เตือนภาคธุรกิจหยุดใช้ซอฟต์แวร์เถื่อน เชื่อหลัง 15 ต.ค.จับแน่
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ก.ย.51) กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือ บก.ปศท.และกลุ่มพันธมิตรธุรกิจ หรือ บีเอสเอ ร่วมกันประกาศว่าตำรวจจะดำเนินการกับองค์กรธุรกิจที่ติดตั้งและใช้งาน ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มงวดในวันที่ 15 ต.ค.51
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากการศึกษาของไอดีซี ถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ ซอฟต์แวร์เมื่อเดือนมกราคม 2551 ระบุว่า หากประเทศไทยลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีลง ได้ 10% จะเกิดการจ้างงานทางด้านไอทีเพิ่ม 2,100 ตำแหน่ง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 35,000 ล้านบาท และภาษีรายได้เพิ่มขึ้น 55 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,275 ล้านบาท
พล.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือ บก.ปศท.กล่าวว่า การใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ทำให้ประเทศไทยเสียหายในเรื่องชื่อเสียงของประเทศ เนื่องจากปี 50 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม PWL ถือเป็นกลุ่มที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากที่สุด จากเดิมตั้งแต่ปี37 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม WL หรือกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองว่าจะมีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากเท่าใด โดยทางบีเอสเอมีข้อมูลการละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว ว่าบริษัทใดบ้าง และจะส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในวันที่15 ต.ค. นี้ หากยังไม่หยุดการใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์
รองผู้บังคับการ บก.ปศท.กล่าวต่อว่า คดีความที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เป็นคดีความที่สามารถยอมความกันได้ และเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมได้ต่อเมื่อมีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ เท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีซอฟต์แวร์ตัวใดของบริษัทใด บ้างที่ละเมิดลิขสิทธิ์อยู่หากขาดเจ้าทุกข์ โดยช่วงครึ่งปี51 มีการจับกุมบริษัทฯที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์จำนวน 45 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 125 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีการยอมความกันประมาณ 90% เนื่องจากบริษัทที่ละเมิดลิขสิทธิ์ยอมที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ให้เจ้าของซอฟต์แวร์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้
“ครั้งนี้ถือเป็นการเตือนให้องค์กรธุรกิจได้รับทราบอีกครั้งหนึ่งว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้การติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องยุติ ลง ซอฟต์แวร์แท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องไม่เพียงมีข้อดีที่เห็นเด่นชัดหลายประการ เช่น ประสิทธิ์ภาพการใช้งานและความปลอดภัยจะเป็นไปตามมาตรฐานที่รับรองโดยผู้ผลิต การใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องจะช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนา ซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายกับองค์กรธุรกิจ และผู้บริหารขององค์กรนั้นอย่างจริงจังเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งมีทั้งจำคุกและปรับในอัตราที่สูง” พล.ต.อ.ศรายุทธ กล่าว
ด้านนายดรุณ ซอว์นีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กลุ่มพันธมิตรธุรกิจ หรือ บีเอสเอ กล่าวว่า ตนดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยประกาศดำเนินการตามกฎหมายกับองค์กรธุรกิจ ที่ติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยโครงการป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ ความสำคัญกับการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง และหากการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยลดลง ก็จะเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชียของบีเอสเอ
“การปกป้องสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ครั้งนี้ สอดคล้องกับการขยับตัวครั้งล่าสุดของบีเอสเอ ที่ประกาศเพิ่งเงินรางวัลสูงสุดให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส ที่จะสามารถนำไปตับกุมองค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นเงินรางวัล 500,000 บาท อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัทคนไทยก็ยังถูกละเมิดและใช้กันทั่วไปในองค์กร ธุรกิจ และครั้งนี้ถือเป็นการเตือนล่วงหน้า 30 วันก่อนจะจับจริงในวันที่ 15 ต.ค.51 เพื่อให้ธุรกิจเคารพสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์”ผอ. ฝ่ายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่
ข่าวจาก : ไทยรัฐ
วันที่ : 17 กันยายน 2551 เวลา 19:58 น.
