เอเอ็มดีได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ในชื่อ Spider ซึ่งในแพลตฟอร์มนี้ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ 3 ชนิดคือ AMD Phenom Processor, AMD 7 Series Chipset, ATI Radeon HD3800 Series โดยแพลตฟอร์มนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นแพลตฟอร์มที่อัพเกรดได้ง่าย รวมทั้งมีแบนด์วิดธ์ในการทำงานที่สูงเพื่อตอบสนองกับยุคของเทคโนโลยี Hi Def และยังมีคุณสมบัติการประหยัดพลังงานอีกด้วย
AMD Phenom Processor
ในอันดับแรกก็คือซีพียูในระดับ Desktop รุ่นใหม่ล่าสุดจากทางเอเอ็มดีที่ชื่อว่า Phenom ซึ่งการมาของ AMD Phenom Processor นั้นจะมาแทนรหัสเดิมที่ใช้งานมานานของ "Athlon" นั่นเอง ซึ่งซีพียูตระกูล Phenom นั้นยังคงแบ่งออกเป็นหลายระดับเหมือนเดิมอีกด้วย โดยจะแบ่งออกเป็นสามซีรีส์คือ Phenom FX - 80 Series เป็นรุ่นที่มีความแรงมากที่สุด Phenom 9000 Series ที่เป็นซีพียูแบบ Quad Core และ Phenom 8000 Series ที่เป็นซีพียูแบบ Triple Core ซึ่งในปัจจุบันได้เปิดตัวออกมาแล้วสองโมเดลด้วยกันคือ AMD Phenom 9500 และ AMD Phenom 9600
โครงสร้างภายใน Phenom
Whats New on Phenom
Phenom มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจใหม่ๆ ดังนี้
True Quad Core - โดย AMD Phenom เป็นซีพียู Quad Core แท้ตัวแรกของโลกที่เป็นซีพียู 4 Core บน 1 die ซึ่งไม่เหมือนกับซีพียู Quad Core ของคู่แข่งที่มี 4 Core บน 2 die ซึ่งนี่นับเป็นจุดเด่นที่ AMD กล่าวว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานแบบมัลติคอร์อย่างแท้จริงซึ่ง True Quad Core มีข้อดีอยู่ที่การส่งข้อมูลระหว่าง Core บนซีพียู เพราะในครั้งที่ Quad Core ในสมัยแรกๆ นั้นเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นไปแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากการเอาซีพียู Dual Core สองตัวมาประกบกัน โดยยังคงใช้ช่องทางสื่อสารเท่าเดิม ดังนั้นระบบการเดินทางของข้อมูลและการใช้แคชอาจต้องใช้เวลามากขึ้น เนื่องจาก L2 Cache ที่แชร์กันอยู่นั้นไม่ได้แชร์ตลอดแนวทั้ง 4 Core การย้ายข้อมูลจาก Core ที่ 1 ไป Core ที่ 3 ซึ่งอยู่คนละฝั่งกันทำให้ต้องส่งข้อมูลผ่านไปยังหน่วยความจำก่อน ซึ่งเสียเวลามาก ในขณะที่ AMD ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Direct Connect ด้วยความช่วยเหลือจาก Crossbar ที่อยู่ในโครงสร้างซีพียูของ AMD ช่วยให้สามารถโยกย้ายข้อมูลระหว่าง Core ได้อย่างสะดวก และลดปัญหาคอขวดที่เกิดขึ้นภายในตัวซีพียูได้
Integrated Memory Controller - Phenom นั้นยังคงใช้เมมโมรีคอนโทรลเลอร์แบบภายในที่นำมาใช้งานตั้งแต่สมัย Althon แล้วโดยพัฒนาให้สามรถรองรับความเร็วของเมมโมรีได้เร็วขึ้นเป็น DDR2 1066MHz จากเดิมในแพลตฟอร์ม AM2 ที่รองรับได้สูงสุด DDR2 800MHz โดยประโยชน์ของการมีเมโมรีคอนโทรลเลอร์แบบภายในนั้นจะช่วยให้การทำงานระหว่างซีพียูและเมมโมรีมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
