รายงานข่าวแจ้งว่า ระบบปฏิบัติการ Windows Vista จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์แบบใหม่ด้วยการปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง หากระบบปฏิบัติการไม่ได้รับการแอคทิเวท (activate) ภายใน 30 วันหลังติดตั้งเข้าไป
หากระบบปฏิบัติการ Windows Vista ไม่ได้รับการกระตุ้น (activate) ด้วย product key ที่ถูกกฎหมายภายใน 30 วัน ระบบจะเข้าสู่โหมด ลดฟังก์ชันการทำงาน (reduced functionality mode) จนกว่าจะได้รับการแอคทิเวต Thomas Lindeman ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ที่ไมโครซอฟท์ กล่าว ซึ่งในโหมดการทำงานนี้ ผู้ใช้จะสามารถใช้เว็บบราวเซอร์ท่องเน็ตได้หนึ่งชั่วโมง หลังจากพ้นช่วงเวลาดังกล่าว ระบบจะล็อกเอาต์ออกไป
เทคโนโลยีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Software Protection Platform ของไมโครซอฟท์ โดยทางบริษัทได้ประกาศแผนดังกล่าวในวันพุธ เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของไมโครซอฟท์ที่จะออกมาในอนาคต แต่จะเริ่มใช้ใน Windows Vista และ Windows Server Longhorn
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ส่วนใหญ่อาจจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับเทคโนโลยีป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ใน Vista โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Vista ไว้แล้วจากบริษัทอย่างเช่น Dell, HP และ Gateway เนื่องจากคอมพิวเตอร์ของบริษัทเหล่านี้ได้รับการแอคติเวทระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้บริโภคที่ติดตั้ง Vista ด้วยตนเอง จะมีระยะเวลา 30 วันในการแอคทิเวทระบบปฏิบัติการ โดยในช่วง 30 วัน ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งเตือนที่แสดงการนับถอยหลังจำนวนวันที่เหลือ และในระหว่าง 3 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดมันจะมีการแจ้งเตือนถี่มากเป็นพิเศษ
หากผู้ใช้ละเลยการแอคทิเวทภายใน 30 วัน Vista จะแสดงทางเลือกให้ 4 ทางด้วยกัน โดยทางเลือกแรก เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถแอคทิเวทผ่านออนไลน์ ทางเลือกที่สอง ใช้งาน Vista ในโหมดลดฟังก์ชันการทำงาน ทางเลือกที่สาม ป้อน Product Key ที่ถูกกฎหมาย และทางเลือกที่สี่ แสดงวิธีแอคทิเวทโดยการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ Lindeman กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์จะยังคงมีการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายของระบบปฎิบัติการ Vista แม้ภายหลังที่ได้ทำแอคทิเวทไปแล้ว ซึ่งการตรวจสอบในลักษณะดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในหลายๆ สถานการณ์เช่น เมื่อดาวน์โหลดโปรแกรมเพิ่มเติมจากทางไมโครซอฟท์ เป็นต้น
และในระหว่างที่ระบบปฏิบัติการถูกแจ้งเตือน(เนื่องจากไม่ยอมแอคทิเวท) Vista จะปิดกั้นการเข้าถึงเครื่องมือ Windows Defender anti-spyware ตัวเลือกสำหรับคุณสมบัติการเพิ่มขยายหน่วยความจำ ReadyBoost และกราฟิก Aero นอกจากนี้ ที่มุมด้านล่างขวายังจะมีการแสดงข้อความ This copy of Windows is not genuine ค้างไว้ตลอดเวลาอีกด้วย และขั้นสูงสุดของการป้องกันลิขสิทธิ์คือ ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการ Vista ได้
