Announcement

Collapse
No announcement yet.

Dolby Digital 5.1 กับ DTS Surround ต่างกันยังไงครับ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Dolby Digital 5.1 กับ DTS Surround ต่างกันยังไงครับ

    ตามหัวข้อเลยครับผม ผมสงสัยว่าเสียงที่ได้ต่างกันยังไง
    เพราะจากที่ลองฟังดู (ตามประสาหูของผมไม่ใช่หูเทพ) มันก็คล้ายๆ กันนะครับ
    หรือว่าเสียงที่ได้จาก DTS มันแยก ซ้ายขวา หน้าหลังได้ดีกว่า Dolby เหรอครับ

    แล้วระหว่าง 2 อันนี้ DTS ดีกว่า Dolby Digital 5.1 เหรอครับ

  • #2
    ดีกว่าตรงใหนตอบยาก
    แต่เป็นเรื่องการตลาดและชวนท่านเสียสตางค์เพื่อพิสูจน์ว่าดีต่างกันอย่างไร นี่สำคัญกว่า
    ตาเรือ แวะมาอธิบายหน่อย

    Comment


    • #3
      ลอง อ่าน นี่
      http://www.audioholics.com/education...of-the-formats
      dd 16-20 bit system Limited to 48KHz sampling.
      dts 16-24 bit system, 48/96 KHz sampling rate (scalable)limited 96/24 software available

      เครติดhttp://www.audioholics.com/
      Last edited by rat33; 31 Dec 2008, 11:15:59.

      Comment


      • #4
        สำหรับผม ผมว่าเสียง DTS ให้เสียงดีกว่า DD นะครับ

        Comment


        • #5
          อันนี้ประวัติย่อๆๆมั้ง

          เดี๋ยวนี้ ระบบเสียงสำหรับ Home Theater ได้มีมาหลายแบบ หลาย ๆ ชื่อ เว็ปบางแห่ง ที่พูดถึงระบบ home theater นั้น ได้มามั่วซั่วเกี่ยวกับระบบเสียง เช่น การจะทำ pc ให้เป็น home theater นั้น ต้องมี process สำหรับถอดระบบเสียง THX, DTS, AC-3 ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว THX มันไม่ใช่ระบบเสียงซักกะนิดเดียว... จำไม่ได้แฮะ ว่าเว็ปไหน มันผ่านมานานแล้ว



          1. MONO - ระบบเสียง Mono คือระบบเสียงที่มีช่องทางเสียง (channel) เพียงช่องเดียวเท่านั้น สำหรับการฟังระบบเสียง Mono จะใช้ลำโพงเพียงตัวเดียว (หรือจะมีมากกว่า 1 ตัว แต่ทุกตัว จะให้เสียงอันเดียวกันทั้งหมด)



          2. STEREO - ระบบเสียง Stereo เป็นระบบเสียงที่ประกอบด้วยช่องทางเสียง 2 ช่อง สำหรับการฟัง จะต้องใช้ลำโพง 2 ตัว แต่ละตัว จะให้เสียงในแต่ละช่องทาง ระบบเสียง Stereo นี้ จุดฟัง ควรจะอยู่กึ่งกลางระหว่างลำโพง 2 ตัว เพื่อให้ได้มิติของเสียง หากอยู่ใกล้ลำโพงตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป ความดังของลำโพง จะทำให้มิติของเสียงจากลำโพงอีกตัว หายไป
          สำหรับระบบ Stereo ในโรงหนัง จะประกอบด้วยช่องทางเสียง 3-4 ช่อง โดยมี 2 ช่อง เป็นสัญญาณเสียงซ้ายขวา และมีสัญญาณเสียง effect อยู่ด้านหลัง (surround) และมีสัญญาณเสียงบทพูด (dialogue) อยู่ด้านหน้า เพื่อดึงความสนใจ ให้อยู่บริเวณจอภาพ
          แต่สำหรับระบบ Stereo บนแผ่นเสียง หรือบนเทป จะมีแค่ 2 ช่องทาง เนื่องจากสื่อสามารถเก็บช่องทางเสียงได้แค่นั้น



