แม้ว่าLCDจะบางเบา และเมื่อวางอยู่บนโต๊ะแล้วจะดูยกระดับผู้ใช้ซะเหลือเกิ้น ถ้าไม่แพงละก็ ทุกคนคงเข้าแถวซื้อมาใช้กันแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลย
อย่าด่วนตัดสินใจครับ เพราะจอ LCD ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่างที่คุณอาจจะต้องสะอึก โดยเฉพาะนักออกแบบและนักตัดต่อวีดีโอที่จอภาพมีส่วนสำคัญในการทำงาน ฉะนั้นการรู้จักและเข้าใจการทำงานของจอทั้งสองแบบเป็นเรื่องสำคัญ ขอย้ำว่าสำคัญจริง เพราะหากท่านซื้อกราฟิกการ์ดระดับไฮเอนด์หรือระดับเทพ เพื่อนำมาทำงานกราฟิก ตัดต่อวีดีโอ ดูหนังDVD แต่ตัดสินใจเลือกจอ LCD ราคาถูกที่มีการแสดงผมช้าอันเนื่องจากการตอบสนองไม่ได้คุณภาพ
จอภาพแบบ CRT
จอภาพแบบ CRT(Cathode Ray Tube) เป็นจอภาพที่ใช้เทคโนโลยีหลอดภาพแบบ CRT ซึ่งมีการสร้างภาพให้ปรากฏโดยใช้หลักการยิงลำแสงอิเล็กตรอนตากหลอดภาพไปยังผิวด้านในของจอภาพ ซึ่งมีสารฟอสเฟสฉาบไว้ และเมื่อสารนี้โดนแสงก็จะถูกกระตุ้นให้เปล่งแสงออกมาจุดดังกล่าวเรียกว่า พิกเซล[Pixel] สำหรับการแสดงผลออกมาเป็นภาพได้นั้น เกิดจากการวาดภาพบนจอซ้ำๆหลายครั้ง ภาพใน1วินาที เพื่อให้ได้ภาพที่เราเห็นในจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งการวาดภาพบนจอคอมพิวเตอร์หลายๆครั้ง ภาพใน 1 วินาทีเรียกว่า การรีเฟรซ[Refresh] ซึ่งจอภาพในปัจจุบันจะมีให้เลือกสองแบบ ได้แก่
จอแบบ ธรรมดา หรือ Shadow Mask เป็นจอภาพที่ใช้หลอดภาพเป็นแบบ CRT ธรรมดา มีราคาถูกที่สุด และมีการใช้งานกันมากที่ สุด ในปัจจุบัน พื้นผิวจอส่วนใหญ่ จะเป็นแบบที่มีความโค้ง แต่ก็จะมีแบบที่ทำการลดส่วนโค้งของพื้นผิวหน้าจอให้เกือบแบนเรียบด้วยที่เรียกกันว่าแบบ Flat Square [FST] ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
จอแบบไตรนิตรอน[Trinitron] เป็นจอภาพที่ใช้หลอดภาพ CRT แบบ Trinitron ที่พัฒนาโดนบริษัท Sony มีคุณสำบัติพิเศษกว่าหลอดภาพแบบ CRT ธรรมดาก็คือ ภาพที่แสดงจะมีความสว่าง สีสดใสสมจริงมากกว่า และช่วยถนอมสายตาในการใช้งานนานๆจอ Triniron ซึ่งปัจจุบันนี้ แทบถูกแทนที่ด้วยแบบใหม่ เรียกว่า Flat Display Trinitron [FD Trinitron] ซึ่งก็ใช้หลอดภาพ Trinitron เช่นกัน แต่หน้าจอจะมีลักษณะแบนราบ ไม่หลอกสายตา
จอภาพแบบ LCD
จอภาพแบบ LCD [Liquid Crystal Display] เป็นจอภาพที่ไม่มีหลอดภาพ ทำให้มีรูปร่างบางและมีหน้าจอลักษณะแบนราบ จอภาพ LCD จะใช้ผลึกคริสตัลเหลว Liquid Crystal มาใช้ในการแสดงผล จึงให้จอแบบนี้มีขนาดที่บางกว่าจอภาพแบบที่ใช้หลอดภาพมาก ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง น้ำหนักเบา และกินไฟน้อยแต่ด้วยราคาที่ค่อนค้างสูงจึงยังไม่เป็นที่นิยมใช้กันมากนัก
