที่ทางหนีไฟเพื่อสูดอากาศ และ รอสังเกตการณ์อีกประมาณ 5 นาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารมาถึงที่เกิดเหตุ ผมจึงรีบวิ่งขึ้นไปดูแม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าแม่ออกจากห้องไปแล้ว หลังจากนั้นจึงรีบลงไปหาแม่ด้านล่าง และ ซักพักรถดับเพลิงก็มาถึง ผมและน้องชายเริ่มจะหมดสติ เนื่องจากสูดควันพิษเข้าไปเยอะมาก จึงถูกนำส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล BHN ในเวลาประมาณ 4.45 น
หลังจากผมและน้องชายไปถึงโรงพยาบาล ก็ได้รับการให้อ๊อกซิเจน พร้อมทั้งนำตัวไป x-ray ปอด และ อีกหลาย ขั้นตอน จนถึงเวลาประมาณ 6.30 น. ผมและน้องชายจึงได้เข้าห้องพัก จากนั้นผมได้รับแจ้งทางโทรศัพท์มือถือ (สิ่งเดียวที่คว้ามาได้) ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และ ได้แจ้งสาเหตุเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการว่า ต้นเพลิงเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของคอมเพรสเซอร์ ของตู้เย็น จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้น และลามไปยังส่วนต่างๆ ภายในห้องอย่างรวดเร็ว
ผมพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ 4 วัน พ่อและพี่สาวได้เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันอัคคีภัยเพื่อสำรวจความเสียหาย และ ถ่ายภาพในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ในบริเวณต่างๆ ที่เสียหาย โดยเฉพาะตู้เย็นที่เป็นต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมด จากนั้นน้องชายผมซึ่งได้รับบาดเจ็บน้อยกว่าได้ออกจากโรงพยาบาลไปก่อน และ ได้ติดต่อบริษัทฯ เจ้าของผลิตภัณฑ์ ตู้เย็น เพื่อแจ้งให้ทางบริษัทฯ รับทราบและเข้ามาตรวจสอบ
ส่วนนี้สำคัญครับ หลังจากบริษัทฯ เข้าตรวจสอบตู้เย็นแล้ว ได้แจ้งขอนำสินค้ากลับไปโดยให้เหตุผลว่าจะนำกลับไปให้แผนก R&D ตรวจสอบหาสาเหตุ ซึ่งผมปฏิเสธที่จะให้นำตู้เย็นกลับไป เนื่องจากผมไม่แน่ใจในความโปร่งใสของบริษัทฯ หลังจากนั้นอีก 2 วัน ทางบริษัทฯ ก็พยายามติดต่อผมมาอีก โดยแจ้งว่าจะให้วิศวะกร เข้ามาตรวจสอบตู้เย็นอีกครั้ง และ ก็เป็นดังคาดครับทางวิศวะกรบริษัทฯ ก็ขอนำตู้เย็นกลับไปอีก และผมก็ปฎิเสธเป็นครั้งที่ 2 เหตุการ์ณนี้มีสิ่งที่เป็นข้อพึงระวังคือ การส่งมอบหลักฐานให้กับบริษัทผู้ผลิตนั้น จะทำให้การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และ หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไม่สมบูรณ์หากไม่ได้มีการร่วมกันตรวจสอบ
หลังจากผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทางบริษัทฯ ตู้เย็น ก็ติดต่อขอให้ผมเข้าไปรับเอกสารหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทฯ ที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากบริษัทฯ ประกันอัคคีภัยขอให้เจ้าของผลิตภัณฑ์รับรองความเสียหาย สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ สุดๆ คือความเจ้าเล่ห์เพทุบายของ บริษัทฯ ตู้เย็น เค้าพยายามให้ผมและน้องชายเซนต์รับรองเอกสารบางอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้นำเอกสารมาให้ข้าพเจ้าและน้องชายเซนต์รับรอง โดยบริษัทฯแจ้งว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารรับรองความเสียหายของผลิตภัณฑ์ และ แจ้งว่าผมและน้องชายต้องเซนต์รับรองเอกสารฉบับนี้ด้วย จากที่ผมอ่านดูรายละเอียดในเอกสารพบว่า