L3 Cache - สำหรับ Cache L3 นั้นใน Phenom จะมีขนาด 2MB ในแบบแชร์ต่อกันตลอดทั้งแนว 4 Core เพื่อช่วยให้การใช้งานข้อมูลร่วมกันระหว่าง Core เป็นไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น สำหรับในส่วนของ L2 cache นั้นจะแยกอิสระต่อกันของคอร์ซีพียู โดยจะมีขนาด L2 cache ทั้งหมด 2MB เช่นกัน แต่จะเป็นในแบบ 512kB x 4 L2 cache
HyperTransport 3.0 - ในเวอร์ชั่นนี้ได้เพิ่มแบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 16GB/s มีความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ที่ 3.6GHz ซึ่งมากกว่า HT 1.0 อยู่ประมาณ 2.25 เท่า และ HT 2.0 ประมาณ 1.8 เท่า โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้แอพพลิเคชันที่ใช้แบนด์วิดธ์สูงๆ อย่างเช่น การเล่นไฟล์หนัง Hi Def 1080P หรือการเล่นเกมสามมิติความละเอียดสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Socket AM2+ - มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับซีพียู Phenom นี้ก็คือ Socket AM2+ ซึ่งเป็น Socket ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยลักษณะยังเหมือน Socket AM2 ทุกประการแต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ AM2+ จะรองรับ HT 3.0 ส่วน AM2 จะรองรับ HT 2.0 และ1.0 ส่วนอีกอย่างคือรูปแบบการจ่ายไฟ โดยใน AM2+ ได้พัฒนาให้ระบบจ่ายไฟมีการทำงานแยกจากกันระหว่างเมโมรี
คอนโทรลเลอร์และซีพียู ช่วยให้เมโมรีคอนโทรลเลอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นและซีพียูก็สามารถประหยัดไฟลงได้อีกด้วย โดยซีพียูที่เป็น Socket AM2+ นั้นยังคงสามารถนำมาใช้กับเมนบอร์ด Socket AM2 ได้แต่ว่าจะไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นการจ่ายไฟที่กล่าวมา และการรับส่งข้อมูลของ HT 3.0 นั้นจะทำงานไม่เต็มความเร็ว จะสามารถทำงานได้เทียบเท่า HT 2.0 เท่านั้น
Cool n Quiet 2.0 Technology - ระบบของซีพียู Phenom ได้รับการปรับปรุงให้มีความสามารถในการประหยัดไฟมากขึ้น โดยซีพียู Phenom จะมีชุดควบคุมความเร็วและชุดจ่ายไฟในแต่ละคอร์แยกกันอย่างอิสระ โดยปรับความเร็วคอร์และการใช้พลังงานตามภาระหรือ load ที่เกิดตามแต่ละคอร์ โดยส่งผลให้อุณหภูมิในการทำงานและการใช้พลังงานของซีพียูลดต่ำลงอีกด้วย
AMD 7 Series Chipset
ชิพเซ็ตที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Spider นี้ก็คือ AMD 7 Series ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ AMD 790FX ที่มีความสามารถต่อการ์ดจอได้ถึงสี่ตัวในเมนบอร์ดเดียว พร้อมทั้งสุดยอดฟังก์ชั่นโอเวอร์คล็อกอีกตัวคือ AMD 790X ที่รองรับการต่อการ์ดจอได้สูงสุดสองตัวและสุดท้ายกับ AMD 770 ที่รองรับการติดตั้งการ์ดจอตัวเดียว โดยชิพเซ็ตในซีรีส์นี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจก็คือ
ATI CrossFireX - โดยเทคโนโลยีนี้จะสามารถต่อการ์ดจอให้ทำงานพร้อมกันได้มากถึงสี่ตัว ซึ่งหมายความว่าเราสามารถต่อจอภาพได้มากถึงแปดจออีกด้วย และเมื่อต่อการ์ดจอพร้อมกันสี่ตัวระบบ CrossFireX จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นมากขึ้นถึงสี่เท่าตัว
