Announcement

Collapse
No announcement yet.

โมให้ดีกันเยอะแล้ว มาม๊ะ....มาโมให้"เจ๊ง"กันดีกว่า

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • โมให้ดีกันเยอะแล้ว มาม๊ะ....มาโมให้"เจ๊ง"กันดีกว่า


    อ่านมาหลายกระทู้ ที่แนะนำเรื่องการโมดิฟายการ์ดเสียง ให้เสียงดี ให้เสียงใส กันมาเยอะแล้ว
    หลายคนก็ประสบความสำเร็จในการโมดิฟายกันมากมาย ปลื้มปิติกันไป
    มาลองพิจารณาแนวใหม่กันอีกสักแนว จะเป็นไรไป



    Auzen X-Plosion 7.1 DTS Connect

    การ์ดสภาพเดิมๆ - ด้านหน้า



    รูปการ์ดแบบเวอชั่นORIGINALหาดูจากที่ไหนก็ได้googleมีให้ดูได้อีกเยอะแยะ
    เปลี่ยนบรรยากาศ มาดูเวอชั่นแปลกตากันดีกว่า

    การ์ด + ไม่ใส่ไอซีออปแอมป์


    การ์ด + MC4558CU (Ceramic DIP)


    สังเกตุที่หัวน็อตดีๆ ทั้ง2ตัวจะไม่เหมือนกัน


    สัญญาณ Digital Out : R57 , R58 , R60 , C61 , C62 , C68


    วงจรควบคุมแรงดันไฟ +8โวลท์ -8โวลท์ (Voltage Regulator)


    --------------------------------------------------------------------

    ที่มาของกระทู้นี้
    ช่วงนี้ กระทู้งานโมดิฟายปรับปรุงเสริมแต่งเสียง เริ่มเงียบเหงา
    ก็เลยไปคุยกับเพื่อนคนนึงที่เค้าเคยโมดิฟายพวกเครื่องเสียง ว่ามีไรน่าสนใจบ้างไม๊ จะได้เอาไปโพสกระตุ้นกลุ่มนักDIY

    เค้าถามกลับมาว่า "แล้วในเวปที่เข้าไปดู ส่วนใหญ่เค้าโมดิฟายกันแบบไหนบ้างละ"
    ก็บอกไปว่า "เห็นส่วนใหญ่เปลี่ยน OP-AMP , เปลี่ยนตัวเก็บประจุ , ดูจากเวปนอกเป็นแนวทางบ้าง , โมกันเองคิดกันเองบ้าง"
    เค้าเลยบอก "งั้นเอารูปพวกนี้ไปลองโพสดู จะได้มีแนวทางใหม่เพิ่มขึ้น จะได้ไม่เบื่อกัน"

    ด้วยความอยากรู้ เลยถามกลับไปว่า "แล้วถ้ามีคนสนใจ จะให้ทำให้ จะรับงานไม๊"
    เค้ามองหน้าแล้วตอบแบบไม่ลังเล "ไม่ อยากให้ลองทำกันเอง จะได้พัฒนาได้ต่อเนื่อง"

    ถามเค้าอีกครั้ง "วิธีแบบนี้ น่าสนใจยังงัย ดียังงัยเหรอ"

    คราวนี้อธิบายยาวเลย
    "เปลี่ยนแต่ตัวเก็บประจุ เปลี่ยนแต่ออปแอมป์ ทำแบบนี้ ยังไม่ได้เต็มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะว่า เส้นทางของสัญญาณ ที่ถูกส่งต่อจากออปแอมป์ไปที่แจ็คหูฟัง ยังต้องผ่านอุปกรณ์อีกหลายตัวที่คั่นกลางอยู่ ไม่เว้นแม้กระทั่งลายทองแดง"

    "อุปกรณ์ต่างๆ หรือ ลายทองแดงในแผ่นPCB การทำงานของมัน ก็เหมือนสายสัญญาณเสียงที่ใช้กัน ถ้าเชื่อว่าสายสัญญาณมีผลกับเสียง แล้วทำไมถึงคิดว่า ทองแดงลายปริ๊นไม่มีผลละ"

    "ถ้าเราสามารถใช้PCBที่ใช้เนื้อทองแดงคุณภาพสูง ทองแดงที่ให้เสียงดีได้ ก็ใช้ลายทองแดงพวกนั้นช่วยปรับแต่งน้ำเสียงได้ แต่ถ้าไม่ใช่ละ เราควรจะตัดมันออกไปไม๊"

    "ถ้าจะไม่ใช้หรือข้ามการทำงานของลายทองแดงในแผ่นPCB หรือที่กลุ่มDIYเรียกกันว่า ฮาดไวร์"

    "ฮาดไวร์ คือ การที่เราใช้ขาของอุปกรณ์เชื่อมโยงทางเดินของวงจร ทำให้ ทางเดินของไฟหรือสัญญาณต่างๆสั้นลง มีผลให้ รายละเอียดหยุมหยิม , ฮาร์โมนิคของเสียง , ไดนามิคของเสียง ฯลฯ ไม่สูญหายไปโดยไม่จำเป็น"


    ปล.
    1. รูปด้านบน การโมดิฟายการ์ดตัวนี้ ยังไม่จบ เพราะต้องรออะไหล่ที่สั่งจากนอก ได้ของครบก็จะทำส่วนที่เหลือ
    - เปลี่ยนอุปกรณ์ในส่วนของ Digital Out > R57 47K , R58 390 ohm , R60 100 ohm / C61 , C62 , C68 รอวัดค่าตอนทำอีกครั้ง
    - เปลี่ยนอุปกรณ์ในส่วนของ Voltage Regulator / Q2 KA79M08 เป็นของยี่ห้อMotorola MC79M08CDTG TO-252