          3. QUADRAPHONIC STEREO - เป็นระบบเสียงที่ไม่ค่อยรู้จักกันนัก เป็นการ encode เสียง 4 ช่องทาง โดยเสียง 2 ช่องทางที่เพิ่มมาจากระบบ Stereo นั้น เป็นช่องทางเสียงสำหรับลำโพง 2 ตัว ที่จะวางไว้ด้านหลัง อย่างไรก็ตาม ระบบเสียง Quadraphonic นี้ ก็ไม่สามารถหามาตรฐานสำหรับการผลิตได้ ทำให้ไม่มีใครผลิตสื่อในระบบเสียงนี้ออกมา





          4. DOLBY STEREO - ระบบเสียงนี้ เริ่มต้นในปี 1976 โดยพัฒนามาจากระบบ Stereo สำหรับโรงหนัง ทำให้สามารถ "เพิ่ม" ช่องทางเสียงได้อีก 2 ช่อง ร่วมเข้าไปกับช่องเสียง 2 ช่องเดิม (คือเป็นการรวมช่องเสียง Surround และ Dialogue เข้าไปไว้ในระบบ Stereo) ในการฟังระบบเสียงนี้ จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ในการถอดระหัสแยกเสียง ให้เป็น 4 ช่องทาง
          สิ่งที่พัฒนาขึ้นใน Dolby Stereo คือ การรวมสัญญาณเสียง 4 ช่องทาง ให้เหลือ 2 ช่องทาง และการพัฒนาระบบ encode/decode สัญญาณเสียง รวมไปถึง เทคนิคในการลดเสียงรบกวน (Noise Reduction)





          5. DOLBY SURROUND - ระบบเสียงนี้ เริ่มต้นในปี 1982 ในฐานะของระบบเสียง 3 ช่องทาง สำหรับการดูในบ้าน โดย 3 ช่องทางประกอบด้วย หน้าซ้าย (FrontLeft) หน้าขวา (FrontRight) และ Surround แม้ว่าช่องเสียง Surround จะใช้ลำโพง 2 ตัวก็ตาม แต่สัญญาณเสียง Surround จะเป็นระบบ Mono ที่ความถี่ 100Hz-7,000Hz แทรกอยู่ในสัญญาณ FL และ FR
          การรับฟังระบบเสียง Dolby Surround จำเป็นต้องมีเครื่อง Three Channel Surround Processor โดยระบบเสียงนี้ จะมีเฉพาะในสื่อสำหรับเล่นตามบ้านเท่านั้น เช่น VHS





          6. DOLBY SURROUND PRO-LOGIC - ระบบนี้ คือระบบ Dolby Surround ที่เพิ่มเทคนิคที่เรียกว่า Pro-Logic เข้าไป ระบบนี้ ใช้กับเครื่อง Dolby Pro-Logic Decoder ทำให้สามารถแยกสัญญาณ analog 4 ช่องทาง ออกมาจากระบบ Dolby Stereo หรือ Dolby Surround ได้
          นอกจากแยกช่องทางเสียงออกมาแล้ว เทคนิค Pro-Logic ยังได้เพิ่มความสามารถในการใส่ช่องเสียง Center และยังสามารถสร้างช่องทางเสียง Surround ให้กับเสียงต้นฉบับที่เป็น Stereo ธรรมดาได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาณเสียง จากช่อง surround ยังคงเป็นสัญญาณระบบ Mono ที่ความถี่ 100Hz-7,000Hz เท่านั้น





          7. DOLBY DIGITAL (AC-3) - ระบบเสียงนี้ เริ่มต้นในปี 1992 เป็นระบบเสียง Digital สำหรับโรงหนัง โดยระบบเสียงนี้ จะประกอบด้วยสัญญาณเสียง digital ทั้งหมด 6 ช่องทางแยกขาดจากกัน มี 5 ช่องทางสำหรับลำโพง 5 ตัว และช่องที่ 6 สำหรับสัญญาณเสียงต่ำ เพื่อใช้กับ Sub-Woofer
          เราเรียกช่องทางเสียงนี้ว่า 5.1 Channel หรือ AC-3 (Audio Coding 3rd Generation) ข้อดีของระบบเสียงแบบ digital คือ จะใช้เนื้อที่ในการบันทึก น้อยกว่าระบบอื่น ๆ ทำให้สามารถเพิ่มช่องเสียงได้มากขึ้น (เช่น ช่องทาง Surround จากเดิมเป็นแค่ Mono 100Hz-7,000Hz สามารถทำเป็น Hi-Fi Stereo ได้ และมีช่อง LFE Low Frequency Effects ที่ความถี่ 20Hz-120Hz เพิ่มขึ้นมา)