AMD OverDrive - เป็นโปรแกรมที่ทำให้เราสามารถปรับแต่งค่าการทำงานต่างๆ ของระบบได้อย่างง่ายดาย หรือพูดง่ายๆ ก็คือโปรแกรมสำหรับการโอเวอร์คล็อกนั่นเอง ซึ่งมันจะสามารถปรับแต่งค่าทุกอย่างใน Bios ที่เกี่ยวข้องกับการโอเวอร์คล็อกได้จากใน Windows โดยที่ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับ Bios เลย ซึ่งจะเป็นการสะดวกต่อการโอเวอร์คล็อกสำหรับผู้ใช้งานทั่วๆ ไป
ATI Radeon HD3870
ATI Radeon HD3850
ATI Radeon HD3800 Series
อีกหนึ่งในองค์ประกอบหลักของเพลตฟอร์มนี้ก็คือการ์ดจอ โดยเอเอ็มดีได้เปิดตัว ATI Radeon HD3800 Series ซึ่งเป็นการ์ดจอซีรีส์ใหม่ล่าจากทาง ATI โดยในปัจจุบันมีด้วยกันสองรุ่น ได้แก่ ATI Radeon HD3870 และ ATI Radeon HD3850 โดยการ์ดจอในซีรีส์นี้ได้เพิ่ม API ตัวใหม่อย่าง DirectX 10.1 พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนอินเตอร์เฟสมาเป็น PCI Express เวอร์ชั่น 2.0 อีกด้วย ซึ่งการ์ดจอ ATI Radeon HD3800 Series นี้ได้รองรับเทคโนโลยี CrossFireX อย่างสมบูรณ์ส่วนอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ
ATI Avivo HD Video โดยเทคโนโลยีนี้จะพร้อมกับการ์ดจอในซีรีส์นี้ทุกตัว โดยมีความสามารถในการช่วยถอดรหัสไฟล์หนังประเภท Hi Def ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้พลังงานการคำนวนจากซีพียูน้อยมาก ซึ่งมีผลการใช้พลังในระบบโดยรวมลดลงอีกด้วย
นับว่าการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ของเอเอ็มดีในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเอเอ็มดีหลังจากที่เงียบไปนาน และการกลับมาในครั้งนี้จะทำให้เอเอ็มดีกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้งหรือไม่คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนทางด้านประสิทธิภาพที่หลายๆ คนสงสัยว่ามันจะดีขึ้นมากขนาดไหนคงต้องรอกันอีกสักพักนึง เมื่อเราได้ชุดทดสอบจริงมาเมื่อไรจะรีบนำมาให้ได้รับชมกันอย่างเร็วที่สุดครับ
เสียบการ์ดจอได้มากถึงสี่ตัว
เครดิต จาก Web online-station
AMD Phenom Processor
ในอันดับแรกก็คือซีพียูในระดับ Desktop รุ่นใหม่ล่าสุดจากทางเอเอ็มดีที่ชื่อว่า Phenom ซึ่งการมาของ AMD Phenom Processor นั้นจะมาแทนรหัสเดิมที่ใช้งานมานานของ "Athlon" นั่นเอง ซึ่งซีพียูตระกูล Phenom นั้นยังคงแบ่งออกเป็นหลายระดับเหมือนเดิมอีกด้วย โดยจะแบ่งออกเป็นสามซีรีส์คือ Phenom FX - 80 Series เป็นรุ่นที่มีความแรงมากที่สุด Phenom 9000 Series ที่เป็นซีพียูแบบ Quad Core และ Phenom 8000 Series ที่เป็นซีพียูแบบ Triple Core ซึ่งในปัจจุบันได้เปิดตัวออกมาแล้วสองโมเดลด้วยกันคือ AMD Phenom 9500 และ AMD Phenom 9600
โครงสร้างภายใน Phenom
Whats New on Phenom
Phenom มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจใหม่ๆ ดังนี้
