บรอดแบนด์เปิดสงครามราคารอบใหม่
จัสมินฯ ท้าชิงเจ้าตลาดบรอดแบนด์ เพิ่มความเร็วแม็กซ์เน็ตเป็นขั้นต่ำ 3 เมกะบิตต่อวินาที 590 บาทต่อเดือน หวังเจาะกลุ่ม “เจน-ซี”
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ปีนี้บริษัทพร้อมขยายฐานตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง “แม็กซ์เน็ต” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมครองผู้นำตลาดต่างจังหวัด หลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ด้วยบรอดแบนด์ความเร็วขั้นต่ำ 2 เมกะบิตต่อวินาที ค่าบริการรายเดือน 590 บาท
ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มความเร็วแม็กซ์เน็ตเป็นขั้นต่ำ 3 เมกะบิตต่อวินาที พร้อมคงค่าบริการรายเดือนอัตราเดิม ถือเป็นระดับความเร็วสูงสุดในตลาดขณะนี้ โดยเป็นกลยุทธ์รองรับการเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ รองรับเป้าหมายเพิ่มยอดผู้ใช้ปีนี้เป็น 7 แสนราย จาก 4 แสนราย ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดขยับขึ้นเป็น 40% ไล่เลี่ยกับบริษัททรู ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดที่เหลืออีก 20% เป็นของทีโอที
นอกจากนี้ตัวเลขเป้าหมายดังกล่าวจะรองรับการก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์อันดับหนึ่งของไทยปี 2553 ด้วยจำนวนลูกค้า 1 ล้านราย
”ปีนี้เราจะขยายฐานไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจน ซี (Generation of Content) มากขึ้น เพราะกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีอิทธิพลมากขึ้น ในด้านธุรกิจและตลาดให้บริการอินเทอร์เน็ตของไทย” นายพิชญ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทสามารถรุกตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้เต็มที่แล้ว หลังจากได้เร่งพัฒนาและติดตั้งโครงข่ายรองรับการขยายตัวของลูกค้า ทั้งจำนวนพอร์ต เอดีเอสแอล โครงข่ายไอพีเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มพื้นที่บริการใหม่ให้ครอบคลุมความต้องการลูกค้า
พร้อมกันนี้ บริษัทจะทยอยปรับความเร็วการใช้บริการสำหรับลูกค้าเก่าเป็น 3 เมกะบิตต่อวินาทีด้วย ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 60% โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งเตรียมงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 100 ล้านบาท
เขากล่าวด้วยว่า การแข่งขันในตลาดบรอดแบนด์ด้วยสงครามแบนด์วิธมากกว่าสงครามราคา เนื่องจากต้องการกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวด้านการพัฒนา และการใช้คอนเทนท์ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มาอยู่บนบรอดแบนด์ ซึ่งหากมุ่งแข่งขันราคาเกินไปจะไม่สามารถให้ระดับความเร็วที่สูงได้เป็นข้อจำกัดสำหรับการดาวน์โหลดบริการคอนเทนท์ที่มีขนาดใหญ่
รายงานข่าว กล่าวว่า เร็วๆ นี้ ทรู อินเตอร์เน็ต ก็เตรียมเปิดตัวแพ็คเกจบรอดแบนด์ในราคาสุดคุ้ม ออกมาสู้ในตลาดด้วยเช่นกัน ปัจจุบันทรู มีลูกค้าบรอดแบนด์ราว 6.3 แสนราย
แหล่งข่าว จากบมจ.ทีโอที กล่าวว่า บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ขึ้นกับคุณภาพของข่ายสายที่เข้าถึงบ้านลูกค้า เพราะฉะนั้นแม้ว่าลูกค้าจะจ่าย 590 บาทแต่ความเร็วที่จะได้ถึง 3 เมกะบิตจะไม่ครอบคลุมได้ทุกพื้นที่จริง ซึ่งปัจจุบันคุณภาพของโครงข่ายทีโอทีดีกว่ารายอื่น และมีบริการหลังการขายทั่วประเทส