          8. DOLBY DIGITAL SURROUND-EX - ระบบเสียง ที่พัฒนามาจาก Dolby Digital 5.1 เป็นการพัฒนาร่วมกัน ระหว่าง Dolby Laboratories และ Lucasfilm เพิ่มช่องทางเสียง Surround โดยการทำ Matrixed Combination จากสัญญาณ Surround 2 ช่องทางเดิม ที่มีใน Dolby Digital 5.1 (หรือในทางปฎิบัติ ก็คือการนำเอาลำโพง surround-left และ surround-right มาวางตำแหน่งไว้ในด้านข้าง และเพิ่มลำโพง surround-back อีกตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป ไว้ทางด้านหลัง)
          ระบบเสียงนี้ ทำให้การเคลื่อนตัวของเสียง จากด้านหน้า มาด้านข้าง และอ้อมหลังผู้ฟัง มีการต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
          ระบบเสียง Dolby Digital Surround-EX นี้ เมื่อเข้ามาเป็นระบบเสียงสำหรับฟังในบ้าน จะใช้ชื่อว่า THX Surround-EX
          และเนื่องจาก ระบบเสียง Dolby Digital Surround-EX นี้ ถอดสัญญาณ surround-back ที่ถูกฝังมาในสัญญาณ surround-left surround-right ในระบบเสียง Dolby Digital 5.1 ดังนั้น เครื่อง decoder ที่ไม่มีระบบ EX ก็จะเห็นระบบเสียงนี้ เป็น Dolby Digital 5.1 ธรรมดาเท่านั้น





          9. DIGITAL THEATER SYSTEMS (DTS) - ระบบเสียง DTS เริ่มเข้ามามีบทบาท เป็นระบบเสียงสำหรับโรงหนัง ในปี 1995 ประกอบด้วสัญญาณเสียงแบบ digital 5.1ช่องทาง (เหมือน Dolby Digital) แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ การบีบอัดข้อมูลของสัญญาณ digital โดย Dolby Digital จะบีบอัดสัญญาณเสียงที่สัดส่วนคงที่ คือ 12:1 แต่ DTS จะใช้การบีบอัดแบบไม่คงตัว ในสัดส่วนตั้งแต่ 1:1 ถึง 40:1 ทำให้คงรายละเอียดของเสียง ในส่วนที่มีเสียงมาก ๆ ได้ดีกว่า และไปลดขนาด ในช่วงที่ไม่ค่อยมีเสียงประกอบอะไร ทำให้เสียงที่อกมา มีความสะอาดกว่าในระบบ Dolby Digital
          อย่างไรก็ตาม ระบบเสียง DTS นี้ ไม่ได้รับความนิยมสำหรับการรับฟังในบ้าน เนื่องจาก ในทางปฎิบัตินั้น ข้อมูล digital ของสัญญาณเสียง DTS จะใช้เนื้อที่มากกว่าของระบบ Dolby Digital ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บระบบเสียง analog รวมเข้าไปไว้ได้ (ในกรณีไม่มีเครื่อง DTS Decoder) แต่ปัญหานี้ก็มีเฉพาะใน LaserDisc เท่านั้น ไม่มีผลกับ DVD
          ระบบเสียง DTS ยังแบ่งออกได้เป็นอีก 3 ประเภท ได้แก่
          DTS 5.1 Digital Surround - ประกอบด้วยสัญญาณคู่หน้า (FL/FR) คู่หลัง (RL/RR) กลาง (Center) และ Sub
          DTS Stereo 2.0 - คล้าย ๆ กับ Dolby Surround คือเป็นสัญญาณเสียง Stereo ที่มีการผสม (matrixed) สัญญาณสำหรับ Center และ Surround เอาไว้ สามารถนำมาเล่นได้กับอุปกรณ์ Dolby Pro-Logic
          DTS Mono 1.0 - สัญญาณช่องเดียว เดี่ยว ๆ ไม่มีลุกเล่นอะไร





