สอบเสร็จก็มีเวลาว่างพอสมควร เลยศึกษาเรื่องแอมป์หลอดเพิ่ม เผื่ออนาคต
ผมอ่านจากที่นี่
http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/...p?topic=9267.0
ตั้งแต่ต้นจนจบก็รู้แค่ว่ามันทำงานยังไง แต่ไม่รู้ว่าไปเกี่ยวกับสัญญาณ Analogs ที่ตรงใหน -*-
ลองทำแบบจำลองในหัว อื่ม ... อิเล็คตรอนใด้รับไฟฟ้า วิ่งผ่านแผ่นโลหะ เหนี่ยวนำจนเกิดความร้อน
แล้วก็วิ่งไปทางนั้น เกิดเป็นไอ้นั่นไอ้นี่ สุดท้ายก็งงรับประทาน ? เพราะไม่เคยเรียนอิเล็ค
ถ้าผมสรุปสั้นๆ ว่ามันคือ C ตัวหนึ่ง ที่มีหลักการทำงานต่างจาก C ธรรมดา แต่ไช้หลักอิเล็คตรอนเหนี่ยวนำ
แทนการไช้กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านแบบ C แห้ง , Solid ในปัจจุบัน
ซึ่งหลักการคือกระแสไฟฟ้ากระตุ้นอิเล็กตรอนภายในหลอด เกิดความร้อน , ความหน่วงสัญญาณกระแสไฟฟ้า
เปลี่ยนแปลงรูปแบบความถี่บางประการ เกิดเป็นคลื่นกระแสไฟฟ้า แนวเสียง Analogs อันเป็นเอกลักษณ์ของหลอด
เพราะก่อนจะมี Chip + C แห้ง ในอดีตก็ไช้หลอดจำนวนมากมาก่อนไม่ไช่หรือ ?
ผมคิดว่า คำถามนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยบ่งบอกว่าห้อง Hi-end สมควร+พร้อมที่จะเปิดใด้หรือยัง
ผมอ่านจากที่นี่
http://www.ubmthai.com/leksoundsmf3/...p?topic=9267.0
ตั้งแต่ต้นจนจบก็รู้แค่ว่ามันทำงานยังไง แต่ไม่รู้ว่าไปเกี่ยวกับสัญญาณ Analogs ที่ตรงใหน -*-
ลองทำแบบจำลองในหัว อื่ม ... อิเล็คตรอนใด้รับไฟฟ้า วิ่งผ่านแผ่นโลหะ เหนี่ยวนำจนเกิดความร้อน
แล้วก็วิ่งไปทางนั้น เกิดเป็นไอ้นั่นไอ้นี่ สุดท้ายก็งงรับประทาน ? เพราะไม่เคยเรียนอิเล็ค
ถ้าผมสรุปสั้นๆ ว่ามันคือ C ตัวหนึ่ง ที่มีหลักการทำงานต่างจาก C ธรรมดา แต่ไช้หลักอิเล็คตรอนเหนี่ยวนำ
แทนการไช้กระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านแบบ C แห้ง , Solid ในปัจจุบัน
ซึ่งหลักการคือกระแสไฟฟ้ากระตุ้นอิเล็กตรอนภายในหลอด เกิดความร้อน , ความหน่วงสัญญาณกระแสไฟฟ้า
เปลี่ยนแปลงรูปแบบความถี่บางประการ เกิดเป็นคลื่นกระแสไฟฟ้า แนวเสียง Analogs อันเป็นเอกลักษณ์ของหลอด
เพราะก่อนจะมี Chip + C แห้ง ในอดีตก็ไช้หลอดจำนวนมากมาก่อนไม่ไช่หรือ ?
ผมคิดว่า คำถามนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยบ่งบอกว่าห้อง Hi-end สมควร+พร้อมที่จะเปิดใด้หรือยัง
Comment