”ถ้าโทรสอบถามยังคอลล์เซนเตอร์คู่แข่งว่าใช้บริการได้หรือไม่ในพื้นที่นั้นๆ ก็จะได้รับคำตอบว่าจะมีการบีบอัดสัญญาณให้ได้จริง แต่ทางปฏิบัติเป็นอีกเรื่อง” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการออกข่าวของคู่แข่งเช่นนี้ ก็อาจกระทบกับกลุ่มลูกค้าบางส่วนที่คาดหวังความเร็วดังกล่าว ซึ่งทีโอทีจะมีโปรโมชั่นออกมาแข่งขันในอีกไม่นาน และคาดว่าจะมีลูกค้าตามเป้าหมาย 1 ล้านรายในปีนี้เช่นเดิม จากปัจจุบันมีลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแล้วกว่า 7 แสนราย
นายพิชญ์ กล่าวด้วยว่า ได้เสนอความคืบหน้าแผนปรับโครงสร้างหนี้บมจ.ทีทีแอนด์ที แก่ศาลล้มละลายกลางไป 3 แนวทาง คือ ลดหนี้บางส่วน แปลงหนี้บางส่วนเป็นทุน และขอยืดหนี้บางส่วนไปอีก 10 ปี ซึ่งน่าจะใช้แบบผสมผสาน เน้นการประนีประนอม แต่ไม่ทราบว่า รูปแบบไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน ต้องรอความชัดเจน 17 มี.ค. ซึ่งศาลจะตัดสินว่า จะให้จัสมินเป็นผู้ทำแผนหรือไม่
ปัจจุบัน จัสมินได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในทีทีแอนด์ทีจาก 30% เป็น 40% แล้ว และหากมีความชัดเจน หลัง 17 มี.ค. ก็เป็นไปได้ว่า จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% เท่าที่เคยตั้งใจไว้
เขามั่นใจว่า หลังการปรับโครงสร้างหนี้ ทีทีแอนด์ที จะพลิกฟื้นสถานการณ์มาทำกำไรได้ทันที เพราะสิ้นปีที่ผ่านมามีหนี้อยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท แต่แผนการลงทุนบรอดแบนด์ของจัสมินปีนี้จะทำให้ลูกค้า และรายได้เพิ่มขึ้น
(ไม่มีโปรใหม่catเลยหรอ)
จัสมินฯ ท้าชิงเจ้าตลาดบรอดแบนด์ เพิ่มความเร็วแม็กซ์เน็ตเป็นขั้นต่ำ 3 เมกะบิตต่อวินาที 590 บาทต่อเดือน หวังเจาะกลุ่ม “เจน-ซี”
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ปีนี้บริษัทพร้อมขยายฐานตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง “แม็กซ์เน็ต” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากเดิมครองผู้นำตลาดต่างจังหวัด หลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ด้วยบรอดแบนด์ความเร็วขั้นต่ำ 2 เมกะบิตต่อวินาที ค่าบริการรายเดือน 590 บาท
ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มความเร็วแม็กซ์เน็ตเป็นขั้นต่ำ 3 เมกะบิตต่อวินาที พร้อมคงค่าบริการรายเดือนอัตราเดิม ถือเป็นระดับความเร็วสูงสุดในตลาดขณะนี้ โดยเป็นกลยุทธ์รองรับการเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ รองรับเป้าหมายเพิ่มยอดผู้ใช้ปีนี้เป็น 7 แสนราย จาก 4 แสนราย ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดขยับขึ้นเป็น 40% ไล่เลี่ยกับบริษัททรู ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดที่เหลืออีก 20% เป็นของทีโอที
นอกจากนี้ตัวเลขเป้าหมายดังกล่าวจะรองรับการก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการบรอดแบนด์อันดับหนึ่งของไทยปี 2553 ด้วยจำนวนลูกค้า 1 ล้านราย
