Announcement

Collapse
No announcement yet.

(DIY) มาทำแอมพ์ CMOYแบบ hardwire กันเถอะ เสียงดี ทำง่าย ราคาไม่ไม่โดนแอมพ์นอกฟัน!!!!!

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • (DIY) มาทำแอมพ์ CMOYแบบ hardwire กันเถอะ เสียงดี ทำง่าย ราคาไม่ไม่โดนแอมพ์นอกฟัน!!!!!

    เห็นพักหลังๆ มีกระแส กระทู้ DIY กันออกมาเยอะ
    วันนี้เลยตามกระแสหน่อยครับ
    มาชวนทำแอมพ์ โดยใช้วงจร cmoy ง่ายๆ แต่เสียงดี ไว้ใช้งานกันดีกว่า

    cmoy คืออะไร
    สำหรับบางคนน่าจะรู้ดีกันพอสมควรแล้วนะครับเลยไม่ขอพูดมาก ^ ^
    แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้ก็คือ ง่ายๆ มันคือวงจรที่คิดโดยนาย Chu Moy
    เป็นวงจรแอมพ์พกพาที่เป็นที่นิยมมาก และทำงาย ไม่ยุ่งยาก หลักๆจริงๆ เป็นวงจรของ ic ตัวเดียวเท่านั้นเอง
    (จริงๆแล้วแอมพ์ดังๆอย่าง Graham Slee Voyager ที่ขายราคาหลักหมื่น ก็มีพื้นฐานวงจรมาจาก CMOY นี่ล่ะ!!!!!!!!)



    หาข้อมูลเพิ่มเติม และ วงจรได้ในลิ้งนี้เลยจ้า

    http://headwize.com/projects/showfil...=cmoy2_prj.htm

    โดยวงจรหลักๆจะแบ่งเป้น2ภาค คือภาคขยาย และภาคจ่ายไฟ





    (โดยหลักที่มันต่างจากวงจร RA1 เพราะ VG ที่ทำจาก R แบ่งแรงดันและ C แต่ RA1 ใช้ VG จากแบต2ก้อน)


    ซึ่งสุ้มเสียงจะแปรผันตามอุปกรณ์ที่ใช้


    ส่วนการ hardwire ง่ายๆก็คือ ไม่ใช้ pcbนั่นเอง
    ลายทองแดงที่บาง และเนื้อทองแดงของลายปริ้นที่ไม่ดี และ การออกแบบลายปริ้นที่ทำให้ทางสัญญาณบางทีเดินทางไกล ก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการดรอปของเสียงและสัญญาณได้
    การ hardwire จากจุดต่อจุด หรือใช้ลวดทองแดงเดินสัญญาณแทนลายปริ้น จะทำให้ปัญหานั้นหมดลงครับ


    คราวนี้ใครอยากลองทำเล่นๆบ้าง ลงมือได้เลยครับ

    How to hard wire cmoy Nitroboy style

    AMP ตัวที่สาธิต หากทำเสร็จจะออกมาหน้าตาแบบนี้ครับ








    อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

    1. opamp หรือ ic ภาคขยาย 8 pin แบบ ดูอัล 1ตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้ยัดขาลงซักเกตได้ ^^ ?



    2. ซักเกต opamp dip 8 ขากลม 1ตัว


    **รูปยืมมา เครดิตได้ภาพครับ

    3. Capacitor input แบบไม่มีขั้ว ค่า 0.47uf 1คู่
    ซึ่ง จะมีมากมายหลายยี่ห้อ หาซื้อได้ตั้งแต่ร้านทั่วไปถึงร้านเครื่องเสียง ผมเลือก C ตัวเล็กๆ มาทำให้ดู เพราะง่ายต่อการประกอปครับ



    4.C Electrolite ค่า 220uf-470uf 1คู่
    มีทั้งขนาดและหลายยี่ห้อมากมาย โดยผมเลือกของ Rubycon ค่า 330uf ครับ