    2. ถอดตัวเก็บประจุที่Auzenใส่ Bi-CAP ตัวเก็บประจุแบบElectrolytic (เค้าBi-Capตัวเก็บประจุทุกตัว) ในส่วนของวงจร Voltage Regulator ออกทั้งหมด

    3. วันนี้เจ้าาของการ์ดตัวนี้ได้รับการ์ดกลับไปแล้ว ถ้ามีโอกาสเค้าคงมาเล่าสู่กันฟังว่า วิธีแบบนี้ให้ความแตกต่างจากเดิมยังงัยบ้าง
    - เลี่ยงการใช้คำว่า "เสียงดีหรือไม่ดี" เพราะแต่ละคนก็มีความชอบแตกต่างกันไป "ดีของเรา" อาจจะ "ไม่ดีของเค้า"ก็ได้
    - ถ้าการทำแบบนี้สามารถทำให้เกิดความแตกต่างได้จริง ยังงัยก็ต้องรับรู้ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

    4. เจ้าของกระทู้ เป็นเพียงคนนำคำพูดของเพื่อนคนนึงมาบอกต่อเท่านั้น อย่าได้เข้าใจเป็นอย่างอื่น ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วย


    --------------------------------------------------------------------



    รีวิว เสียงของอะหลั่ยต่างๆ / สายไฟ


    Russia Capacitor : K73-16B Polyester Capacitor ManiacMaew

    > หน้า267 #5327


    JRC muses series 8820 & 8920 ManiacMaew

    > หน้า273 #5454
    > หน้า 274 #5462


    สายไฟเครื่อง ManiacMaew

    > หน้า 283 ##5655


    --------------------------------------------------------------------



    Sound Card


    ASUS Xonar DS kmod

    > หน้า2-11 ทำความเข้าใจ หลักการทำงานส่วนต่างๆของการ์ด
    > หน้า39 E6420 + tavichai บอกเล่าเรื่องการ์ด
    > หน้า168 "Microphone" และ "Line In"
    > หน้า176
    > หน้า199 เล่นสนุกกับวงจรเอ้าท์พุท


    ASUS Xonar DS milestone

    > หน้า42
    > หน้า176


    ASUS Xonar DS ManiacMaew

    > หน้า165 รายละเอียด "สายต่อชุด Front Panel"
    > หน้า168
    > หน้า171
    > หน้า175 c filter ของขา Hpvdd
    > หน้า177
    > หน้า178 Active High Pass Filter with Amplification
    > หน้า190 L หลัง 7805 ของds
    > หน้า195 วงจรขาออก ds
    > หน้า220 CMI8788 digital-output pinout


    ASUS Xonar DS tumd

    > หน้า 283 ##5653


    ASUS Xonar Essence STX kmod

    > หน้า57
    > หน้า58
    > หน้า60
    > หน้า61
    > หน้า62
    > หน้า64


    ASUS Xonar Essence STX OzonekunG

    > หน้า216


    Soundblaster Audigy2 ZS kmod

    > หน้า50
    > หน้า53
    > หน้า54
    > หน้า75 - aioros บอกเล่าเรื่องการ์ด


    Soundblaster X-Fi ELITE kmod

    > มาเปลี่ยน opamp ให้ X-Fi Xtreme music กันเถอะ - หน้า54 #1073
    > หน้า20
    > หน้า26


    Soundblaster Live (SB4760) nakpat

    > หน้า37
    > หน้า38


    Soundblaster X-Fi Audio (SB0790) OV_Events

    > หน้า43


    Soundblaster Live (SB0100) ManiacMaew

    > หน้า126
    > หน้า127
    > หน้า128
    > หน้า129
    > หน้า130


    Soundblaster Live (SB0100) scorbinort

    > หน้า204


    Soundblaster Live (SB0200) ManiacMaew

    > หน้า136
    > หน้า137
    > หน้า138


    Auzen X-Fi Prelude kmod

    > หน้า12
    > หน้า13
    > หน้า14
    > หน้า270
    > หน้า271
    > หน้า272


    auzen Forte 7.1 ManiacMaew


    > หน้า245
    > หน้า246
    > หน้า248
    > หน้า249
    > หน้า279


    E-MU Systems EMU1212M onepiece01

    > หน้า169


    Yamaha XG192(724) carbon_za

    > หน้า205


    Sound Blaster X-Fi 046A Chiang~*
    ซ่อมการ์ด อาการ...บางครั้งเครื่องดีเทคเจอการ์ดบางครั้งไม่เจอการ์ด

    > หน้า96
    > หน้า97
    > หน้า98
    > หน้า99
    > หน้า104


    Amplifier Dummy Load

    [img]> หน้า182[/img]


    --------------------------------------------------------------------



    DAC (Digital to Analog Conveter)


    Sorch DAC Z2 ManiacMaew

    > หน้า20
    > หน้า23
    > หน้า25
    > หน้า26
    > หน้า27
    > หน้า28
    > หน้า29
    > หน้า31
    > หน้า33
    > หน้า35


    Mini 1793 DAC kit ManiacMaew

    > หน้า64


    FiiO D3 Wizardmans

    > หน้า174
    > หน้า175


    Sound Blaster Play! ManiacMaew

    > หน้า238


    Musiland Monitor 03US b_amnart

    > หน้า245
    > หน้า246
    > หน้า247
    > หน้า248
    > หน้า249
    > หน้า250
    > หน้า251


    I/V Converter แบบPassive

    > หน้า170


    รวมภาพภายใน"เครื่องDACหลายยี่ห้อ" #1
    > หน้า119


    รวมภาพภายใน"เครื่องDACหลายยี่ห้อ" #2
    > หน้า215


    --------------------------------------------------------------------



    Multimedia Speaker


    Eacan A600 II conus009

    > หน้า28
    > หน้า31
    > หน้า32


    Sony SRS-D211 ManiacMaew

    > หน้า42


    Aiwa TS-CD20 kmod

    > หน้า76


    Leona G9 tiger X-fi

    > หน้า155


    Leona G8 NooHeng

    > หน้า185
    > หน้า186
    > หน้า187
    > หน้า188
    > หน้า191
    > หน้า192
    > หน้า193


