เรื่องมีอยู่ว่า ผมถอย 470 มาวันนี้
เล่นนู่นเล่นนี่ เทสไปๆ มาๆ
สะใจกับ FPS พุ่งๆ
แล้วอยู่ดีๆ ไปนึกอะไรไม่รู้เกี่ยวกับ Vsync
ตามที่ผมได้ศึกษามาจากใน OCZ นี้แหละครับ ได้ข้อสรุปประมาณว่า
การเปิด Vsync (Vertical Synchonization) จะทำการล็อค Framerate ของการประมวณผลของการ์ดจอให้ประมวณผมตามค่าคามถี่ Refresh Rate ของจอ monitor ของเรานั่นก็คือ 60Hz เป็นส่วนมาก
ซึ่งการที่มีการ์ดจอแรงๆ แล้วไปเปิด Vsync นั้นมันเหมือนกับว่าซื้อมาใช้ไม่คุ้มค่า เพราะการ์ดจอเราอาจสามารถวิ่งได้ 120 fps แต่พอเปิด Vsync แล้วมันเหลือแค่ 60 fps!!! ครึ่งนึงเลยนะนั่น แล้วจะเปิดทำไม?!?!?
ผมเข้าใจแบบนี้มาตลอดครับ จนวันนี้ได้ลองคิดๆ ลองเทส อะไรแปลกๆดู
การเปิด Vsync มีข้อดีอย่างไร? ถ้ามันไม่ดีทำไมมันถึงมีให้เราเลือกละ มันต้องมีอะไรดีอยู่บ้างละ
อย่างแรกเลยที่ผมสังเกตุได้จากการเปิด Vsync - ภาพมันลื่นขึ้น ทำไมถึงลื่นขึ้น? ทั้งๆที่ fps มันลดเนี่ยนะ????
ใช่ครับ FPS มันลด แต่มันวิ่งที่ 60 FPS ตลอด ซึ่งสายตามนุษย์เราไม่สามารถแยกออกได้ระหว่าง 60 fps กับ 120 fps ครับ อันนี้คือความจริงครับ
แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันลื่นขึ้นคือ ..... ภาพที่มันชอบแตกๆ แยกๆ ฉีกๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร แต่เว็บนอกเค้าเรียกกันว่า Screen Tearing
Tearing คือการที่การ์ดจอประมาวณผลออกมา ไวกว่า/ช้ากว่า/ไม่พร้อมกัน กับหน้าจอ monitor ของเราทำให้เกิดการ ฉีกขาดของภาพขึ้น ส่วนมากเราจะพบตอนฉากในเกมเปลี่ยนมุมกล้องไวๆ ประมาณนั้น แต่ถ้าไม่ได้สังเกตุมันมองไม่เห็นหรอกครับ
ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่สนใจ เล่นเกมพร้อมเปิด Fraps ดู FPS สบายใจ มีความสุข เลขสูงๆ ยิ่งรู้สึกเล่นสนุกกว่าเดิม
แต่มาวันนี้ มาสังเกตุเข้าจริงๆจัง.........Tearing เยอะเหมือนกันนะนั่นถ้าเทียบกับการเปิด Vsync
Vsync ให้ภาพที่ลื่นกว่า แทบจะไม่พบหรืออาจจะไม่มี การฉีกขาด (Tearing) ของภาพเลย
ในเมื่อสายตาของเราแยกไม่ออกอยู่แล้วว่า 60 FPS กับ FPS ที่มากกว่านั้นมันต่างกันอย่างไร ผมเลยคิดว่าจากนี้ไปจะเปิด Vsync เล่นเกม
แต่ยังไม่จบ
นอกจากนั้นแล้ว Vsync ยังช่วยการ์ดจอเราอีกด้วยนะครับ
หลายคนอาจรู้แล้ว แต่ผมเชื่อว่าต้องมีคนไม่รู้ เพราะผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้ เมื่อกี้นี้เองว่า
การเปิด Vsync ช่วยลดอุณภูมิของการ์ดจอครับ เพราะมันประมวณเต็มที่แค่ 60 fps แต่ถ้าเปิด Vsync มันอาจพุ่งไป 80,100,120 อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งทำให้การ์ดจอทำงานหนักขึ้น
ผมได้ทำการเทสกับ Benchmark ของ Dirt 2 กับ Resident Evil 5 ครับ
Spec
Core i5 760 2.80GHz @ 3.60GHz
Ram Corsair DDR3/1600 2x2GB
VGA Manli GTX 470 เดิมๆ ปรับพัดลมใน MSI Afterburner อย่างเดียว
ใช้ HWmonitor ดูความร้อนของแต่ละการ run benchmark แล้ว reset ค่า ใหม่ ดูที่ว่า Max Temp.