    5. Streo Phone Jack 3.5มม. 2ตัว



    6. วอลุ่ม ALPHA 10KA 1ตัว
    หรือ จะใช้ยี่ห้ออื่นๆที่ดีกว่า ก็ได้ เช่นของ alps




    7. R 1/4w ค่าตามนี้

    7.1 R 10k 2 ตัว
    7.2 R 100k 2 ตัว
    7.3 R 4.7k 4 ตัว
    7.4 R 100 ohm 2 ตัว (ซึ่ง R ตรงจุดนี้ จะนำมาเป็น R out put ซึ่งมีความสำคัญ อาจจะเลือกใช้ R ยี่ห้อดีๆ ที่มีราคาสูงขึ้น ก็ได้ เช่น Dale Vishay)
    7.5 R 1 k 1ตัว



    8. หลอด LED สีตามชอบ 1ตัว



    9. สวิทย์ on - off แบบ2ทาง 1ตัว
    มีให้เลือกทั้งแบบสับ และแบบกด เลือกเอาตามชอบครับ



    10. รังถ่านแบต 9V 1ชิ้น



    11. ท่อหด (เพื่อความเรียบร้อยในบางจุด)



    12. สายที่จะนำมาใช้ hard wire เลือกได้ตามความพอใจ



    13. pin ตัวผู้ และตัวเมีย แบบ2พิน (เหมือนที่เห็นๆตาม MB )
    หรือถ้าใครจะบัดกรีสวิทย์ และแบตลงไปเลยก็ไม่ต้องใช้ครับ



    14. กล่อง เลือกได้ตามความเหมาะสม และขนาดตามต้องการ
    ซึ่งผมได้เลือกใช้กล่องสีขาวในรูป
    กะและเจาะให้เรียบร้อย ตามต้องการ




    15. ลูกบิด
    เลือกตามความเหมาะสมของขนาดกล่อง สีสันตามใขชอบครับ มีมากมายหลายแบบ



    16. ตะกั่ว ออดิโอ้เกรด เช่น คาดาส หรือ WBT ซึ่งจะทำให้บัดกรีง่าย และเสียงดีกว่าตะกั่วช่าง


    **รูปยืม www.htg2.net

    17. อุปกรณ์ช่างทั้งหลาย เช่น บัดกรี คีม คัตเตอร์ ฯลฯ

    **รูปยืม



    โดยก่อนเริ่ม เราจะมาทำความเข้าใจ ขา และตำแหน่งต่างๆของอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาใช้ก่อนนะครับ

    โดยจะเริ่มจาก opamp ก่อนเลย โดย opamp ที่เราจะนำมาใช้ในคราวนี้ เป็นแบบ ดูอัล หรือ มันมี ภาคขยายทั้ง2ข้าง ในตัวเดียว
    ตำแหน่ง และหน้าที่ของขาต่างๆ ดูตามใน รูปที่ 1 ครับ
    ส่วนใครอยากอ่านแบบละเอียด ลองอ่าน ได้ตามนี้ครับ ซึ่งผมเอาของ opa2132 มาให้ดู
    http://focus.ti.com/lit/ds/symlink/opa2132.pdf

    รูปที่ 1


    ซึ่ง การใช้งาน opamp เราต้องสังเกตุสัญลักษณ์ รอยบาก หรือ จุดกลมๆ ตรงมุมของ opamp ด้วยเสมอนะครับ (ใส่กลับด้าน ระเบิดเน้ออ)
    ซึ่ง ที่ซักเกตก็เช่นกัน


    และเราก็มาต่อกันในตำแหน่งขาของ เวอร์ลุ่ม ทั้ง6ขากันต่อครับ

    รูปที่ 2



    และต่อมา ก็มาดูที่ขาของ Streo Phone Jack 3.5มม ตัวเมียกันครับ ซึ่ง ขาสั้นสุดคือ R และขาที่ยาวที่สุด ก็คือ Gnd ครับ ส่วนใครใช้คนละแบบกับผม อาจจะต่างออกไปครับ

    รูปที่ 3



    *ส่วนหลอด Led ขาที่ยาวคือขา + ขาที่สั้นคือขา - ครับ


    ทีนี้มาลงมือกันได้ซักทีครับ ^ ^
    Last edited by nitroboy; 5 Oct 2013, 23:13:47.