    EACAN A400R BLAXZ

    > หน้า190
    > หน้า191
    > หน้า192
    > หน้า194


    Micolab X2 dargon1006

    > หน้า192
    > หน้า193
    > หน้า194


    Micolab FC 730 jinn

    > หน้า195


    Eacan A200 5.1 - ค่าRในตำแหน่งที่ไหม้ coloner

    > หน้า216


    microlab PRO2 tiger X-fi

    > หน้า242


    Elephant SP-011 dracoV

    > หน้า276


    Creative Inspire 5.1 5200 tumd

    > หน้า276


    การทำ/โมฯ crossover network dracoV

    > หน้า259


    DIY ตู้ลำโพง tiger X-fi

    > หน้า159


    โมขาลำโพง ปรับองศา กับ ความสูง battlecruiser

    > หน้า162


    รวมภาพภายใน"หูฟังหลายยี่ห้อ"
    > หน้า209


    รวมภาพภายใน"ลำโพงหลายยี่ห้อ"
    > หน้า210


    --------------------------------------------------------------------



    Car Audio


    Clarion PP-3091H kmod

    > หน้า123
    > หน้า125-126 แลกเปลี่ยนข้อมูล เจ้าของ(ekkit), คนโม, เพื่อนในเวป
    > หน้า127
    > หน้า133
    > หน้า138
    > หน้า148
    > หน้า149
    > หน้า150
    > หน้า162


    --------------------------------------------------------------------



    Monitor


    BenQ FP91G+ LCD Monitor kmod

    > หน้า22
    > หน้า155


    BenQ E900W LCD Monitor kmod

    > หน้า276


    Samsung SyncMaster 2232GW Wizardmans

    > หน้า126


    Samsung 19นิ้ว Wizardmans

    > หน้า151


    AOC IP23 Wizardmans

    > หน้า191


    Philips 190CW LoveHifi

    > หน้า279


    --------------------------------------------------------------------



    Power Supply


    DC Blocker (รายละเอียด)

    > หน้า287 #5724


    DC Blocker osxp

    > หน้า287 #5725


    โมสายไฟเลี้ยงCPU ManiacMaew

    > หน้า85


    SATA Power Cable kmod

    > หน้า266


    MOD : ขั้วไฟ SATA dracoV

    > หน้า258


    แนวทางการปรับปรุงระบบไฟเลี้ยงภายในคอมให้ดีขึ้น machine_A

    > หน้า41


    Linear Power Supply Computer machine_A

    > หน้า65
    > หน้า68
    > หน้า84


    iCute AP-800 (BR/PRO) Wizardmans

    > หน้า116
    > หน้า151


    DeLUX DLP-34A pluanant

    > หน้า159


    SAN (RS22C) 420CE/LGA775 kmod

    > หน้า189


    NMB GM460WTXX01SSV "rev-04" kmod

    > หน้า256
    > หน้า257
    > หน้า259
    > หน้า261
    > หน้า262
    > หน้า263
    > หน้า264


    Raidmax Volano RX-630A tiger X-fi

    > หน้า277


    --------------------------------------------------------------------



    Display Card


    XFX 8600GT pluanant

    > หน้า106


    --------------------------------------------------------------------



    ADSL Spliter and ADSL Modem


    ADSL Spliter kmod

    > หน้า71


    LevelOne WBR-3460A kmod

    Linksys AG241V2-EU kmod

    > หน้า76
    > หน้า78
    > หน้า87


    Linksis WAG54G2 Wizardmans

    > หน้า107


    --------------------------------------------------------------------


    Cooler Master Elite 431 plus : Front Panel , Docking kmod

    > หน้า278


    Cooler Master Elite 430 : Front Panel , Fan kmod

    > หน้า260


    Apacer AE501B ... Internal Card Reader ... kmod

    > หน้า277


    CPU Cooling Fan kmod

    > หน้า256


    Sanyo Denki - San Ace 25 109P1212M401 : 12 V, 140 mA, 1.7W, 1,700 rpm kmod

    > หน้า279
    > หน้า280


    ebm-papst - 4312 DC axial compact fan : 12 V, 420 mA, 5.0 W kmod

    > หน้า280


    Fan Speed Controller & Fan Starter dracoV

    > หน้า262
    > หน้า263
    > หน้า264
    > หน้า265


    Mouse kmod

    > หน้า211


    Mouse omegathai

    > หน้า248
    > หน้า250


    Mouse Logitech G400 ManiacMaew

    > หน้า276


    UPS mod osxp

    > หน้า275


    UPS mod dracoV

    > หน้า265


    goot PX-1 Soldering Station kmod

    > หน้า220


    R, C คร่อมสวิทช์ เพื่อลดการสปาร์คหน้าสัมผัสของคอนแทค tiger X-fi

    > หน้า109
    > หน้า110

    > หน้า130


    adaptor แปลง 2.5" เป็น 3.5" dracoV

    > หน้า253


    Photos/Schematic of Transparent Cables Found on the Internet

    > หน้า 287 #5721


    --------------------------------------------------------------------



    Wikipedia : American wire gauge



    --------------------------------------------------------------------



    รวมตัวอย่างวงจรที่น่าสนใจ เพื่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจ


    Power Supply แบบปรับไฟอินพุทอัตโนมัติ 85-254VAC datasheet ของ Semiconductor
    > หน้า161

    Panasonic WM61A Electret Microphone Amplifier
    > หน้า162

    DIR9001 SPDIF decoder www.pavouk.org
    > หน้า162


    --------------------------------------------------------------------



    USB interface description , USB Cable

    > หน้า185


    วิธีวัดไฟรั่ว & เช็คสายไฟเครื่อง
    > หน้า111
    Last edited by keang; 13 May 2014, 13:09:49.