ได้ผลออกมาตามที่คาดไว้ (ผมไม่ได้ทำ SS ไว้เลยครับ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนกระทู้นี้ เพียงแต่จดไว้ลงกระดาษ แถมจดมาแบบหยาบๆ อีกด้วย) ถ้ามีเวลาว่างๆ เดี๋ยวผมมาอัพรูปให้ดูครับ หรือใครว่างก็ไปลองดูได้ครับ
Dirt 2
Vsync OFF - 88.5 fps , 70 องศา
Vsync ON - 60 fps (ก็ต้องแน่อยู่แล้ว -*-) , 64 องศา!!
Resident Evil 5
Vsync OFF - 104.5 fps , 73 องศา
Vsync ON - 60 fps (เหอๆ) , 66 องศา!!!!!!
UPDATE! เอาผลเทสมาให้ดูกันครับว่าความร้อนมันลดลงจิงๆ ครับ เทสมาเกมเดียวนะครับ Resident Evil 5 ครับที่เลือกเกมนี้เพราะ Benchmark มันนานดี จะได้ทดสอบกับความร้อนได้ดีหน่อย ยาวประมาณ 10 นาทีกว่าๆได้มั้ง ไม่ได้จับเวลาครับ อิอิ
ปล. FPS ตกมาหน่อยนึงตอนปิด Vsync ถ้าเทียบกับของเดิมที่ผมโพสไว้ เพราะคราวนี้ผมเปิด Triple Buffering ด้วย อิอิ
Vsync OFF
Vsync ON
นอกจากเปิด Vsync จะทำให้ภาพลื่นขึ้นเพราะภาพไม่ฉีก (Tearing) ยังลดอุญหภูมิการ์ดจอเราอีกด้วย!!!
ทีนี้หลายๆ คนคงถาม.....แล้วจะซื้อการ์ดจอแพงๆ Spec สูงๆมาทำไม เอามาก็เปิด Vsync เล่นได้แค่ 60fps เอง????
การเล่นเกมให้ได้ภาพสวย ไม่ได้อยู่ที่ FPS นะครับ มันอยู่ที่หลายองค์ประกอบ
เช่นการปรับ AA, Motion Blur และอีกเยอแยะตามที่เกมส์มันมีให้เราเลือก
การที่เราใช้การ์ดแรงๆ ก็เพื่อ ให้ปรับความสวยงามของภาพให้ได้มากที่สุดในขณะที่ FPS เราจะไม่ตกมาต่ำกว่า 60fps
อย่าลืม!! 60fps กับ 120fps กับ 300fps หรือ 500fps สายตาเราแยกไม่ออก! มีแต่โปรแกรมที่แยกให้เราดู ทำให้เรายึดติดไปกับมัน
แต่ fps ต่ำกว่า 50 ลงมานี่เราเริ่มเครียดแล้ว เริ่มมีกระตุกให้เห็นแล้ว
ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ
แค่อยากมาเล่าให้ฟัง มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ
ใครมีความคิดเห็นอะไรยังไง ขัดแย้งหรืออะไรได้เลยนะครับ คิดซะว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ
อันนี้คือผมแค่รู้สึกกับตัวเองและจากสายตาตัวเองครับ
ขอบคุณครับ
จะเปิดหรือปิด Vsync ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลแล้วละครับว่าคิดกันมุมไหน
ส่วนผม ขอเปิดคร้าบบบ
เล่นนู่นเล่นนี่ เทสไปๆ มาๆ
สะใจกับ FPS พุ่งๆ
แล้วอยู่ดีๆ ไปนึกอะไรไม่รู้เกี่ยวกับ Vsync
ตามที่ผมได้ศึกษามาจากใน OCZ นี้แหละครับ ได้ข้อสรุปประมาณว่า
การเปิด Vsync (Vertical Synchonization) จะทำการล็อค Framerate ของการประมวณผลของการ์ดจอให้ประมวณผมตามค่าคามถี่ Refresh Rate ของจอ monitor ของเรานั่นก็คือ 60Hz เป็นส่วนมาก
ซึ่งการที่มีการ์ดจอแรงๆ แล้วไปเปิด Vsync นั้นมันเหมือนกับว่าซื้อมาใช้ไม่คุ้มค่า เพราะการ์ดจอเราอาจสามารถวิ่งได้ 120 fps แต่พอเปิด Vsync แล้วมันเหลือแค่ 60 fps!!! ครึ่งนึงเลยนะนั่น แล้วจะเปิดทำไม?!?!?