True Quad Core - โดย AMD Phenom เป็นซีพียู Quad Core แท้ตัวแรกของโลกที่เป็นซีพียู 4 Core บน 1 die ซึ่งไม่เหมือนกับซีพียู Quad Core ของคู่แข่งที่มี 4 Core บน 2 die ซึ่งนี่นับเป็นจุดเด่นที่ AMD กล่าวว่ามีประสิทธิภาพในการทำงานแบบมัลติคอร์อย่างแท้จริงซึ่ง True Quad Core มีข้อดีอยู่ที่การส่งข้อมูลระหว่าง Core บนซีพียู เพราะในครั้งที่ Quad Core ในสมัยแรกๆ นั้นเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นไปแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากการเอาซีพียู Dual Core สองตัวมาประกบกัน โดยยังคงใช้ช่องทางสื่อสารเท่าเดิม ดังนั้นระบบการเดินทางของข้อมูลและการใช้แคชอาจต้องใช้เวลามากขึ้น เนื่องจาก L2 Cache ที่แชร์กันอยู่นั้นไม่ได้แชร์ตลอดแนวทั้ง 4 Core การย้ายข้อมูลจาก Core ที่ 1 ไป Core ที่ 3 ซึ่งอยู่คนละฝั่งกันทำให้ต้องส่งข้อมูลผ่านไปยังหน่วยความจำก่อน ซึ่งเสียเวลามาก ในขณะที่ AMD ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Direct Connect ด้วยความช่วยเหลือจาก Crossbar ที่อยู่ในโครงสร้างซีพียูของ AMD ช่วยให้สามารถโยกย้ายข้อมูลระหว่าง Core ได้อย่างสะดวก และลดปัญหาคอขวดที่เกิดขึ้นภายในตัวซีพียูได้
Integrated Memory Controller - Phenom นั้นยังคงใช้เมมโมรีคอนโทรลเลอร์แบบภายในที่นำมาใช้งานตั้งแต่สมัย Althon แล้วโดยพัฒนาให้สามรถรองรับความเร็วของเมมโมรีได้เร็วขึ้นเป็น DDR2 1066MHz จากเดิมในแพลตฟอร์ม AM2 ที่รองรับได้สูงสุด DDR2 800MHz โดยประโยชน์ของการมีเมโมรีคอนโทรลเลอร์แบบภายในนั้นจะช่วยให้การทำงานระหว่างซีพียูและเมมโมรีมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
L3 Cache - สำหรับ Cache L3 นั้นใน Phenom จะมีขนาด 2MB ในแบบแชร์ต่อกันตลอดทั้งแนว 4 Core เพื่อช่วยให้การใช้งานข้อมูลร่วมกันระหว่าง Core เป็นไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น สำหรับในส่วนของ L2 cache นั้นจะแยกอิสระต่อกันของคอร์ซีพียู โดยจะมีขนาด L2 cache ทั้งหมด 2MB เช่นกัน แต่จะเป็นในแบบ 512kB x 4 L2 cache
HyperTransport 3.0 - ในเวอร์ชั่นนี้ได้เพิ่มแบนด์วิดธ์สูงสุดถึง 16GB/s มีความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ที่ 3.6GHz ซึ่งมากกว่า HT 1.0 อยู่ประมาณ 2.25 เท่า และ HT 2.0 ประมาณ 1.8 เท่า โดยเทคโนโลยีนี้จะทำให้แอพพลิเคชันที่ใช้แบนด์วิดธ์สูงๆ อย่างเช่น การเล่นไฟล์หนัง Hi Def 1080P หรือการเล่นเกมสามมิติความละเอียดสูงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Socket AM2+ - มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับซีพียู Phenom นี้ก็คือ Socket AM2+ ซึ่งเป็น Socket ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ โดยลักษณะยังเหมือน Socket AM2 ทุกประการแต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ AM2+ จะรองรับ HT 3.0 ส่วน AM2 จะรองรับ HT 2.0 และ1.0 ส่วนอีกอย่างคือรูปแบบการจ่ายไฟ โดยใน AM2+ ได้พัฒนาให้ระบบจ่ายไฟมีการทำงานแยกจากกันระหว่างเมโมรี
คอนโทรลเลอร์และซีพียู ช่วยให้เมโมรีคอนโทรลเลอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นและซีพียูก็สามารถประหยัดไฟลงได้อีกด้วย โดยซีพียูที่เป็น Socket AM2+ นั้นยังคงสามารถนำมาใช้กับเมนบอร์ด Socket AM2 ได้แต่ว่าจะไม่ได้ใช้ฟังก์ชั่นการจ่ายไฟที่กล่าวมา และการรับส่งข้อมูลของ HT 3.0 นั้นจะทำงานไม่เต็มความเร็ว จะสามารถทำงานได้เทียบเท่า HT 2.0 เท่านั้น