>>เด่วมาเขียนต่อนะครับไปข้างนอกแปปนะครับมันมีอีกเยอะเลย<<
อย่าด่วนตัดสินใจครับ เพราะจอ LCD ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่างที่คุณอาจจะต้องสะอึก โดยเฉพาะนักออกแบบและนักตัดต่อวีดีโอที่จอภาพมีส่วนสำคัญในการทำงาน ฉะนั้นการรู้จักและเข้าใจการทำงานของจอทั้งสองแบบเป็นเรื่องสำคัญ ขอย้ำว่าสำคัญจริง เพราะหากท่านซื้อกราฟิกการ์ดระดับไฮเอนด์หรือระดับเทพ เพื่อนำมาทำงานกราฟิก ตัดต่อวีดีโอ ดูหนังDVD แต่ตัดสินใจเลือกจอ LCD ราคาถูกที่มีการแสดงผมช้าอันเนื่องจากการตอบสนองไม่ได้คุณภาพ
จอภาพแบบ CRT
จอภาพแบบ CRT(Cathode Ray Tube) เป็นจอภาพที่ใช้เทคโนโลยีหลอดภาพแบบ CRT ซึ่งมีการสร้างภาพให้ปรากฏโดยใช้หลักการยิงลำแสงอิเล็กตรอนตากหลอดภาพไปยังผิวด้านในของจอภาพ ซึ่งมีสารฟอสเฟสฉาบไว้ และเมื่อสารนี้โดนแสงก็จะถูกกระตุ้นให้เปล่งแสงออกมาจุดดังกล่าวเรียกว่า พิกเซล[Pixel] สำหรับการแสดงผลออกมาเป็นภาพได้นั้น เกิดจากการวาดภาพบนจอซ้ำๆหลายครั้ง ภาพใน1วินาที เพื่อให้ได้ภาพที่เราเห็นในจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งการวาดภาพบนจอคอมพิวเตอร์หลายๆครั้ง ภาพใน 1 วินาทีเรียกว่า การรีเฟรซ[Refresh] ซึ่งจอภาพในปัจจุบันจะมีให้เลือกสองแบบ ได้แก่
จอแบบ ธรรมดา หรือ Shadow Mask เป็นจอภาพที่ใช้หลอดภาพเป็นแบบ CRT ธรรมดา มีราคาถูกที่สุด และมีการใช้งานกันมากที่ สุด ในปัจจุบัน พื้นผิวจอส่วนใหญ่ จะเป็นแบบที่มีความโค้ง แต่ก็จะมีแบบที่ทำการลดส่วนโค้งของพื้นผิวหน้าจอให้เกือบแบนเรียบด้วยที่เรียกกันว่าแบบ Flat Square [FST] ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
จอแบบไตรนิตรอน[Trinitron] เป็นจอภาพที่ใช้หลอดภาพ CRT แบบ Trinitron ที่พัฒนาโดนบริษัท Sony มีคุณสำบัติพิเศษกว่าหลอดภาพแบบ CRT ธรรมดาก็คือ ภาพที่แสดงจะมีความสว่าง สีสดใสสมจริงมากกว่า และช่วยถนอมสายตาในการใช้งานนานๆจอ Triniron ซึ่งปัจจุบันนี้ แทบถูกแทนที่ด้วยแบบใหม่ เรียกว่า Flat Display Trinitron [FD Trinitron] ซึ่งก็ใช้หลอดภาพ Trinitron เช่นกัน แต่หน้าจอจะมีลักษณะแบนราบ ไม่หลอกสายตา
จอภาพแบบ LCD
จอภาพแบบ LCD [Liquid Crystal Display] เป็นจอภาพที่ไม่มีหลอดภาพ ทำให้มีรูปร่างบางและมีหน้าจอลักษณะแบนราบ จอภาพ LCD จะใช้ผลึกคริสตัลเหลว Liquid Crystal มาใช้ในการแสดงผล จึงให้จอแบบนี้มีขนาดที่บางกว่าจอภาพแบบที่ใช้หลอดภาพมาก ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง น้ำหนักเบา และกินไฟน้อยแต่ด้วยราคาที่ค่อนค้างสูงจึงยังไม่เป็นที่นิยมใช้กันมากนัก
>>เด่วมาเขียนต่อนะครับไปข้างนอกแปปนะครับมันมีอีกเยอะเลย<<
Comment