ความพยายามเพิ่มความยากในการละเมิดลิขสิทธิ์ในผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ทางบริษัทยังได้มีการเปลี่ยนวิธีให้ไลเซนส์ซอฟต์แวร์อีกด้วย โดยระบบไลเซนส์แบบใหม่จะเข้าไปทับไลเซนส์โวลุ่มแบบเก่าที่องค์กรธุรกิจใช้ และเป็นไลเซนส์ที่มักจะถูกนำไปใช้ในการละเมิด เนื่องจากคีย์ประเภทนี้จะสามารถใช้รันผลิตภัณฑ์ได้หลายก็อปปี้ไม่จำกัดจำนวน โดยเฉพาะไลเซนส์ของ Windows XP และ Office XP
สำหรับในระยะเริ่มต้นของการใช้แพลตฟอร์มป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ใน Vista ไมโครซอฟท์จะให้คีย์ที่แตกต่างกัน 2 ชนิด พร้อมทางเลือก 3 วิธี เพื่อกระจายคีย์เหล่านี้ภายในองค์กร โดยในทุกกรณีอาจจะต้องมีงานเพิ่มเติมที่แผนกไอทีของบริษัทต้องเข้าไปช่วยดำเนินการให้เรียบร้อย
Product key ชนิดแรกที่ใช้แทนระบบปัจจุบันเรียกว่า multiple activation key หรือ MAK ผู้เชี่ยวชาญไอทีของบริษัทจะสามารถติดตั้งคีย์ชนิดนี้ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการแอคทิเวทผ่านออนไลน์ หรือเซตอัพพล็อกซี่ของส่วนกลางด้วยคีย์ดังกล่าว เพื่อแอคทิเวทหลายๆ เครื่องพร้อมกันในคราวเดียว
ทางเลือกสำหรับไลเซนส์ชนิดที่สองเรียกว่า key management service หรือ KMS การที่องค์กรจะเลือกใช้ระบบในลักษณะนี้จะต้องเซตอัพบริการ KMS บนเครือข่ายของบริษัทขึ้นมาก่อน เพื่อแอคทิเวทเครื่องไคลเอ็นต์ คอมพิวเตอร์ทีรัน Vista จะมองหาบริการ KMS และแอคทิเวทเองโดยอัตโนมัติ
ข่าว : Arip.co.th
หากระบบปฏิบัติการ Windows Vista ไม่ได้รับการกระตุ้น (activate) ด้วย product key ที่ถูกกฎหมายภายใน 30 วัน ระบบจะเข้าสู่โหมด ลดฟังก์ชันการทำงาน (reduced functionality mode) จนกว่าจะได้รับการแอคทิเวต Thomas Lindeman ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ที่ไมโครซอฟท์ กล่าว ซึ่งในโหมดการทำงานนี้ ผู้ใช้จะสามารถใช้เว็บบราวเซอร์ท่องเน็ตได้หนึ่งชั่วโมง หลังจากพ้นช่วงเวลาดังกล่าว ระบบจะล็อกเอาต์ออกไป
เทคโนโลยีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Software Protection Platform ของไมโครซอฟท์ โดยทางบริษัทได้ประกาศแผนดังกล่าวในวันพุธ เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของไมโครซอฟท์ที่จะออกมาในอนาคต แต่จะเริ่มใช้ใน Windows Vista และ Windows Server Longhorn
อย่างไรก็ดี ผู้ใช้ส่วนใหญ่อาจจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับเทคโนโลยีป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ใน Vista โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Vista ไว้แล้วจากบริษัทอย่างเช่น Dell, HP และ Gateway เนื่องจากคอมพิวเตอร์ของบริษัทเหล่านี้ได้รับการแอคติเวทระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้บริโภคที่ติดตั้ง Vista ด้วยตนเอง จะมีระยะเวลา 30 วันในการแอคทิเวทระบบปฏิบัติการ โดยในช่วง 30 วัน ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งเตือนที่แสดงการนับถอยหลังจำนวนวันที่เหลือ และในระหว่าง 3 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดมันจะมีการแจ้งเตือนถี่มากเป็นพิเศษ