  • #2
    จับผิด คนโมการ์ด

    * ผู้ผลิตเค้าอุตส่าห์ ใส่ตัวเก็บประจุBi-Capไว้ เค้าต้องมีเหตุผลของเค้าสิ อยู่ดีๆเค้าคงไม่ใส่ไว้หรอก มันต้องดีอยู่แล้ว >> ไปถอดของเค้าออกทำไม "บ้าหรือป่าว"

    * ผู้ผลิตอุตส่าห์ลงทุนใส่ตัวเก็บประจุแบบSolidมาให้แล้ว ของเค้าก็ใช้เกรดดีอยู่แล้ว >> ไปเปลี่ยนของเค้าทำไม "บ้าหรือป่าว"

    * PCBที่เค้าใช้ ลายทองแดงของเค้าชุบทองด้วยน่ะ ชุบทองต้องเสียงดีสิ แล้วทำไมไปใช้แบบฮาดไวร์ ไม่ยอมใช้ลายทองแดงของเค้าละ >> มีของดีอยู่แล้วแต่ไม่ยอมใช้ "บ้าหรือป่าว"

    * ไหนบอกว่า มีอุปกรณ์มาคั่นกลางแล้วมันไม่ดี แล้วไม่ถอดซ็อคเกทICออกไปด้วยละ >> "หลอกกันหรือป่าว"


    --------------------------------------------------------------------


    Resistor Color Code
    หน้า28 โพส546



    --------------------------------------------------------------------


    รวบรวมรูปไอซี แบบCeramic และ Ceramic Gold Pin

    OP-Amp

    - MC4558CU Ceramic-Dip ของ Motorola


    - NE5532FE Ceramic-DIP ของ Philips


    - SE5532AFE Ceramic-DIP ของ Signetic (ปัจจุบันโดนPhilipsซื้อกิจการแล้ว)



    DAC

    - Burr-Brown DAC85Q-CBI-V Gold METAL-CAN Monolithic 12-Bit Digital-to-Analog Converters


    - National Semiconductor DAC1287HCD


    - TDA1540D 14-Bit DAC Ceramic-DIP


    - AD566AJD Ceramic-DIP & Gold pin ของ Analog Devices High Speed 12-Bit Monolithic DAC



    --------------------------------------------------------------------


    รูปแบบตัวถังของตัวอะหลั่ย
    พื้นฐานของอะหลั่ยทั้งหมด จะเริ่มจากตัวพลาสติค(Plastic) สูงขึ้นมาก็จะเป็นเซรามิค(Ceramic) สูงสุดก็จะเป็นตัวเหล็ก(Metal Can)
    แต่จะมีบางเบอร์เริ่มต้นด้วยตัวเหล็กเลยก็มี (ไม่ผลิตในแบบพลาสติคหรือเซรามิค)

    แบบเซรามิค และ แบบตัวเหล็ก
    ผู้ผลิตมักจะแนะนำให้ใช้สำหรับเครื่องมือที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง และงานทางการทหาร
    บางเบอร์อาจจะผลิตสูงสุดเพียงแบบเซรามิค บางเบอร์อาจจะผลิตสูงสุดถึงแบบตัวเหล็ก

    หลักการคร่าวๆในการคัดเลือกแบ่งเกรด
    --- ในขั้นตอนการผลิตไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้100% จึงมีโอกาสได้ ของเสีย ของดี ของดีมาก อยู่รวมกัน ---
    ขั้นแรกจะผลิตลงในแผ่นเวเฟอก่อน หลังจากนั้นจะผ่านขบวนการQC เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพเบื้องต้น ดีหรือเสีย
    ซึ่งในการตรวจสอบครั้งนี้ จะมีการแยกประสิทธิภาพของอะหลั่ยด้วย เช่น ไม่ถึงมาตราฐาน ได้มาตราฐาน สูงกว่ามาตราฐาน ปะปนกันไป
    - ไม่ถึงมาตราฐาน ก็ทำลายทิ้งไป
    - ได้มาตราฐาน ก็ส่งต่อเข้ากระบวนการใส่ขาอะหลั่ยเข้ากับเวเฟอ
    - สูงกว่ามาตราฐาน ก็ส่งต่อเข้ากระบวนการใส่ขาอะหลั่ยเข้ากับเวเฟอ

    ซึ่งในขั้นตอนการใส่ขาอะหลั่ยนี้ จะมีการเลือกว่า ประสิทธิภาพแบบไหนใส่ขาธรรมดา ประสิทธิภาพแบบไหนใส่ขาทอง
    - ประสิทธิภาพมาตราฐาน ใส่ขาธรรมดา
    - ประสิทธิภาพสูง ใส่ขาธรรมดา และ ใส่ขาทอง
    - ประสิทธิภาพสูงสุด ใส่ขาทอง

    หลังจากนั้นส่งต่อไปที่กระบวนการใส่แพคเกจ (พลาสติค, เซรามิค, ตัวเหล็ก)
    - ประสิทธิภาพมาตราฐาน ใส่แพคเกจแบบ พลาสติค
    - ประสิทธิภาพสูง ใส่แพคเกจแบบ พลาสติค หรือ เซรามิค หรือ ตัวเหล็ก
    - ประสิทธิภาพสูงสุด ใส่แพคเกจแบบ เซรามิค หรือ ตัวเหล็ก