  • #2
    วิธีการ โดยละเอียดในแต่ละขั้นตอน

    How to hard wire cmoy Nitroboy style

    ลงมือทำ

    1. ก่อนอื่น เมื่อเราเริ่มลงมือ ต้องกะขนาดกล่อง และการจัดวางอุปกรณ์ เช่นแจ็ค เวอร์ลุ่ม ซะก่อน เสร็จแล้ว ยืดให้แน่น ตามแบบที่จัดไว้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    อย่าลืม เว้นที่สำหรับถ่านภายในกล่องด้วยครับ

    ผมเลือกการวางอุปกรณ์แบบในภาพ เพราะจะง่ายต่อการทำตาม และเป็นระเบียบเรียบร้อยดีครับ



    ////////// ตรงเวอร์ลุ่ม จะมีปุ่มเล็กๆ เอาไว้เพื่อล๊อคตำแหน่งของเวอร์ลุ่ม ต้องเจาะ หรือขุดวัสดุที่เราจะเอาเวอลุ่มเข้ายืดด้วยนะครับ เพื่อให้ลงล๊อค



    2. เมื่อยืดอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว เรานำสายที่เตรียมไว้ มาเดิน gnd จากแจ๊คทั้ง2เข้าด้วยกัน



    3. เสร็จแล้วนำ gnd ของ เวอร์ลุ่ม เข้ามาเชื่อมต่อด้วย (ดูรูปขา เวอร์ลุ่มประกอปด้วยครับ)



    4. เสร็จแล้ว นำขา L และ R ของแจ๊คตัวเมีย (แจ๊คตัวที่อยู่ ไกล้กับ ขา in ของ เวอลุ่ม ) ลากสายมา เข้าที่ขา in ของ เวอร์ลุ่ม ตามภาพครับ
    โดยผม จะเอา R เข้าที่ขา in1 และ L เข้าที่ขา in2 ตามลำดับครับ (เสร็จแล้ว อย่าลืมตัดสายที่เกินออกมาให้เรียบร้อยครับ)



    5. จากนั้น ลากสายจากของ out1 และ out2 ของเวอร์ลุ่มออกมา (ตรงเวอร์ลุ่ม ต้องระวังขามันช๊อตกันนะครับ เพราะว่าขาจะค่อนข้างอยู่ไกล้กัน อย่าลืมตัดแต่งให้เรียบร้อยครับ)



    6. แล้วนำสายที่ต่อจาก ขา out ของ เวอร์ลุ่ม นำมาต่อเข้าที่ขา C input (C 0.47uf) ข้างหนึ่ง ปล่อยอีกข้างหนึ่งลอยไว้ก่อน



    7. นำสาย มาบัดกรีเข้าขาอีกข้างที่เหลือของ c input แล้วไปเชื่อมเข้ากับซักเกต opamp ตามขา (ดูรูปขา opamp ประกอป)
    โดยสัญญาณข้าง R เข้าที่ขา 3 (ขา in A ) ของ opamp
    และ
    สัญญาณ L เข้าที่ขา 5 ( ขา in B ) ของ opamp
    (อย่าลืมดูสัญลักษณ์ของ opamp ด้วยนะครับ)

    ////////////ในการทำ เราจำเป็นต้อง หงายท้อง พลิกซ้ายพลิกขวา ฉนั้น ต้องดูขาให้ดีๆนะครับ เพราะจะสับสนได้ง่ายมาก




    8. เสร็จแล้ว จะเป็นดังในภาพ อย่าลืมวางลงในกล่อง เพื่อเผื่อพื้นที่สำหรับใส่ถ่าน ด้วยนะครับ ว่ามีที่พอใหม