          10. DTS-ES - ระบบเสียง DTS ที่ใช้เทคโนโลยีจาก Dolby Laboratories และมีพื้นฐานมาจากระบบเสียง Dolby Digital Surround-EX ระบบเสียง DTS-ES นี้ มีการเพิ่มช่องสัญญาณ rear surround (หรือ surround-back) สำหรับลำโพงตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป วางไว้ในตำแหน่งด้านหลัง และลำโพง surround-left surround-right จะย้ายมาอยู่ด้านข้างแทน (เหมือนกับระบบ Dolby Digital Surround-EX เป๊ะ)
          ช่องสัญญาณที่เพิ่มขึ้นมา จะถูก matrixed เข้ากับช่องสัญญาณ surround-left surround-right ทำให้สามารถ วางตำแหน่งเสียงรอบ ๆ ตัวผู้ฟังได้ถูกต้องขึ้น ในการรับฟังระบบเสียงนี้ จะต้องอาศัยเครื่อง DTS-ES Decoder ซึ่งหากไม่มี ก็ยังสามารถรับฟังได้กับเครื่อง DTS Decoder ซึ่งจะได้เสียง 5.1 ช่องเสียงเท่านั้น (สรุปก็คือ มันก็ลอก Dolby Digital Surround-EX มาทั้งดุ้น เพียงแต่การบีบอัดสัญญาณ ยังเป็นแบบ DTS เท่านั้น)





          11. SONY DYNAMIC DIGITAL SOUND (SDDS) - ระบบเสียง SDDS นี้ สามารถรับฟังได้ เฉพาะกับโรงหนังเท่านั้น เนื่องจากระบบเสียงสำหรับฟังตามบ้าน ถูกครองโดย Dolby Digital 5.1 และ DTS ไปหมดแล้ว
          ระบบเสียง SDDS นี้ ประกอบด้วยสัญญาณเสียง 8 ช่องเสียง (หรือ 7.1) โดยเน้นหนักที่ลำโพงชุดหน้า ในการสร้างมิติเสียง ตามที่ภาพปรากฎบนจอ สำหรับโรงหนังขนาดใหญ่ ประกอบด้วยช่องเสียง หน้า 5 ช่อง (Left, Center-Left, Center, Center-Right, Right) และหลัง 2 ช่อง (Surround-Left, Surround Right) กับอีก 1 ช่องเสียงสำหรับ Sub-Woofer





          12. THX SOUND SYSTEM - สำหรับ THX นี้ ไม่ใช่ระบบเสียง (หลาย ๆ คนเข้าใจผิด) ระบบ THX นี้ พัฒนาโดย Lucasfilm ย่อมาจาก Tomlinson holman's eXperiment ใช้เพื่อเป็นการกำหนดมาตรฐาน สำหรับอุปกรณ์การดูหนัง
          ทั้งนี้ การเกิดขึ้นของระบบ THX เนื่องจาก เสียงที่ผู้ฟังรับฟังในโรงหนังต่าง ๆ กัน ที่ใช้อุปกรณ์โสตคนละชนิดกัน ทำให้เสียงที่ได้ออกมาแตกต่างกัน ซึ่งหากได้มีการกำหนดมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ ในแต่ละโรง จะทำให้ การรับชม/รับฟังภาพยนตร์ในแต่ละโรง มีความแตกต่างกันน้อยมาก และทำให้ผู้ฟัง ได้รับฟังเสียง ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมาที่สุด ตราบเท่าที่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ยังได้รับการยอมรับตามมาตรฐาน THX
          THX นี้ ไม่ใช่ระบบเสียง เหมือนอย่าง Dolby Digital หรือ DTS แต่ THX เป็นตัวกลาง ที่อยู่ทั้ง Dolby Digital และ DTS เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผู้ฟัง ได้รับฟังเสียงที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะฟังเสียงในระบบไหน
          สำหรับอุปกรณ์ที่จะได้รับการยอมรับ ตามมาตรฐาน THX นั้น ต้องผ่านการทดสอบ ตั้งแต่ชนิดของวัสดุที่ใช้ ชนิดของหม้อแปลง สัญญาณเสียงรบกวนภายใน ดังนั้น อุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐาน THX จะถือได้ว่า เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง

          เครดิต http://www.htg2.net

          Comment


          • #6
            สรุป DTS เสียงดีกว่า Dolby เพราะคงรายละเอียดเสียงมากๆได้ดีกว่า

            ปัจจุบัน DTS เค้าเิลิกพัฒนาแล้ว ซึ่ง Dolby ก็ซื้อไว้เป็นเจ้าของเพื่อรักษาไว้ไม่ให้มันสูญหายไปจากโลก

            Comment


            • #7
              งี้นี่เอง งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจนักในเรื่องของเสียนะซิ
              เพราะแค่ Dolby Digital 5.1 ก็เกินพอแล้วละมั้ง หรือใครว่ายังไม่พอหว่า

              Comment


              • #8
                ลองไปดูเวบบอร์ดเมืองนอกบางเวบสิครับเห็นหลายปีละ ถ้าหาเจอจะเอามา post ให้ดู
                เค้าให้หูทองไปลองฟัง DD5.1 กับ DTS โดยใช้ชุดเครื่องเสียงๆต่างๆ หนังแผ่นต่างๆ
                สรุปส่วนใหญ่ แยกได้ไม่ชัดเจนครับ บางคนบอกDDดีกว่า บางคนบอก DTS ดีกว่า
                บางคนบอกอันนี้เป็น DD แต่จริงๆดันเป็น DTS...

                แต่ถ้าเอา osc. scope ดัก output แยกออกง่ายๆเลยครับ ... สรุป bit rate แยกด้วยตาได้ดีกว่าหู

                ส่วนตัวผมว่า dts ส่วนใหญ่ ดังกว่า DD ในแผ่นเดียวกัน ที่ volume เดียวกัน ...รู้สึกได้จริงๆแบบไม่ต้องเสแสร้ง 555
                ถ้าให้เลือกฟังชอบ dts มากกว่า โลโก้มันขลังดีครับ
                Last edited by Hezbollah; 31 Dec 2008, 16:04:30.

                Comment


                • #9
                  เหอๆ เป็นซะงั้นไป
                  ขนาดหูทองยังฟังไม่ค่อยออกงั้นผมคงไม่ต้องใส่ใจมากนัก

                  Comment


                  • #10
                    ในโรงหนังฉาย DD ทั้งนั้นอะ DTS หายากไม่มีเลยมั้ง ดู DVD เดี่ยวนี้สิ หาแทบไม่ได้ ถ้าไม่เล่น blu-ray อะ

                    Comment


                    • #11
                      dts ก็ยังเห็นมีในแผ่นblu-rayเลยนะ dts-hd mastered audio

                      ผมสงสัยมานานแล้วว่าdtsบนแผ่นdvdนี่กี่บิทแน่ครับ
                      ใช้media info check ไ้ด้ 24บิท แต่ในac3filterเห็นแค่ 16บิท หรือผมดูผิดหว่า งง อิอิ

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by sierra View Post
                        สรุป DTS เสียงดีกว่า Dolby เพราะคงรายละเอียดเสียงมากๆได้ดีกว่า

                        ปัจจุบัน DTS เค้าเิลิกพัฒนาแล้ว ซึ่ง Dolby ก็ซื้อไว้เป็นเจ้าของเพื่อรักษาไว้ไม่ให้มันสูญหายไปจากโลก
                        ไม่เคยทรายข้อมูลนี้เลยครับ รบกวนขอแหล่งอ้างอิงหน่อยได้ไหมครับ

                        Comment


                        • #13
                          ที่ผมเคยเปิดเทียบกัน DTS จะให้รายละเอียดของเสียงได้ดี Dolbyกว่าครับ (พวกเสียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บางทีจะถูกตัดออกไปจากการบีบอัดอ่ะครับ) แล้วก็พวกโทนเสียงต่ำ DTS ก็จะทำได้ดีกว่า Dolby ด้วย

                          Comment


                          • #14
                            ชอบ DTS

                            หนักแน่น สะใจ ชัดเจน

                            Comment


                            • #15
                              ♥ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ♥

                              Comment

                              Working...
                              X