    หลังจากนั้น จะมีการแยกไลน์เป็น2ส่วน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิมพ์เบอร์ที่ตัวอะหลั่ย
    - ไลน์1 กลุ่มประสิทธิภาพมาตราฐาน (พลาสติค) และ ประสิทธิภาพสูง (พลาสติค หรือ เซรามิค) ใช้เลเซอร์ยิงเบอร์ หรือ พิมพ์เบอร์
    - ไลน์2 ประสิทธิภาพสูงสุด (เซรามิค หรือ ตัวเหล็ก) ส่งไปคัดสเปค เพื่อพิมพ์โค๊ดรหัสเกรดพิเศษ

    หลังจากนั้น อะหลั่ยในไลน์2ส่งต่อให้QCกลุ่มสุดท้ายเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพขั้นสุดท้ายอย่างละเอียด
    ตรวจสอบเพื่อคัดเลือกและรวบรวมจำนวนอะหลั่ยสำหรับรหัสพิเศษ เมื่อรวบรวมได้จำนวนมากพอก็จะจำหน่ายออกสู่ตลาด

    ยกตัวอย่าง ค่ายBurr-Brown ตัวสูงสุดจะเป็นตัวเหล็ก (Metal Can TO-39, TO-99) รหัสจะมีหลายรหัสมาก AM, AU, BM, SM
    โดยทุกรหัสจะจัดเป็นกลุ่มอะหลั่ยสำหรับกิจการทหาร แต่จะมีการใส่รหัสต่อท้ายเพื่อแยกให้ผู้ใช้รู้ว่า เป็นเกรดพิเศษระดับไหน


    แบบเซรามิค จะมีแบ่งออกเป็นแบบ เซรามิคขาทอง, เซรามิคตัวทองขาทอง
    แบบตัวเหล็ก จะมีแบ่งออกเป็นแบบ ตัวเหล็กติ่งทอง, ตัวเหล็กขาทอง, ตัวเหล็กติ่งทอง+ขาทอง, ทองทั้งตัว = ตัวเหล็กทอง+ติ่งทอง+ขาทอง



    Originally posted by keang
    พวกอะหลั่ยที่เห็นเป็นขาทอง ตัวทอง หรือ ตัวเซรามิค(CU) หรือ ตัวเหล็ก(TO-39, TO99) พวกนี้เค้าจะคัดจากเวเฟอของตัวอะหลั่ย
    ตัวไหนทดสอบแล้วประสิทธิภาพได้สูงกว่ามาตราฐาน ก็จะคัดไปเป็นรหัสพิเศษ รุ่นพิเศษ ราคาก็อัพไปเรื่อยๆ

    ถ้าเปรียบเทียบกับชิ้นส่วนของคอม จะเหมือนกับCPU RAM หรือ การ์ดจอ
    CPU ตัวไหนรันได้ความเร็วสูงกว่าปรกติ ก็คัดออกมา แล้วก็รอให้จำนวนมากพอ ก็ออกเป็นตัวExtreme
    RAM ตัวไหนรันได้ความเร็วสูงกว่าปรกติ ก็คัดออกมา แล้วก็รอให้จำนวนมากพอ ก็ออกเป็นตัวบัสสูงกว่าปรกติ
    GPU ตัวไหนรันได้ความเร็วสูงกว่าปรกติ ก็คัดออกมา แล้วก็รอให้จำนวนมากพอ ก็ออกเป็น รุ่นUltra

    --------------------------------------------------------------------


    ผู้ผลิตจะมีการปรับปรุงอัพเดทสินค้าของตนอยู่ตลอด โดยสินค้าที่มีการอัพเดทใหม่จะมีการใส่รหัสต่อท้ายเพิ่มเข้าไป

    ยกตัวอย่าง เบอร์ OPA827P, OPA827U (P=DIP) (U=SOIC)
    ครั้งแรกที่ผลิต ก็จะมีเพียงเบอร์ล้วนๆเท่านั้น OPA827P, OPA827U
    เมื่อเวลาผ่านไป มีการปรับปรุงประสิทธิภาพหรือแก้ไขข้อบกพร่องเดิม ก็จะมีการใส่รหัสต่อท้ายเบอร์ เพื่อให้ผู้ใช้เบอร์นั้นรับรู้ว่ามีการปรับปรุงใหม่

    โดยรหัสต่อท้ายที่เพิ่มเข้าไป โดยปรกติจะเริ่มจากอักษรหรือเลขตัวแรก เช่น "A"หรือ"1"
    จะกลายเป็น OPA827PA หรือ OPA827P1 / OPA827UA หรือ OPA827U1

    ถ้าหลังจากนั้นมีการปรับปรุงอีก ก็อาจจะใส่รหัสต่อท้ายอีก เช่น "B"หรือ"2"
    จะกลายเป็น OPA827PB หรือ OPA827P2 / OPA827UB หรือ OPA827U2


    --------------------------------------------------------------------


    Crystal Oscillator
    หน้า59 โพส1170




    --------------------------------------------------------------------


    เครดิต >> store.curiousinventor.com

    Heat and Solder the Joint

    • Heat the joint: Place the iron tip so that it touches both the component lead and pad--the goal is to get as much surface area contact between the iron tip and joint as possible. Almost no heat will travel through the point.


    • Make heat bridge: Add a small amount of solder between the tip and the work--heat transfers much faster through the liquid solder than dry surface contact. This is why a tip that won't "wet" is so difficult to use. Pressing hard should not be necessary. This step may not be necessary if there's enough solder already on the tip from tinning it after cleaning.


    • Apply solder to opposite side: Apply solder to the parts, not the iron. By doing this, you ensure the parts are hot enough for the solder to "wet" and bond with them. Also, solder will run towards the heat source, so applying solder opposite from the iron helps to spread it out and cover the joint.

    For larger joints, rather than dumping in all the solder quickly, continuously pulse in small amounts to keep a fresh supply of active flux available.