Cool n Quiet 2.0 Technology - ระบบของซีพียู Phenom ได้รับการปรับปรุงให้มีความสามารถในการประหยัดไฟมากขึ้น โดยซีพียู Phenom จะมีชุดควบคุมความเร็วและชุดจ่ายไฟในแต่ละคอร์แยกกันอย่างอิสระ โดยปรับความเร็วคอร์และการใช้พลังงานตามภาระหรือ load ที่เกิดตามแต่ละคอร์ โดยส่งผลให้อุณหภูมิในการทำงานและการใช้พลังงานของซีพียูลดต่ำลงอีกด้วย
AMD 7 Series Chipset
ชิพเซ็ตที่เปิดตัวออกมาพร้อมกับแพลตฟอร์ม Spider นี้ก็คือ AMD 7 Series ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ AMD 790FX ที่มีความสามารถต่อการ์ดจอได้ถึงสี่ตัวในเมนบอร์ดเดียว พร้อมทั้งสุดยอดฟังก์ชั่นโอเวอร์คล็อกอีกตัวคือ AMD 790X ที่รองรับการต่อการ์ดจอได้สูงสุดสองตัวและสุดท้ายกับ AMD 770 ที่รองรับการติดตั้งการ์ดจอตัวเดียว โดยชิพเซ็ตในซีรีส์นี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจก็คือ
ATI CrossFireX - โดยเทคโนโลยีนี้จะสามารถต่อการ์ดจอให้ทำงานพร้อมกันได้มากถึงสี่ตัว ซึ่งหมายความว่าเราสามารถต่อจอภาพได้มากถึงแปดจออีกด้วย และเมื่อต่อการ์ดจอพร้อมกันสี่ตัวระบบ CrossFireX จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นมากขึ้นถึงสี่เท่าตัว
AMD OverDrive - เป็นโปรแกรมที่ทำให้เราสามารถปรับแต่งค่าการทำงานต่างๆ ของระบบได้อย่างง่ายดาย หรือพูดง่ายๆ ก็คือโปรแกรมสำหรับการโอเวอร์คล็อกนั่นเอง ซึ่งมันจะสามารถปรับแต่งค่าทุกอย่างใน Bios ที่เกี่ยวข้องกับการโอเวอร์คล็อกได้จากใน Windows โดยที่ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับ Bios เลย ซึ่งจะเป็นการสะดวกต่อการโอเวอร์คล็อกสำหรับผู้ใช้งานทั่วๆ ไป
ATI Radeon HD3870
ATI Radeon HD3850
ATI Radeon HD3800 Series
อีกหนึ่งในองค์ประกอบหลักของเพลตฟอร์มนี้ก็คือการ์ดจอ โดยเอเอ็มดีได้เปิดตัว ATI Radeon HD3800 Series ซึ่งเป็นการ์ดจอซีรีส์ใหม่ล่าจากทาง ATI โดยในปัจจุบันมีด้วยกันสองรุ่น ได้แก่ ATI Radeon HD3870 และ ATI Radeon HD3850 โดยการ์ดจอในซีรีส์นี้ได้เพิ่ม API ตัวใหม่อย่าง DirectX 10.1 พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนอินเตอร์เฟสมาเป็น PCI Express เวอร์ชั่น 2.0 อีกด้วย ซึ่งการ์ดจอ ATI Radeon HD3800 Series นี้ได้รองรับเทคโนโลยี CrossFireX อย่างสมบูรณ์ส่วนอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ
ATI Avivo HD Video โดยเทคโนโลยีนี้จะพร้อมกับการ์ดจอในซีรีส์นี้ทุกตัว โดยมีความสามารถในการช่วยถอดรหัสไฟล์หนังประเภท Hi Def ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้พลังงานการคำนวนจากซีพียูน้อยมาก ซึ่งมีผลการใช้พลังในระบบโดยรวมลดลงอีกด้วย
นับว่าการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ของเอเอ็มดีในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเอเอ็มดีหลังจากที่เงียบไปนาน และการกลับมาในครั้งนี้จะทำให้เอเอ็มดีกลับมาเป็นผู้นำอีกครั้งหรือไม่คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนทางด้านประสิทธิภาพที่หลายๆ คนสงสัยว่ามันจะดีขึ้นมากขนาดไหนคงต้องรอกันอีกสักพักนึง เมื่อเราได้ชุดทดสอบจริงมาเมื่อไรจะรีบนำมาให้ได้รับชมกันอย่างเร็วที่สุดครับ
เสียบการ์ดจอได้มากถึงสี่ตัว
เครดิต จาก Web online-station
Comment