ผมเข้าใจแบบนี้มาตลอดครับ จนวันนี้ได้ลองคิดๆ ลองเทส อะไรแปลกๆดู
การเปิด Vsync มีข้อดีอย่างไร? ถ้ามันไม่ดีทำไมมันถึงมีให้เราเลือกละ มันต้องมีอะไรดีอยู่บ้างละ
อย่างแรกเลยที่ผมสังเกตุได้จากการเปิด Vsync - ภาพมันลื่นขึ้น ทำไมถึงลื่นขึ้น? ทั้งๆที่ fps มันลดเนี่ยนะ????
ใช่ครับ FPS มันลด แต่มันวิ่งที่ 60 FPS ตลอด ซึ่งสายตามนุษย์เราไม่สามารถแยกออกได้ระหว่าง 60 fps กับ 120 fps ครับ อันนี้คือความจริงครับ
แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันลื่นขึ้นคือ ..... ภาพที่มันชอบแตกๆ แยกๆ ฉีกๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกว่าอะไร แต่เว็บนอกเค้าเรียกกันว่า Screen Tearing
Tearing คือการที่การ์ดจอประมาวณผลออกมา ไวกว่า/ช้ากว่า/ไม่พร้อมกัน กับหน้าจอ monitor ของเราทำให้เกิดการ ฉีกขาดของภาพขึ้น ส่วนมากเราจะพบตอนฉากในเกมเปลี่ยนมุมกล้องไวๆ ประมาณนั้น แต่ถ้าไม่ได้สังเกตุมันมองไม่เห็นหรอกครับ
Originally posted by bears
View Post
Originally posted by beautyless
View Post
ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่สนใจ เล่นเกมพร้อมเปิด Fraps ดู FPS สบายใจ มีความสุข เลขสูงๆ ยิ่งรู้สึกเล่นสนุกกว่าเดิม
แต่มาวันนี้ มาสังเกตุเข้าจริงๆจัง.........Tearing เยอะเหมือนกันนะนั่นถ้าเทียบกับการเปิด Vsync
Vsync ให้ภาพที่ลื่นกว่า แทบจะไม่พบหรืออาจจะไม่มี การฉีกขาด (Tearing) ของภาพเลย
ในเมื่อสายตาของเราแยกไม่ออกอยู่แล้วว่า 60 FPS กับ FPS ที่มากกว่านั้นมันต่างกันอย่างไร ผมเลยคิดว่าจากนี้ไปจะเปิด Vsync เล่นเกม
แต่ยังไม่จบ
นอกจากนั้นแล้ว Vsync ยังช่วยการ์ดจอเราอีกด้วยนะครับ
หลายคนอาจรู้แล้ว แต่ผมเชื่อว่าต้องมีคนไม่รู้ เพราะผมเองก็เพิ่งรู้วันนี้ เมื่อกี้นี้เองว่า
การเปิด Vsync ช่วยลดอุณภูมิของการ์ดจอครับ เพราะมันประมวณเต็มที่แค่ 60 fps แต่ถ้าเปิด Vsync มันอาจพุ่งไป 80,100,120 อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งทำให้การ์ดจอทำงานหนักขึ้น
ผมได้ทำการเทสกับ Benchmark ของ Dirt 2 กับ Resident Evil 5 ครับ
Spec
Core i5 760 2.80GHz @ 3.60GHz
Ram Corsair DDR3/1600 2x2GB
VGA Manli GTX 470 เดิมๆ ปรับพัดลมใน MSI Afterburner อย่างเดียว
ใช้ HWmonitor ดูความร้อนของแต่ละการ run benchmark แล้ว reset ค่า ใหม่ ดูที่ว่า Max Temp.