    • Time: The joint should take about 2-5 seconds total time for standard 60/40, 63/37 lead based solder and a non- no-clean flux, and up to 7 seconds for lead-free solder. Lead-free solder just takes longer to "wet" the metal.

    Wetting is how easily and quickly solder spreads out over a surface. A water droplet on a freshly waxed car shows poor wetting, as does solder on a heavily oxidized soldering iron tip. It basically comes down to how attracted the liquid molecules are to each other verses the surface. In industry, tests are done to determine the "solderability" of materials by measuring the time it takes solder to spread out over a surface, or measuring how much force a pot of liquid solder will pull down on a component partially submerged.

    Good pictures and description of wetting and surface tension. Contains a video of a razor blade floating on the surface of water until a drop of soap is added.

    A brochure for a solderabiliy testing station. Scroll down a few pages to see some great pictures of this machine holding one lead of a surface mount chip in a drop of solder.


    In general, the goal is to make the joint as quickly as possible. Longer times can char and damage the board, lift pads, overheat components, burn off and polymerize flux (making it harder to remove), and finally lead to a more brittle joint. Solder doesn't just freeze on a joint, tin in the solder dissolves and chemically reacts with copper in the connection to form a new bonding material, called an "intermetallic layer". While this layer is what makes an excellent thermal and electrical bond, it is also extremely brittle; a doubling of its thickness reduces joint tensile strength by half (ref 1). Since this layer grows faster with higher temperatures, joints should be made using the coolest temperature and shortest soldering time possible. This layer is also why re-heating joints has been shown to weaken them. Having said all this, I have to admit that I don't know just how long is too long for projects that don't need to operate for 30 years with 100% reliability. After 10 seconds there's a good chance the flux has been used up

    • Remove solder, then iron: Pull the iron out fairly quickly to avoid leaving a solder spike.


    • Good and bad joint gallery: The solder should smoothly ramp to meet surfaces and be shiny in appearance if it's lead-based. Lead-free solder will have a duller and grainier surface, but will still be a good joint as long as there are no signs of non-wetting. The important thing to look for is any solder that looks like it didn't cling to a surface, or is just sitting on top or next to a surface.


    Good joints:


    Great joints:


    What's the right amount? A large amount of solder is not needed, just enough to cover the pad and lead without any gaps (actually, only 270° is required by IPC J-STD-001). The measure for too much solder is whether or not you can see the outline of the lead in the solder. This is important because you need to be able to see whether the solder adhered or "clung" to the lead (indicating a true bond), and didn't just freeze around it. This applies to all types of joints: tinning wires, soldering to connectors, surface mount components... the solder should never completely hide the underlying wires or leads.


    Disturbed joint (bad): If the component moves during solidification, the internal structure of the solder will have fractures, leading to a high resistance or unreliable electrical connection, as well as a fragile mechanical one. The solder also appears dull and grainy--typical signs of a "cold" joint that doesn't actually bond with the underlying surfaces.

    "Cold" joints are often formed when the underlying pad or lead didn't get hot enough for the solder to wet it.


    Awful joints:



    --------------------------------------------------------------------


    คลิป วิธีบัดกรี+วิธีถอดอะหลั่ย

    How and WHY to Solder Correctly
    BORKED

    Surface Mount Soldering 101
    BORKED

    Lead-Free Multi Lead Soldering : Soldering Tips
    BORKED

    Professional SMT Soldering - surface mount fine pitch I.C.
    BORKED

    Using a Vacuum Desoldering Tool
    BORKED

    Mounting an IC with hot air
    BORKED

    Removing an IC with hot air
    BORKED

    How to Do It: Basic Soldering
    BORKED

    Desoldering a SOIC using a specialized desoldering tip
    BORKED
    Last edited by keang; 11 Jun 2011, 09:09:53.

    Comment


    • #3
      "เปลี่ยนแต่ตัวเก็บประจุ เปลี่ยนแต่ออปแอมป์ ทำแบบนี้ ยังไม่ได้เต็มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่เปลี่ยนไป เพราะว่า เส้นทางของสัญญาณ ที่ถูกส่งต่อจากออปแอมป์ ยังมีอุปกรณ์ที่หลายตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งลายทองแดง"
      .
      .
      .
      เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

      Comment


      • #4
        .......

        Comment


        • #5
          โมให้ดีกันเยอะแล้ว มาม๊ะ....มาโมให้"เจ๊ง"กันดีกว่า

          Comment


          • #6
            -*-แม่เจ้า

            Comment


            • #7
              แบบนี้เค้าถึงเรียกว่า "ทำจริง" เอาเสียงเป็นหลัก

              Comment


              • #8
                http://forums.overclockzone.com/foru...&postcount=448

                Comment


                • #9
                  Turtle Beach System รุ่น MultiSound



                  การ์ดรุ่นนี้ ผลิตวางจำหน่ายเมื่อปี คศ.1992 (ถ้านึกไม่ออกว่ามันเก่าขนาดไหน สมัยนั้นWindows 3.111เป็นOSตัวล่าสุดของMicrosoft) ราคาจำหน่ายในตอนนั้น 430 $

                  การ์ดออกแบบมาสำหรับงานดนตรีโดยตรง สำหรับใช้งานในสตู ไม่มีไดร์เวอร์สำหรับดอส มีไดร์เวอร์ให้สำหรับWindowsอย่างเดียว ไม่มีฟีเจอร์สำหรับเล่นเกม

                  ภายหลังทางผู้ผลิตได้ใช้ฐานของรุ่นนี้ ต่อยอดออกเป็นรุ่นอื่นในภายหลังอีก3รุ่น จึงเปลี่ยนชื่อเรียกรุ่นใหม่ จากเดิม "MultiSound" เป็น "MultiSound Classic"