มีความคลุมเคลือไม่ชัดเจนเนื่องจาก บริษัทฯ อื่น ๆ (เช่น Daikin, SB Furniture) ที่ส่งหนังสือรับรองความเสียหายให้ผมโดยไม่ต้องมีเอกสารที่ต้องเซนต์รับรองเหมือนของบริษัทฯ ตู้เย็น สิ่งที่ผมคาดเดาจากเหตุการณ์นี้คือ ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมเอกสารคล้าย ๆ กับจะให้ผมเซนต์ยอมรับ อะไรบางอย่าง ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เป็นเอกสารในทางคดีความต่อไปหากมีการฟ้องร้อง โชคยังดีที่ผมและน้องชายไม่ได้เซนต์อะไรไป
ผมเริ่มคิดในใจว่าทำไมผมไม่ส่งเรื่องร้องเรียนกับ สคบ หละ หลังจากฉุกคิดขึ้นมาได้ก็รีบส่งเรื่องร้องเรียน สคบ ผ่านทาง website ในวันที่ 7 ส.ค. 2553 และ ได้นัดหมายเข้าส่งหลักฐานเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น เช่น บันทึกประจำวัน หนังสือชี้แจงเหตุเพลิงไหม้ของ นิติบุคคลฯ รูปภาพในวันเกิดเหตุ ฯลฯ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2553 ที่ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ หลังจากนั้นวันที่ 27 ส.ค. 2553 ทางช่อง 7 ให้ความสนใจกับกรณีของผม จึงเข้ามาถ่ายทำเรื่องเตือนภัย เพื่อให้พวกเราได้พึงระวังกับสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ได้ และ ผมเองคาดหวังว่าเหตุการ์ณครั้งนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยให้ทุก ๆ คนได้รับทราบว่าจะต้องรับมือกับอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นตามมาครับ ติดตามดูภาพได้จาก ลิงค์ครับ
นอกจากนี้ผมอยากให้บริษัทฯผู้ผลิตในบ้านเรามีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเหมือนประเทศอื่น ๆ เค้าบ้าง เช่น กรณีเรียกคืนตู้เย็นของ PANASONIC ในประเทศจีนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา http://economictimes.indiatimes.com/...ow/6259838.cms
ผมไม่แน่ใจว่าคนที่ใช้ตู้เย็นยี่ห้อเดียว รุ่นเดียวกับผมในประเทศไทยมีใครบ้าง และ ไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ นอนอยู่ดี ๆ ตื่นมาเจอไฟไหม้เกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบผม ซึ่งหากวันนั้นผมไม่ตื่นขึ้นมา วันนั้นผมไม่อยู่บ้าน หรือ คนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็น ผู้หญิง เด็กเล็ก คนแก่ อะไรจะเกิดขึ้น
และในขณะนี้ทางบริษัทฯตู้เย็นยังคงปฎิเสธการรับผิดชอบเนื่องจาก ผลพิสูจน์จากกองพิสูจน์หลักฐานยังไม่ออก (เค้าบอกว่าตัวเค้ายังไม่ผิดถ้าผลยังไม่ออก) ผมได้ส่งเรื่องเข้าร้องเรียน ทาง สคบ เนื่องจากกลัวความไม่โปร่งใส และขณะนี้ตู้เย็นดังกล่าวยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ผมไม่สามารถทราบได้เลยว่าขณะบริษัทฯตู้เย็น Lobby สื่อหรือไม่ แต่สิ่งที่น่าสงสัยคือ ผมไม่สามารถเข้าไปดูเรื่องราวเตือนภัยตู้เย็นระเบิดใน web ของช่อง 7 ได้ (ออกอากาศทางช่อง 7 ในวันที่ 31 สิงหาคม 2553 เวลา 19.30น) วันอื่นๆ ก่อนและหลัง ดูได้หมด เช่น 29, 30 ส.ค. 1, 2 ก.ย.)
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้คืออำนาจมืดครับ กองพิสูจน์หลักฐานเอง ก็ยังไม่มีคำตอบอะไรออกมา เวลาผ่านไปแล้ว 1 เดือน ครึ่ง
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ เพื่อนๆคิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ ผมอยากส่งผ่านเรื่องเตือนภัยเรื่องนี้ให้กับทุกๆคนครับ และ ขอให้ทุกท่านแคล้วคลาดปลอดภัยไม่เจอเหตุการณ์แบบที่ผมเจอ
Comment