สื่อจีนรายงานว่า ราคาหน่วยความจำที่พุ่งสูงขึ้นได้สร้างผลกระทบอย่างชัดเจนต่ออุตสาหกรรมพีซีทั้งหมด โดยมีการระบุว่า ผู้ผลิตเมนบอร์ดรายใหญ่ ได้แก่ MSI, GIGABYTE และ ASUS มียอดขายเมนบอร์ดลดลง 40%–50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากราคา DRAM เริ่มพุ่งตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่เดิมแล้วช่วงเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคมถือเป็นฤดูกาลอัปเกรดเครื่องที่มียอดขายสูง ทว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ผู้ผลิตแต่ละรายจำเป็นต้องประเมินกลยุทธ์การขายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าใหม่ทั้งหมด
ตามรายงาน ระบุว่า เมื่อราคา DRAM เริ่มปรับขึ้นแรง ผู้ใช้พีซีจำนวนมากได้เลื่อนแผนการอัปเกรดเครื่องออกไป บางรายที่ตั้งใจจะซื้อเครื่องใหม่ ก็หันไปเลือกซื้อแรมแบบแถวเดี่ยวความจุต่ำก่อน เพื่อรอให้ราคาแรมลดลงค่อยอัปเกรดเพิ่มในภายหลัง
ราคาของหน่วยความจำ DDR5 ที่พุ่งขึ้น 2–4 เท่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพรวมตลาดฮาร์ดแวร์พีซี ข้อมูลจากร้านค้าปลีกหลายแห่งชี้ให้เห็นว่า ยอดขายเมนบอร์ดลดลงต่อปีถึง 40%–50% และเมื่อเมนบอร์ดขายได้น้อยลง ยอดขาย CPU ก็ย่อมถูกลากลงไปด้วย
ในทางกลับกัน ลูกค้าที่เดิมตั้งใจจะเปลี่ยนเครื่องยกชุด ตอนนี้กลับเลือกเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนอย่าง การ์ดจอ, จอภาพ, และอุปกรณ์เกมมิ่งต่าง ๆ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากราคาหน่วยความจำที่สูงขึ้น ทำให้ยอดขายยังเติบโตต่อเนื่อง
ยังไม่ชัดเจนว่าสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อไปนานแค่ไหน แต่สัญญาณหลายอย่างชี้ว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ผู้ผลิตบางรายเริ่มใช้วิธี บันเดิล DDR5 คู่กับเมนบอร์ด เพื่อกระตุ้นยอดขาย ทว่าด้วยราคาที่สูงเกินไป ทำให้กลยุทธ์นี้แทบไม่ได้ช่วยมากนัก
ที่มา: HKEPC