                  หากใครต้องการดูรายละเอียด+รูปใหญ่ของการ์ดตัวนี้ คลิ๊กเข้าไปดูได้ที่นี่ >> Turtle Beach MultiSound Project


                  มีโอกาสได้ใช้การ์ดตัวนี้ ในช่วงกลางปี1993 ได้ยินเสียงก็คิดว่าคุ้มแล้วละ พอรู้สึกคันไม้คันมือ ผลก็ออกมาดังภาพด้านล่าง


                  อุปกรณ์ในส่วนของวงจร Voltage Regulator - ORIGINAL and MOD

                  รูปซ้ายกับขวา จะต่างกันที่ตำแหน่ง C81 , C82 , C83 , C84
                  รูปขวา หลังจากโมแล้ว เค้าปลดC4ตัวนี้ออก เพราะ 4ตัวนี้ทำหน้าที่Bi-CAP C85 , C86 (ตัวสีส้มในรูปขวา)


                  อุปกรณ์ในส่วนของวงจร Input/Output - ORIGINAL and MOD

                  การ์ดตัวนี้ใช้สำหรับฟังเพลงจากคอมเท่านั้น ไม่ได้ใช้งานอย่างอื่น จึงไม่จำเป็นต้องมี ช่องต่อInput ช่องต่อAUX
                  จากรูปจะเห็นว่า แจ็คหูฟัง3.5มิล ถูกถอดออกไปทั้งหมด เพราะ เปลี่ยนไปใส่RCA Jackแทน โดยที่ตัวแจ็คRCAจะติดอยู่ที่เพลทเหล็กเดิมของการ์ด
                  ทำโดยใช้สว่านขยายรูเดิมของ ช่องAUXกับช่องOut ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จนสามารถใส่RCA Jackแบบติดแท่นของยี่ห้อMonsterได้

                  เหตุผลที่เปลี่ยนไปใช้RCA Jack
                  แจ็คหูฟังไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คุณภาพได้สูงสุด แต่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานกับหูฟัง
                  ดังนั้นโครงสร้างของตัวแจ็คจึงไม่ได้ออกแบบให้ใช้สายขนาดใหญ่กว่าปรกติได้ (แต่คนก็ยังพยายามหาวิธีเพื่อให้ใช้สายขนาดใหญ่ได้อยู่ดี แต่จะทนทานแค่ไหนละ???)

                  ข้อด้อยของแจ็คหูฟัง
                  - หมดโอกาสใช้สายขนาดใหญ่ได้
                  - สายเส้นเล็กที่คุณภาพสูงทัดเทียมสายขนาดใหญ่ ราคาก็แพงกว่าหลายเท่า
                  - มีสายดีๆให้เลือกเสียงตามรสนิยมน้อยมากๆ

                  ข้อดีของแจ็ค RCA
                  - สามารถเลือกใช้สายได้หลากหลายขนาด จะเอาใหญ่แค่ไหนก็มีคนทำแจ็คมาให้ใช้
                  - สายสัญญาณแบบRCA มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ จะเอาเสียงแบบไหน สไตล์ไหนก็มีให้เลือกมากมาย
                  - สามารถอัพเกรดสายไปใช้คุณภาพดีๆ แนวเสียงถูกใจ ได้ง่าย



                  น่าเสียดายที่การ์ดตัวนี้เป็นบัสISA จึงถูกใช้งานได้ในระยะเวลาจำกัด (เมนบอร์ดได้ยกเลิกการใช้งานบัสISAนานแล้ว)
                  ปัจจุบันถอดเก็บเข้าคอลเลคชั่นส่วนตัว และ ทำการศึกษาตัววงจรภาคขยาย เพื่อนำไปพัฒนาใช้งานโมดิฟายชิ้นอื่นต่อไป
                  Last edited by keang; 20 Jul 2010, 21:37:58.

                  Comment


                  • #10
                    สุด ๆ จริง ๆ

                    Comment


                    • #11
                      ^
                      โมต่างจากท่านนะครับ

                      Comment


                      • #12
                        มันๆ ชอบๆๆ เห็นแล้ว อิจฉาจัง ไม่มีเวลาทำกับเค้ามั่งเลย ให้ตายซิ

                        Comment


                        • #13
                          http://jimmyauw.com/2007/04/18/onkyo-se-90pci/

                          น่าสนุกดี ลองดู

                          Comment


                          • #14
                            Originally posted by mujaarm View Post
                            ^
                            โมต่างจากท่านนะครับ
                            ของผมเค้าไม่เรียกว่าโมครับ เรียกว่าแค่เปลี่ยน Op-Amp ถ้าโมก็ต้อง X-Fi กับ 2ZS เมื่อเกือบ 2 ปีก่อนครับ
                            Last edited by E6420; 12 Dec 2009, 22:30:56.

                            Comment


                            • #15
                              Originally posted by canon@life View Post
                              http://jimmyauw.com/2007/04/18/onkyo-se-90pci/

                              น่าสนุกดี ลองดู
                              http://jimmyauw.com/2007/04/18/onkyo-se-90pci/



                              เทปสีดำ
                              เป็นผ้าเทปอาบน้ำยา มีกาวในตัว ใช้ในงานพันหม้อแปลง บ้านหม้อ / คลองถม / วัดตึก มีขายครับ

                              สมัยเกือบ20ปีก่อน มีคนสั่งหม้อแปลงชนิดเทอรอยด์ เค้าแกะพลาสติคที่หุ้มลวดออก แล้วเอาผ้าตัวนี้มาพันแทน