http://www.bcoms.net/news/detail.asp?id=8755
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ก.ย.51) กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือ บก.ปศท.และกลุ่มพันธมิตรธุรกิจ หรือ บีเอสเอ ร่วมกันประกาศว่าตำรวจจะดำเนินการกับองค์กรธุรกิจที่ติดตั้งและใช้งาน ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างเข้มงวดในวันที่ 15 ต.ค.51
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากการศึกษาของไอดีซี ถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ ซอฟต์แวร์เมื่อเดือนมกราคม 2551 ระบุว่า หากประเทศไทยลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีลง ได้ 10% จะเกิดการจ้างงานทางด้านไอทีเพิ่ม 2,100 ตำแหน่ง การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 35,000 ล้านบาท และภาษีรายได้เพิ่มขึ้น 55 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,275 ล้านบาท
พล.ต.อ.ศรายุทธ พูลธัญญะ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี หรือ บก.ปศท.กล่าวว่า การใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ทำให้ประเทศไทยเสียหายในเรื่องชื่อเสียงของประเทศ เนื่องจากปี 50 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับประเทศไทยอยู่ในกลุ่ม PWL ถือเป็นกลุ่มที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากที่สุด จากเดิมตั้งแต่ปี37 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม WL หรือกลุ่มประเทศที่ถูกจับตามองว่าจะมีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากเท่าใด โดยทางบีเอสเอมีข้อมูลการละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว ว่าบริษัทใดบ้าง และจะส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในวันที่15 ต.ค. นี้ หากยังไม่หยุดการใช้ซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์
รองผู้บังคับการ บก.ปศท.กล่าวต่อว่า คดีความที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์เป็นคดีความที่สามารถยอมความกันได้ และเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมได้ต่อเมื่อมีเจ้าทุกข์เข้าแจ้งความ เท่านั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีซอฟต์แวร์ตัวใดของบริษัทใด บ้างที่ละเมิดลิขสิทธิ์อยู่หากขาดเจ้าทุกข์ โดยช่วงครึ่งปี51 มีการจับกุมบริษัทฯที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์จำนวน 45 ราย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 125 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีการยอมความกันประมาณ 90% เนื่องจากบริษัทที่ละเมิดลิขสิทธิ์ยอมที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ให้เจ้าของซอฟต์แวร์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้
“ครั้งนี้ถือเป็นการเตือนให้องค์กรธุรกิจได้รับทราบอีกครั้งหนึ่งว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้การติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ต้องยุติ ลง ซอฟต์แวร์แท้ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องไม่เพียงมีข้อดีที่เห็นเด่นชัดหลายประการ เช่น ประสิทธิ์ภาพการใช้งานและความปลอดภัยจะเป็นไปตามมาตรฐานที่รับรองโดยผู้ผลิต การใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องจะช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนา ซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น โดยตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายกับองค์กรธุรกิจ และผู้บริหารขององค์กรนั้นอย่างจริงจังเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งมีทั้งจำคุกและปรับในอัตราที่สูง” พล.ต.อ.ศรายุทธ กล่าว
ด้านนายดรุณ ซอว์นีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กลุ่มพันธมิตรธุรกิจ หรือ บีเอสเอ กล่าวว่า ตนดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยประกาศดำเนินการตามกฎหมายกับองค์กรธุรกิจ ที่ติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยโครงการป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้จะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ ความสำคัญกับการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์อย่างจริงจัง และหากการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยลดลง ก็จะเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชียของบีเอสเอ
“การปกป้องสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ครั้งนี้ สอดคล้องกับการขยับตัวครั้งล่าสุดของบีเอสเอ ที่ประกาศเพิ่งเงินรางวัลสูงสุดให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส ที่จะสามารถนำไปตับกุมองค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นเงินรางวัล 500,000 บาท อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัทคนไทยก็ยังถูกละเมิดและใช้กันทั่วไปในองค์กร ธุรกิจ และครั้งนี้ถือเป็นการเตือนล่วงหน้า 30 วันก่อนจะจับจริงในวันที่ 15 ต.ค.51 เพื่อให้ธุรกิจเคารพสิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญาของผู้พัฒนาซอฟต์แวร์”ผอ. ฝ่ายปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่
ข่าวจาก : ไทยรัฐ
วันที่ : 17 กันยายน 2551 เวลา 19:58 น.
http://www.bcoms.net/news/detail.asp?id=8755
Comment