    9. เสร็จแล้ว นำ R 100k ข้างหนึ่ง มาเชื่อมเข้ากับขา in (หลัง C input) แล้ว ขาอีกข้างไปลงที่ GND
    โดยทำทั้งข้าง L และ R



    10. นำ C Electrolite ที่เตรียมไว้ทั้ง2ตัว เอาขา + ของตัวหนึ่ง มาบัดกรีเชื่อมเข้ากับ ขา - ของอีกตัวหนึ่ง (ซึ่งตรงจุดที่ขา + และ- ของ C แต่ละตัวเชื่อมเข้า

    ด้วยกันตรงจุดนี้เป็น Gnd ครับ)
    เมื่อทั้ง2ตัวติดกัน นำขาที่เหลือ (ก็คือ ขา+ และ- ของแต่ละตัว)
    นำสายลากมาเข้าที่ขา V in ของ opamp
    โดย ขา- ของ C Electrolite เข้าที่ ขา V- ของ opamp และ
    ขา+ ของ C Electrolite เข้าที่ ขา V+ ของ opamp
    (ดูรูปขาของ opamp ประกอป)

    โดยเผื่อสายอีกข้างหนึ่งไว้นิดหน่อย (เพื่อเป็นจุดที่จะนำไฟเข้าวงจร)





    11. จากนั้น นำพินที่เราเตรียมไว้ มาซัก 5 พิน ตัดพินตรงกลางด้านบนออก เชื่อมด้านล่างขาตรงกลางเข้าด้วยกัน ดังรูป
    สำหรับคนที่จะบัดกรีขั้วแบตและสวิทย์ลงไปตรงๆเลย ข้ามขั้นตอนตรงนี้ไปได้ครับ
    (โดยจะใช้4พิน หรือ5พินแบบผมก็ได้ แต่ถ้าใช้4 พิน เวลาเราเสียบสายมันจะเบียดกันเกินไปหน่อย)




    12. เสร็จแล้ว นำขา ด้านข้าง ทั้ง2ด้าน มาบัดกรีเข้ากับสายที่ต่อมาจาก ขั้ว + และ - ของ C Electrolite ที่เราทำค้างไว้
    (ในรูปจะเป้นแบบ4พินนะครับ ไม่ต้องสับสน แค่นำขาที่อยู่ด้านข้างทั้ง2 บัดกรีติดกับ C ลงไปเหมือนกัน)




    13. ต่อด้วย นำ R 4.7k มาบัดกรีที่ขา C Electrolite ลงไป ที่ Gnd ทั้ง2ข้าง






    14. จากนั้น เชื่อม Gnd ตรง C และ R เข้าด้วยกันกับ Gnd ของแจ๊ค และ เวอร์ลุ่ม





    15. นำ R 4.7k มาบัดกรีเข้าที่ขา 2 ของ opamp ตัวหนึ่ง
    และขา 6 ของ opamp อีกตัวหนึ่ง
    และนำด้านที่เหลือของ R ทั้ง2ตัว ไปลงที่ Gnd โดยผมวางตำแหน่งให้ขนานไปกับ R 100k ที่เราทำไว้ตอนแรก







    16. ดัดขาของ R 10 k ให้เป็นอย่างเช่นในภาพ






    17. นำ R 10k ตัวหนึ่งต่อจากขา 2 ไปที่ ขา1 ของ opamp (ขา1 คือขา out A)
    และ R 10k อีกตัว ต่อจากขา 6 ไปที่ขา 7 ของ opamp อีกเช่นกัน (ขา7 คือขา out B)



    เสร็จแล้วจะได้อย่างในภาพ



    18. นำ R 100ohm มาต่อเข้าที่ขา out ของ opamp แต่ละข้าง โดยถ้าทำตามกันมาตั้งแต่ต้น OUT A ของ opamp จะเป็น R
    และ out B ของ opamp จะเป็น L





