
POCO F8 Series — เมื่อแบรนด์สายคุ้มก้าวขึ้นสู่สนามของ “Flagship ตัวจริง”
ใครที่ติดตามวงการสมาร์ตโฟนตลอดช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา คงรู้ว่า “POCO” เป็นชื่อที่มักมาพร้อมคำว่า “สุดคุ้ม”
แต่ปีนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไป — เพราะ POCO ไม่ได้มาแค่เพื่อชน “รุ่นกลาง” อีกต่อไป แต่ประกาศก้าวสู่ระดับ “Flagship อย่างเต็มตัว”
และนี่คือการเปิดตัว POCO F8 Series ที่เรียกได้ว่า “เขย่าวงการตั้งแต่ยังไม่วางขาย”
กับสองรุ่นใหม่ — POCO F8 Ultra และ POCO F8 Pro
สองบุคลิก สองแนวคิด แต่มีจุดร่วมเดียวกันคือ “เทคโนโลยีระดับเรือธงในราคาที่โลกต้องหันมามอง”

ชิปใหม่เร็วกว่าโลก — เปิดตัวก่อนใคร 3 เดือนเต็ม
สิ่งที่ทำให้ F8 Series สะเทือนตลาดไม่ใช่แค่ “สเปกแรง”
แต่คือ “จังหวะการเปิดตัว” — เพราะ POCO คือแบรนด์แรกของโลกที่ได้ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ก่อนคู่แข่งถึง 3 เดือน
นี่คือชิปเซ็ตที่ต่อยอดจากรุ่น Snapdragon 8 Elite ในตระกูล Samsung S25 Ultra และ POCO F7 Ultra เดิม
แต่ก้าวข้ามขีดจำกัดของพลังประมวลผลและประสิทธิภาพพลังงาน ด้วยกระบวนการผลิตระดับ 3 nm และการเสริม AI Co-Processor ใหม่
ผล Benchmark พุ่งทะลุสถิติเดิม
กราฟเฟรมเรตในเกมระดับสูงแทบไม่ตก แม้เล่นต่อเนื่องหลายชั่วโมง
F8 Ultra คือเครื่องที่ “ไม่ต้องกลัวร้อน ไม่ต้องกลัวหน่วง”
ในขณะที่ F8 Pro ก็ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า F7 Pro ราว 30% พร้อมระบบระบายความร้อนที่เงียบและมีเสถียรมากกว่าเดิม

เมื่อ POCO จับมือกับ Bose — มือถือเครื่องแรกของโลกที่มีระบบเสียง 2.1 Channel จริง!
ในยุคที่ทุกแบรนด์พูดถึง “ลำโพงคู่” หรือ “Dolby Atmos”
POCO กลับเปิดศักราชใหม่ด้วยการจับมือกับ Bose สร้าง ระบบเสียง 2.1 Channel ตัวแรกของโลกในสมาร์ตโฟน
ใช่ครับ — เครื่องนี้มี “ซับวูฟเฟอร์ในตัวเครื่อง” จริงๆ
เสียงเบสไม่ได้เป็นแค่คลื่นจำลอง แต่คุณจะ “รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน” ของเสียงเบสที่กระจายไปทั่วฝ่ามือ
เวลาเปิดเพลงแนว EDM หรือดูหนังแอ็กชัน เสียงกลอง เสียงระเบิด หรือเสียงเครื่องยนต์มันจะ “พุ่งออกมาจากเครื่อง” เหมือนถือเครื่องเสียงขนาดย่อส่วนไว้ในมือ
Bose ยังช่วยปรับโทนเสียงกลางให้ชัดและอบอุ่นขึ้น เสียงร้อง เสียงพูดในหนัง หรือพอดแคสต์ฟังชัดและใกล้หูมากขึ้น
เทียบกับ Dolby Atmos ของคู่แข่งอย่าง S25 Ultra
เสียงของ POCO จะเน้น “พลังและมิติ” มากกว่า “ความใสและคม”
ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความ “มีชีวิตชีวา” มากกว่าแบบ Studio Flat
ส่วน F8 Pro ก็ยังได้รับการจูนเสียงจาก Bose เช่นกัน
ให้มิติที่นุ่มนวลกว่าเดิม แม้จะไม่มีซับวูฟเฟอร์แยก แต่ก็อยู่ในระดับ “สมาร์ตโฟนเสียงดีที่สุดในเรทราคาเดียวกัน”