”ปีนี้เราจะขยายฐานไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเจน ซี (Generation of Content) มากขึ้น เพราะกลุ่มดังกล่าวมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และมีอิทธิพลมากขึ้น ในด้านธุรกิจและตลาดให้บริการอินเทอร์เน็ตของไทย” นายพิชญ์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทสามารถรุกตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้เต็มที่แล้ว หลังจากได้เร่งพัฒนาและติดตั้งโครงข่ายรองรับการขยายตัวของลูกค้า ทั้งจำนวนพอร์ต เอดีเอสแอล โครงข่ายไอพีเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มพื้นที่บริการใหม่ให้ครอบคลุมความต้องการลูกค้า
พร้อมกันนี้ บริษัทจะทยอยปรับความเร็วการใช้บริการสำหรับลูกค้าเก่าเป็น 3 เมกะบิตต่อวินาทีด้วย ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 60% โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ทั้งเตรียมงบการตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้กว่า 100 ล้านบาท
เขากล่าวด้วยว่า การแข่งขันในตลาดบรอดแบนด์ด้วยสงครามแบนด์วิธมากกว่าสงครามราคา เนื่องจากต้องการกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวด้านการพัฒนา และการใช้คอนเทนท์ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มาอยู่บนบรอดแบนด์ ซึ่งหากมุ่งแข่งขันราคาเกินไปจะไม่สามารถให้ระดับความเร็วที่สูงได้เป็นข้อจำกัดสำหรับการดาวน์โหลดบริการคอนเทนท์ที่มีขนาดใหญ่
รายงานข่าว กล่าวว่า เร็วๆ นี้ ทรู อินเตอร์เน็ต ก็เตรียมเปิดตัวแพ็คเกจบรอดแบนด์ในราคาสุดคุ้ม ออกมาสู้ในตลาดด้วยเช่นกัน ปัจจุบันทรู มีลูกค้าบรอดแบนด์ราว 6.3 แสนราย
แหล่งข่าว จากบมจ.ทีโอที กล่าวว่า บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ขึ้นกับคุณภาพของข่ายสายที่เข้าถึงบ้านลูกค้า เพราะฉะนั้นแม้ว่าลูกค้าจะจ่าย 590 บาทแต่ความเร็วที่จะได้ถึง 3 เมกะบิตจะไม่ครอบคลุมได้ทุกพื้นที่จริง ซึ่งปัจจุบันคุณภาพของโครงข่ายทีโอทีดีกว่ารายอื่น และมีบริการหลังการขายทั่วประเทส
”ถ้าโทรสอบถามยังคอลล์เซนเตอร์คู่แข่งว่าใช้บริการได้หรือไม่ในพื้นที่นั้นๆ ก็จะได้รับคำตอบว่าจะมีการบีบอัดสัญญาณให้ได้จริง แต่ทางปฏิบัติเป็นอีกเรื่อง” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการออกข่าวของคู่แข่งเช่นนี้ ก็อาจกระทบกับกลุ่มลูกค้าบางส่วนที่คาดหวังความเร็วดังกล่าว ซึ่งทีโอทีจะมีโปรโมชั่นออกมาแข่งขันในอีกไม่นาน และคาดว่าจะมีลูกค้าตามเป้าหมาย 1 ล้านรายในปีนี้เช่นเดิม จากปัจจุบันมีลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแล้วกว่า 7 แสนราย
นายพิชญ์ กล่าวด้วยว่า ได้เสนอความคืบหน้าแผนปรับโครงสร้างหนี้บมจ.ทีทีแอนด์ที แก่ศาลล้มละลายกลางไป 3 แนวทาง คือ ลดหนี้บางส่วน แปลงหนี้บางส่วนเป็นทุน และขอยืดหนี้บางส่วนไปอีก 10 ปี ซึ่งน่าจะใช้แบบผสมผสาน เน้นการประนีประนอม แต่ไม่ทราบว่า รูปแบบไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน ต้องรอความชัดเจน 17 มี.ค. ซึ่งศาลจะตัดสินว่า จะให้จัสมินเป็นผู้ทำแผนหรือไม่
ปัจจุบัน จัสมินได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในทีทีแอนด์ทีจาก 30% เป็น 40% แล้ว และหากมีความชัดเจน หลัง 17 มี.ค. ก็เป็นไปได้ว่า จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% เท่าที่เคยตั้งใจไว้
เขามั่นใจว่า หลังการปรับโครงสร้างหนี้ ทีทีแอนด์ที จะพลิกฟื้นสถานการณ์มาทำกำไรได้ทันที เพราะสิ้นปีที่ผ่านมามีหนี้อยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท แต่แผนการลงทุนบรอดแบนด์ของจัสมินปีนี้จะทำให้ลูกค้า และรายได้เพิ่มขึ้น
(ไม่มีโปรใหม่catเลยหรอ)
Comment