    19. และนำปลายอีกด้านของ R 100ohm ไปบัดกรีเข้ากับ ขาของแจ็คตัวเมีย ตามข้าง ให้ L R ถูกต้อง
    (ระวังสับสนเนื่องจาก เราต้องพลิกไปพลิกมา)






    กลับมาหงายปรกติ จะได้แบบนี้







    พอถึงขั้นตอนนี้ ก็เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ^ ^ ตอนนี้ เรามาหาที่ให้ไฟแสดงสถานะกันดีกว่าครับ
    สำหรับท่านอื่นที่ต้องการจะต่อสาย และ เดินไฟไปยังส่วนต่างๆของกล่อง เพื่อโชวหลอด LED
    ก็เพียงแต่ เอา R 1k มาต่อที่ขา + ของหลอด LED คั่นระหว่าง หลอด กับ V+ ครับ

    แต่ผม อยากจะเอาไว้ในกล่องเลย เพราะจะได้เรียบร้อย (เรื่องของเรื่องคือขี้เกียจนั่นเอง)
    จึงใส่หลอด LED ไว้ใต้ซักเกต opamp แทน แต่วิธีต่อเหมือนกันครับ




    20. นำหลอด LED มาดัดขา วางลงตำแหน่งที่ต้องการ นำขา - บัดกรีติดกับ ไฟ - (สายเส้นที่บัดกรีติดอยู่กับ C Electrolite ขั้ว -)




    21. นำ R 1k มาบัดกรีติดกับขา + ของหลอด LED แล้วเอาขา R อีกด้าน ไปลงที่ไฟ + (สายเส้นที่บัดกรีติดอยู่กับ C Electrolite ขั้ว +)



    เมื่อเสร็จแล้วจะได้ดังภาพ





    แล้วเราก็เสร็จในขั้นตอนการ hard wire ตัวแอมพ์เรียบร้อยครับ จะได้ออกมาแบบนี้ครับ เหมือนกับที่ให้ดูที่ด้านบน ต้นกระทู้
    (ใครทำออกมาเหมือนผมบ้าง)









    เมื่อสับสวิทย์เป็น on ไฟของหลอด LED ใต้ opamp ก็จะสว่างขึ้น สวยงามครับ





    ตอนนี้ตัวแอมพ์ ถือว่าเสร็จแล้วครับ เรามาทำสายแบต และ สวิทย์กันต่อเลยครับ

    ซึ่ง ถ้าใครเลือกที่จะบัดกรีลงไปตรงๆเลย

    สายแบต 9v เส้นสีแดงคือขั้ว+ และ สีดำคือขั้ว -
    ก็บัดกรี สายแบต 9v ขั้ว - ลงไปที่ขา C Electrolite ขั้ว - ได้เลยครับ

    และ บัดกรี สายแบตขั้ว + เข้าไปที่สวิทย์ ขาใดขาหนึ่ง
    และ บัดกรีขาสวิทย์อีกขาหนึ่งที่เหลือ ต่อเข้ากับ C Electrolite ขั้ว + ก็เป็นอันใช้ได้ครับ


    22. นำขั้วแบต 9v ที่เราเตรียมไว้ มาบัดกรีสายทั้งแดง และ ดำ เข้าที่ พินแบบตัวเมียที่เราเตรียมไว้ (แบบ2พิน)
    เสร็จแล้วหุ้มท่อหดให้เรียบร้อยครับ ทำสัญลักษณ์ ว่าข้างไหนเป็น+ ข้างไหนเป็น- ซะหน่อยครับ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน








    23. นำสายไปขนาดยาวพอประมาณ 2 เส้น มาบัดกรีกับขา สวิทย์แต่ละขา ข้างละเส้น
    ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งของสาย ก็นำไปบัดกรีกับ พินตัวเมีย แบบ 2 พินที่เตรียมไว้ เหมือนที่ทำกับขั้วแบต
    เสร็จแล้ว หุ้มท่อหดให้เรียบร้อย