ระบบกล้องใหม่ เทียบชั้นเรือธง
POCO ยกระดับกล้องอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
-
F8 Ultra มาพร้อมเซนเซอร์หลัก Light Fusion 950, กล้องซูม Periscope 5× และเลนส์ Ultra-Wide
ทำงานร่วมกับ Xiaomi AISP Engine เพื่อประมวลผลภาพแบบ AI Real-time
ภาพกลางคืนคมชัดขึ้น รายละเอียดดึงกลับได้มากกว่าเดิม โทนสีสมดุลทั้งแสงและเงา -
F8 Pro ใช้เซนเซอร์ Light Hunter 800 พร้อมเลนส์ Telephoto ระยะ 60 mm
มีระบบกันสั่น OIS และปรับปรุงโหมด Portrait ให้โบเก้นุ่มตา สกินโทนดูธรรมชาติ
เรียกได้ว่า “กล้องระดับ Flagship ที่มาอยู่ในเครื่องราคาไม่ถึงครึ่งของคู่แข่ง”

การดีไซน์และการใช้งานที่ครบทุกด้าน
POCO F8 Series ไม่ได้อัปแค่สเปก
แต่พัฒนา “ทุกองค์ประกอบ” ตั้งแต่ดีไซน์จนถึงวัสดุสัมผัส
-
หน้าจอ AMOLED VisionBoost ขนาดใหญ่ สีสด ความสว่างสูงสุดทะลุ 4000 nit
-
ชาร์จเร็วระดับเรือธง พร้อมระบบระบายความร้อนขณะชาร์จ
-
งานประกอบแน่น เน้นความสมมาตรและวัสดุพรีเมียม
-
แบตเตอรี่ที่อึดขึ้น และรองรับการใช้งานหนักหลายวัน
POCO พยายามสร้าง “สมดุลใหม่ของเรือธง” ที่ไม่ได้มีดีแค่แรง แต่ต้องรู้สึกดีตั้งแต่ถือยันใช้งาน

สรุป: จากแบรนด์สายคุ้ม สู่เรือธงที่ตั้งมาตรฐานใหม่
POCO เคยเป็นแบรนด์ที่เราพูดถึงในแง่ “สเปกแรงราคาถูก”
แต่ในปีนี้ F8 Series ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์นั้นไปอย่างสิ้นเชิง
F8 Ultra คือสมาร์ตโฟนสำหรับคนที่อยาก “สัมผัสอนาคตล่วงหน้า”
F8 Pro คือเครื่องที่ให้ “ทุกอย่างที่สำคัญ” ในราคาที่เข้าถึงได้
ทั้งสองรุ่นร่วมกันประกาศว่า POCO ไม่ได้มาเพื่อแข่งเรื่อง “ความคุ้ม” อีกต่อไป
แต่กำลัง “นิยามใหม่ของคำว่า Flagship” ให้โลกต้องหันกลับมามอง

การเปิดตัว Global Launch ของ POCO F8 Series กำลังจะมาเร็ว ๆ นี้
เตรียมพบกับรายละเอียดเต็มรูปแบบ และเซอร์ไพรส์อีกหลายอย่างที่ POCO ซ่อนไว้
แล้วคุณล่ะ จะเลือกอะไร?
F8 Ultra – สมาร์ตโฟนเสียงที่สุดของโลก
หรือ F8 Pro – เรือธงสมดุลครบเครื่องที่คุ้มที่สุดในตลาดตอนนี้
POCO F8 Ultra: Shopee.co.thPOCO F8 Pro:Lazada.co.th