                              ผลที่ได้ แบคกราวนด์เงียบกว่าเดิม แต่ก็สูญเสียรายละเอียดเสียงแบคกราวน์เบาๆไปด้วย (อับขึ้น)
                              สุดท้าย ไปเดินหาใหม่ คราวนี้ลองหาหลายๆแบบมาลองเทียบ ได้มา4แบบ ต่างกันที่ความหนา , ความถี่ของเนื้อผ้า , สีของผ้า
                              แต่ละแบบให้ผลต่างกันด้วย มากบ้างน้อยมาก แล้วแต่คนชอบ
                              สุดท้าย ไปใช้อีกแบบนึง โดยรวมดีกว่าที่ลองด้านบนทั้งหมด

                              ตัวเก็บประจุแบบElectrolytic รุ่น Elna Silmic II (สีน้ำตาล) ค่า 47ไมโคร 35โวลท์
                              ทั้งหมด4ตัว เป็นCทำหน้าที่CouplingสัญญาณInput/Output ของไอซีออปแอมป์ไลนเอ้าท์
                              * ถ้าเป็นการ์ดของAuzen(ทุกรุ่น) จะใช้ Solid Electrolytic Capacitor ค่า 10ไมโคร 35โวลท์

                              ตัวเก็บประจุแบบอิเลคทรอไลติค



                              - ของเดิมค่า 470ไมโคร เค้าเปลี่ยนใหม่เป็นRubycon รุ่น Black Gate ค่า1,000ไมโคร Cตัวนี้ทำหน้าที่เป็นCฟิลเตอร์ไฟเลี้ยง +-12โวลท์ ที่ได้จากPCI Slot ก่อนส่งต่อเข้าไอซีเรกูเลเตอร์
                              - ที่PCB จะเห็นว่ามีCตัวเล็กๆแบบเซอเฟสเม้า Bi-Cap ไว้ด้วย (สังเกตุรูปดีๆ จะเห็นCตัวเล็กๆ2ตัว อยู่ในวงสีเหลืองที่เค้าทำไว้)
                              เหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่โมกัน เพิ่มค่าตัวเก็บประจุกันให้มากๆเข้าไว้ และยังคงปล่อยCที่Bi-Capไว้เหมือนเดิม (ซึ่งถ้าเป็นผม ผมจะถอดออก)

                              ความเห็น+ความเชื่อส่วนตัว
                              ถ้าผู้ผลิตเค้าออกแบบมาดีจริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปใช้Cค่าเยอะแบบนั้นเลย
                              คุณเชื่อไม๊ การ์ดTurtle Beach MultiSound ตัวCฟิลเตอร์หน้าเรกกูเลเตอร์เค้าใช้แค่ "47ไมโคร" และ หลังไอซีเรกกูเลทใช้แค่ "0.1ไมโคร" เอง

                              ลองดูรูปนี้ครับ
                              Cกระป๋องตัวสีส้มคือCฟิลเตอร์หน้าเรกกูเลเตอร์ ใช้ค่า "47ไมโคร" ส่วนCฟิลม์สีเหลืองคือCฟิลเตอร์หลังไอซีเรกกูเลทใช้ค่า"0.1ไมโคร"


                              ------------------------------------------

                              http://jimmyauw.com/2007/08/09/onkyo...ally-its-done/





                              * มีใครสังเกตุบ้างหรือเปล่า *
                              เค้าใช้Cฟิลม์ยี่ห้อSiderealKaps ตัวนั้นค่าน้อยกว่าCอิเล็คทรอไลติคของเดิมที่เค้าถอดออก (ของเดิมค่า47ไมโคร)
                              ถ้าดูขนาดจากรูปแล้วให้เดา น่าจะเป็น5ไมโคร 200โวลท์(มั้ง)
                              แต่น่าเสียดาย ยังคงบัดกรีขาCลงPCBเหมือนเดิม แทนที่จะบัดกรีที่ขาแจ็ค

                              - Cยี่ห้อนี้ โรงงานผลิตอยู่ที่สิงคโปร์(เป็นตึกแถวแบบบ้านเรานี่แหล่ะ) เลิกผลิตไปร่วม20ปีแล้วมั้ง เสียงอาจจะไม่เป็นเลิศเกินหน้ายี่ห้ออื่น แต่เป็นยี่ห้อให้มิติของเวทีเสียงกว้างลึกได้สมดุล วางระดับชั้นชิ้นดนตรี จากหน้าไปหลัง ได้ดีมาก
                              - ยี่ห้อนี้น่าจะเป็นยี่ห้อแรกที่ที่ใช้สายไฟเป็นขาC เค้าใช้สายลำโพง KimberKableรุ่น8TCมาทำขาC
                              - มีบางคนติว่า เฉพาะเสียงสูงสู้WonderCapไม่ได้ เค้าเลยลองใช้สายไฟของยี่ห้อVan Den Hulอยู่ช่วงนึง แต่ไม่ถูกใจตลาดมั้ง ก็เลยกลับมาใช้Kimberเหมือนเดิม
                              - เจ้าแรกที่เอาCยี่ห้อนี้เข้ามาขายบ้านเรา จะเป็น "เฮียหั่ง ร้านไฮไฟเฮ้า ตรงวังบูรพา" หรือ ที่เดี๋ยวนี้เรียกกัน "เดอะหั่ง"
                              - อยากบอกว่า เป็นยี่ห้อในดวงใจของผมเลยละ


                              Cฟิลม์ตัวสีเหลือง ยี่ห้อSiderealKaps
                              ตัวนี้สมัยก่อนที่ยังมีการผลิตอยู่ ขายกันตัวละ500+

                              ข้อมูลที่ช่วงต้นปีที่แล้ว (ราคาต่อ1ตัว)
                              ของใช้แล้วสภาพดีราคา500-1000 / ถ้าของใหม่ยังไม่เคยใช้...มีคนเคยให้ราคา1500
                              ถ้าค่าแบบแมชแพร์ คู่ละ3500
                              Last edited by keang; 18 Jul 2010, 11:22:27.

                              Comment

                              Working...
                              X