หากผู้ใช้ละเลยการแอคทิเวทภายใน 30 วัน Vista จะแสดงทางเลือกให้ 4 ทางด้วยกัน โดยทางเลือกแรก เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถแอคทิเวทผ่านออนไลน์ ทางเลือกที่สอง ใช้งาน Vista ในโหมดลดฟังก์ชันการทำงาน ทางเลือกที่สาม ป้อน Product Key ที่ถูกกฎหมาย และทางเลือกที่สี่ แสดงวิธีแอคทิเวทโดยการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ Lindeman กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์จะยังคงมีการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายของระบบปฎิบัติการ Vista แม้ภายหลังที่ได้ทำแอคทิเวทไปแล้ว ซึ่งการตรวจสอบในลักษณะดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้ในหลายๆ สถานการณ์เช่น เมื่อดาวน์โหลดโปรแกรมเพิ่มเติมจากทางไมโครซอฟท์ เป็นต้น
และในระหว่างที่ระบบปฏิบัติการถูกแจ้งเตือน(เนื่องจากไม่ยอมแอคทิเวท) Vista จะปิดกั้นการเข้าถึงเครื่องมือ Windows Defender anti-spyware ตัวเลือกสำหรับคุณสมบัติการเพิ่มขยายหน่วยความจำ ReadyBoost และกราฟิก Aero นอกจากนี้ ที่มุมด้านล่างขวายังจะมีการแสดงข้อความ This copy of Windows is not genuine ค้างไว้ตลอดเวลาอีกด้วย และขั้นสูงสุดของการป้องกันลิขสิทธิ์คือ ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการ Vista ได้
ความพยายามเพิ่มความยากในการละเมิดลิขสิทธิ์ในผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ทางบริษัทยังได้มีการเปลี่ยนวิธีให้ไลเซนส์ซอฟต์แวร์อีกด้วย โดยระบบไลเซนส์แบบใหม่จะเข้าไปทับไลเซนส์โวลุ่มแบบเก่าที่องค์กรธุรกิจใช้ และเป็นไลเซนส์ที่มักจะถูกนำไปใช้ในการละเมิด เนื่องจากคีย์ประเภทนี้จะสามารถใช้รันผลิตภัณฑ์ได้หลายก็อปปี้ไม่จำกัดจำนวน โดยเฉพาะไลเซนส์ของ Windows XP และ Office XP
สำหรับในระยะเริ่มต้นของการใช้แพลตฟอร์มป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ใน Vista ไมโครซอฟท์จะให้คีย์ที่แตกต่างกัน 2 ชนิด พร้อมทางเลือก 3 วิธี เพื่อกระจายคีย์เหล่านี้ภายในองค์กร โดยในทุกกรณีอาจจะต้องมีงานเพิ่มเติมที่แผนกไอทีของบริษัทต้องเข้าไปช่วยดำเนินการให้เรียบร้อย
Product key ชนิดแรกที่ใช้แทนระบบปัจจุบันเรียกว่า multiple activation key หรือ MAK ผู้เชี่ยวชาญไอทีของบริษัทจะสามารถติดตั้งคีย์ชนิดนี้ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการแอคทิเวทผ่านออนไลน์ หรือเซตอัพพล็อกซี่ของส่วนกลางด้วยคีย์ดังกล่าว เพื่อแอคทิเวทหลายๆ เครื่องพร้อมกันในคราวเดียว
ทางเลือกสำหรับไลเซนส์ชนิดที่สองเรียกว่า key management service หรือ KMS การที่องค์กรจะเลือกใช้ระบบในลักษณะนี้จะต้องเซตอัพบริการ KMS บนเครือข่ายของบริษัทขึ้นมาก่อน เพื่อแอคทิเวทเครื่องไคลเอ็นต์ คอมพิวเตอร์ทีรัน Vista จะมองหาบริการ KMS และแอคทิเวทเองโดยอัตโนมัติ
ข่าว : Arip.co.th
Comment