ได้ผลออกมาตามที่คาดไว้ (ผมไม่ได้ทำ SS ไว้เลยครับ เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนกระทู้นี้ เพียงแต่จดไว้ลงกระดาษ แถมจดมาแบบหยาบๆ อีกด้วย) ถ้ามีเวลาว่างๆ เดี๋ยวผมมาอัพรูปให้ดูครับ หรือใครว่างก็ไปลองดูได้ครับ
Dirt 2
Vsync OFF - 88.5 fps , 70 องศา
Vsync ON - 60 fps (ก็ต้องแน่อยู่แล้ว -*-) , 64 องศา!!
Resident Evil 5
Vsync OFF - 104.5 fps , 73 องศา
Vsync ON - 60 fps (เหอๆ) , 66 องศา!!!!!!
UPDATE! เอาผลเทสมาให้ดูกันครับว่าความร้อนมันลดลงจิงๆ ครับ เทสมาเกมเดียวนะครับ Resident Evil 5 ครับที่เลือกเกมนี้เพราะ Benchmark มันนานดี จะได้ทดสอบกับความร้อนได้ดีหน่อย ยาวประมาณ 10 นาทีกว่าๆได้มั้ง ไม่ได้จับเวลาครับ อิอิ
ปล. FPS ตกมาหน่อยนึงตอนปิด Vsync ถ้าเทียบกับของเดิมที่ผมโพสไว้ เพราะคราวนี้ผมเปิด Triple Buffering ด้วย อิอิ
Vsync OFF
Vsync ON
นอกจากเปิด Vsync จะทำให้ภาพลื่นขึ้นเพราะภาพไม่ฉีก (Tearing) ยังลดอุญหภูมิการ์ดจอเราอีกด้วย!!!
ทีนี้หลายๆ คนคงถาม.....แล้วจะซื้อการ์ดจอแพงๆ Spec สูงๆมาทำไม เอามาก็เปิด Vsync เล่นได้แค่ 60fps เอง????
การเล่นเกมให้ได้ภาพสวย ไม่ได้อยู่ที่ FPS นะครับ มันอยู่ที่หลายองค์ประกอบ
เช่นการปรับ AA, Motion Blur และอีกเยอแยะตามที่เกมส์มันมีให้เราเลือก
การที่เราใช้การ์ดแรงๆ ก็เพื่อ ให้ปรับความสวยงามของภาพให้ได้มากที่สุดในขณะที่ FPS เราจะไม่ตกมาต่ำกว่า 60fps
อย่าลืม!! 60fps กับ 120fps กับ 300fps หรือ 500fps สายตาเราแยกไม่ออก! มีแต่โปรแกรมที่แยกให้เราดู ทำให้เรายึดติดไปกับมัน
แต่ fps ต่ำกว่า 50 ลงมานี่เราเริ่มเครียดแล้ว เริ่มมีกระตุกให้เห็นแล้ว
ก็ไม่มีอะไรแล้วครับ
แค่อยากมาเล่าให้ฟัง มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครับ
ใครมีความคิดเห็นอะไรยังไง ขัดแย้งหรืออะไรได้เลยนะครับ คิดซะว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ
อันนี้คือผมแค่รู้สึกกับตัวเองและจากสายตาตัวเองครับ
ขอบคุณครับ
จะเปิดหรือปิด Vsync ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลแล้วละครับว่าคิดกันมุมไหน
ส่วนผม ขอเปิดคร้าบบบ
Comment