เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices) ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯประกาศแบ่งตัวเองออกเป็น 2 บริษัทเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รับเงินอัดฉีดมหาศาลจาก 2 กลุ่มทุนอาบูดาบี โดยแบ่งให้บริษัทหนึ่งดูแลการออกแบบหน่วยประมวลผล ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งดูแลการผลิตโดยเฉพาะ สร้างความชัดเจนเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งอย่างอินเทล (Intel) เต็มขั้น
เอเอ็มดีตัดสินใจแยกฝ่ายการผลิตออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่นาม The Foundry Company มีกลุ่มทุน Advanced Technology Investment Co. หรือ ATIC กลุ่มทุนของรัฐบาลอาบูดาบีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 55.6 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นของเอเอ็มดี โดยยังต้องรอการอนุมัติจากทางการสหรัฐฯต่อไป
ในแถลงการณ์ระบุว่า ATIC จะลงทุน 2.1 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้นในบริษัท The Foundry Company ซึ่งได้ระดมทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ 1.4 พันล้านเหรียญ เชื่อว่าเบ็ดเสร็จแล้วการลงทุนของ ATIC ในเอเอ็มดีจะแตะหลัก 6 พันล้านเหรียญในอีก 5 ปีข้างหน้า
เงินทุนทั้งหมดที่ระดมได้จะถูกนำไปขยายความสามารถในการผลิตของโรงงานเอเอ็มดีในเมืองเยอรมัน ขณะเดียวกันก็จะนำไปสร้างโรงงานใหม่ในนิวยอร์ก คาดว่าจะเป็นโรงงานใหญ่ที่มีพนักงานกว่า 1,400 ตำแหน่ง
พร้อมกันนี้ กลุ่มทุนอาหรับอีกแห่งอย่าง Mubadala Development Co. ได้ประกาศเพิ่มการลงทุนในเอเอ็มดีเป็น 19.3 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 8.1 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการซื้อหุ้นมูลค่ากว่า 314 ล้านเหรียญ
ทั้ง ATIC และ Mubadala Development ต่างก็เป็นกลุ่มทุนของรัฐบาลอาบูดาบี โดยอาบูดาบีเป็นดินแดนหนึ่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่มีมูลค่ามากที่สุดของเจ้าพ่อน้ำมันโลกในสหรัฐอเมริกาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัท Dubai Ports World เข้าเทกโอเวอร์ 6 ท่าเรือใหญ่ของสหรัฐฯ
Dirk Meyer ประธานและซีอีโอของเอเอ็มดีบอกว่า นี่คือประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเอเอ็มดีที่จะทำให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น และสามารถให้ความสำคัญกับธุรกิจได้ชัดเจน ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เอเอ็มดีต้องการ ขณะที่ Waleed al-Mokarrab จาก ATIC เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้โลกอุตสาหกรรมชิปเปลี่ยนแปลงไป มั่นใจว่า The Foundry Company จะเป็นเบอร์หนึ่งในวงการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2551 15:07 น
เอเอ็มดีตัดสินใจแยกฝ่ายการผลิตออกมาตั้งเป็นบริษัทใหม่นาม The Foundry Company มีกลุ่มทุน Advanced Technology Investment Co. หรือ ATIC กลุ่มทุนของรัฐบาลอาบูดาบีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 55.6 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นของเอเอ็มดี โดยยังต้องรอการอนุมัติจากทางการสหรัฐฯต่อไป
ในแถลงการณ์ระบุว่า ATIC จะลงทุน 2.1 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้นในบริษัท The Foundry Company ซึ่งได้ระดมทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ 1.4 พันล้านเหรียญ เชื่อว่าเบ็ดเสร็จแล้วการลงทุนของ ATIC ในเอเอ็มดีจะแตะหลัก 6 พันล้านเหรียญในอีก 5 ปีข้างหน้า
เงินทุนทั้งหมดที่ระดมได้จะถูกนำไปขยายความสามารถในการผลิตของโรงงานเอเอ็มดีในเมืองเยอรมัน ขณะเดียวกันก็จะนำไปสร้างโรงงานใหม่ในนิวยอร์ก คาดว่าจะเป็นโรงงานใหญ่ที่มีพนักงานกว่า 1,400 ตำแหน่ง
พร้อมกันนี้ กลุ่มทุนอาหรับอีกแห่งอย่าง Mubadala Development Co. ได้ประกาศเพิ่มการลงทุนในเอเอ็มดีเป็น 19.3 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 8.1 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการซื้อหุ้นมูลค่ากว่า 314 ล้านเหรียญ
ทั้ง ATIC และ Mubadala Development ต่างก็เป็นกลุ่มทุนของรัฐบาลอาบูดาบี โดยอาบูดาบีเป็นดินแดนหนึ่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนที่มีมูลค่ามากที่สุดของเจ้าพ่อน้ำมันโลกในสหรัฐอเมริกาช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากบริษัท Dubai Ports World เข้าเทกโอเวอร์ 6 ท่าเรือใหญ่ของสหรัฐฯ
Dirk Meyer ประธานและซีอีโอของเอเอ็มดีบอกว่า นี่คือประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเอเอ็มดีที่จะทำให้บริษัทมีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น และสามารถให้ความสำคัญกับธุรกิจได้ชัดเจน ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เอเอ็มดีต้องการ ขณะที่ Waleed al-Mokarrab จาก ATIC เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้โลกอุตสาหกรรมชิปเปลี่ยนแปลงไป มั่นใจว่า The Foundry Company จะเป็นเบอร์หนึ่งในวงการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2551 15:07 น
Comment