    24. นำสายทั้งสองเส้น คือ สายแบต กับสายสวิทย์มา เสียบลงบน พิน ที่ตัวแอมพ์ที่เราทำไว้ (ข้าง กับ C Electrolite)
    โดยหัวพินข้างที่เป็นขั้ว + หันไปทางสวิย์เสมอ (ใช้สวิทย์กั้นไฟ+ ก่อนเข้าวงจร)
    ////////////เรื่องไฟที่เข้าวงจร ในขั้นตอนการทำ และ การเสียบพิน หรือใส่แบต ระวังอย่าให้ผิดขั้วเด็ดขาด เพราะจะทำให้ opamp เสียหายได้ครับ





    25. แล้วก็นำมาลงกล่องที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก จะสวิทย์ ลงตำแหน่ง ใส่แบต 9v. ลงกล่อง จัดสายให้สวยงามครับ
    ใครที่ลากสาย จะนำหลอด LED มาไว้ข้างนอก ก็เจาะ และหาตำแหน่งวางกันตามใจชอบครับ

    ////////ซึ่ง เราต้อง เอาเทปกาว2หน้าแบบ บาง (มันจะเหนียวมากๆ ) มาแปะไว้ที่พื้นกล่องที่วางแบตด้วยนะครับ เพื่อไม่ให้แบตเคลื่อนที่ ไปกระแทก วงจรที่เรา hard wire กันมา

    จนอาจเสียหายได้ครับ

    เรียบร้อยก็ปิดกล่องได้





















    26. แต่สำหรับคน ที่ฝังหลอด LED ไว้ใต้ opamp เหมือนๆ ผม คงจะปิดกล่องกันไม่ได้แน่ๆ เพราะปิดแล้วไม่เห็นไฟ ^ ^
    เราก็จัดการเจาะกล่อง ตามใจชอบเลยครับ หรือ ใครจะแจะเป็นช่องใหญ่ๆเลย แล้วเอาแผ่นอคิลิกใสบางๆมาแปะไว้แทนก็ได้ครับ
    โชว์ไฟ และโชว์การ hard wire ไปด้วยเลย สวยดี มองเห็นเบอร์ opamp อีกต่างหาก อิๆๆ







    เสร็จแล้ว ก็นำไปใช้ ได้ตามสะดวกครับ พร้อมความภูมิใจในฐานะ นัก DIY (ตัวน้อยๆ) ^ ^






    อ่านซักนิด ก่อนลงมือทำ
    1. สายที่จะนำมาใช้ จะเป็นแบบมีฉนวนก็ได้ หรือจะเป็นแบบไหนก็ตามแต่สะดวก และความถนัด ซึ่ง คุณภาพของสาย มีผลแต่เสียงแอมพ์โดยตรงซึ่ง สายที่ผมนำมาใช้ทำสาธิต เป็นสายลวดทองแดงพันไดนาโม (เบอร์อะไรจำไม่ได้) ซึ่งคุณภาพธรรมดา แต่มันคลือบนํ้ายาเป็นฉนวนทำให้เมื่อปล่อยทิ้งไว้ ทองแดงจะไม่ดำ สวยงามเหมือนเดิมเสมอ และ ยังยากต่อการช๊อตกันของสายสัญญาณ

    2. การเดินสาย ไม่จำเป็นต้องดัดลวด ตามผมก็ได้ ถ้าไม่ถนัดครับ แค่ใช้สายต่อจุดต่างๆให้ตรงตามวิธี ก็พอครับ

    3. บริเวณที่เราจะทำการบัดกรี เช่น ขาของอุปกรณ์ต่างๆ ลวดทองแดงที่นำมาใช้ ก่อนจะบัดกรี ควรจะเอาตะใบ ตะใบซักนิด หรือว่าใช้มีดขูดๆ ก่อนบัดกรี จะทำให้บัดกรีติดง่าย ซึ่งพวก ขา ซักเกต ขาสวิทย์ ขาเวอร์ลุ่ม เราน่าจะทำเตรียมไว้ทุกขาตั้งแต่เริ่ม เพื่อเวลาลงมือทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งตะใบทีละนิด เพราะจะลำบาก ถ้าเริ่มบัดกรีอุปกรณ์ลงไปบ้างแล้ว

    4. ตรงจุดต่างๆที่ ขามันชิดๆกัน เมื่อบัดกรีเสร็จ ควรเอาที่ตัดเล็บ ตัดสาย หรือตะกั่วที่ยื่นๆออกมามากเกินไป ทิ้งซะ เพราะมันอาจจะช๊อตกันได้ เช่น ตรงขาของเวอร์ลุ่ม และบริเวณขาซักเกตออฟแอมพ์

    5. ก่อนลงมือทำ ควรกะขนาด และคิดคร่าวๆ ว่าจะวางอุปกรณ์ยังไง ไปด้วย และถ้าต้องการจะนำมาลงกล่อง อย่าลืมจุดนี้เด็ดขาด เพราะไม่งั้น ทำออกมาเสร็จแล้ว ลงกล่องไม่ได้ ยัดอุปกรณ์ไม่ลง แก้กันยาวเลย

    6. ระวังเรื่องขั้วของ ไฟ มากหน่อยนะครับ เพราะถ้าผิดขั้ว opamp จะเสียหายได้ (อาจจะทันที)




    By nitroboy




    ..
    Last edited by nitroboy; 6 Oct 2013, 00:12:07.

    Comment


    • #3
      AMP ต่างๆ ที่เคยได้ทำไว้
      tle2426 + opamp + buf634



































      Last edited by nitroboy; 6 Oct 2013, 01:03:23.

      Comment


      • #4
        โอ้ววว มันคือศิลปะ

        Comment


        • #5
          สวยงามน่ารักแบบนี้ สุ้มเสียงเป็นไงบ้างครับ

          ต้นทุนประมาณเท่าไหร่?

          เห็นแล้วว้อนท์ อยากเคาะสนิทฝีมืออิเล็กเลย

          Comment


          • #6
            สุดๆ ไปเลยครับ

            Comment


            • #7
              hardwire ได้สวยครับ

              เสียดายขาย Grado ไปละ
              Last edited by cynical; 21 May 2009, 19:30:52.

              Comment


              • #8
                ว่างต้องลองลงมือทำซักหน่อย

                Comment


                • #9
                  น่าสนใจครับ แต่ว่า ผมจะหาซื้อ op amp ได้จากที่ไหนครับ แล้วราคาเท่าไหร่ ชี้เป้าด้วยครับ
                  อยากลองทำบ้างเหมือนกัน

                  Comment


                  • #10
                    Creative มาก ๆ ครับ

                    Comment


                    • #11
                      พี่ๆรับลงกล่องไหมคับ
                      อยากได้แต่มีงบพัน
                      พอไหมคับ

                      Comment


                      • #12
                        ดูวงจรแล้วทำง่ายดีครับ ไม่น่าจะถึงพัน ไม่ต้องใช้แผ่นปรินส์ประหยัดงบได้เยอะ

                        อยากทำ แต่ผมไม่มีเวลาทำ -*-

                        Comment


                        • #13
                          เจ้ยน้องมดสวยอ่ะ ชอบๆๆๆ วันไหนว่างๆติดมือมาลองฟังมั่งนะ

                          Comment


                          • #14
                            F16 เนีย สวยจริงๆ

                            Comment


                            • #15
                              opamp ในวงจร 134 เป็น single

                              แต่ใน hardwire มีตัวเดียว

                              ใช้ เบอร์ opa2134pa แน่เลย ใช่ไหมครับ


                              เคยทำอยู่นะครับ ใช้ 2132 pa เสียงดีนะครับ

                              เอามาทำปรีเล็กๆก็ดีครับ

                              Comment

                              Working...
                              X