สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ในยุค 2018 ที่การใช้งาน NAS ภายในบ้านก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวกันเท่าไรแล้ว เพราะใน NAS ยุคสมัยใหม่ที่นอกจากจะเป็น File Server ภายในบ้านกัน ที่ยังสามารถใช้งานเป็น Cloud และ Media Server ส่วนตัวใช้งานภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ที่วันนี้เราจะมาพบกับ NAS จากแบรนด์ ASUSTOR ในโมเดล AS1002T v2 ที่เป็นการอัพเกรดประสิทธิภาพขึ้นมาจากตัว AS1002T นั้นเอง โดย ASUSTOR AS1002T v2 ที่เป็น NAS แบบ 2-Bay รองรับการติดตั้งฮาร์ดดิสก์ SATA III 3.5 นิ้ว จำนวนสองลูก ที่ทางด้านหัวใจหลักในการประมวลผลจาก Marvell ARMADA-385 Dual-Core 1.6 GHz ส่วนทางด้านเมโมรีที่พกพามานั้นมีความจุ 512MB แบบ DDR3 ที่ไม่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ เดี๋ยวเราไปชมกันดีกว่าว่า ASUSTOR AS1002T v2 กับ NAS ระดับเริ่มต้น ค่าตัวสบายกระเป๋า มันจะมีประสิทธิภาพ ความสามารถอะไรกันบ้าง
Package & Bundled
แพ็คเกจที่มากันแบบในสไตล์สีสันสดใสสวยงาม มีการบ่งบอกรายละเอียดเอาไว้ครบถ้วน ของในชุดที่ให้มามี คู่มือการใช้งาน ,คู่มือการติดตั้ง ,น๊อตยึดฮาร์ดดิสก์ ,หม้อแปลงไฟ ,สายไฟท้าย IEC C13 และ สายแลน Cat5e
Design & Detail
ASUSTOR AS1002T v2 จะมีหน้าตาและเป็นทรงแบบมาตรฐานของ NAS ที่มีความเป็นสไตล์ของ ASUSTOR ได้อย่างชัดเจนดี โดยวัสดุบอดี้ภายนอกนั้นทำมาจากพลาสติกสีดำ
ลูกเล่นในส่วนหน้ากากด้านหน้าที่เป็นตรางๆลักษณะการสารของพลาสติกสีดำกึ่งด้านตัดกับดำเงา ตรางลักษณะแบบนี้คงจะคุ้นกันดี ทางมุมด้านขวาบนจะมีโลโก้ ASUSTOR สีทองอย่างสวยงาม จุดแสดงไฟสถานะการทำงานที่มีการบ่งบอกไว้อย่างชัดเจน
ไฟแสดงสถานะการทำงานเมื่อใช้งานจริง โดยในกรณีแสงสว่างมันแสบตาก็สามารถเข้าไปหรี่หรือปิดได้ในคอนฟิก
มุมซ้ายล่างจะมีพอร์ต USB 3.0 เหนือไปด้านบนจะเป็นจุดรับ IR ไว้รับสัญญาณจากรีโมทที่เป็นอุปกรณ์เสริมของ ASUSTOR
ในส่วนของด้านล่างไม่มีอะไรมากครับ จะเห็นได้ว่ามีฐานรองวางติดตั้งไว้ทั้งสี่มุมและฉลากบ่งบอกข้อมูล
เนื่องจากโมเดลนี้เป็นโมเดลระดับ Entry Level จึงไม่ได้เป็นการติดตั้งฮาร์ดดิสก์แบบ Hot Swap โดยการติดตั้งต้องเปิดฝาเครื่องกันก่อน การรองรับฮาร์ดดิสก์จะเป็นขนาด 3.5 นิ้ว แบบมาตรฐาน แต่ถ้าจะติดตั้งฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว ก็พอที่จะทำได้ แต่ต้องใช้ลูกเล่นกันหน่อยครับ
การเก็บงานภายในและส่วนของ PCB ที่ถือว่าทำได้เนียบและสวยงามมาก
ด้านหลังเราจะพบเจอกับพัดลมระบายความร้อนขนาด 6 ซม. ไม่ต้องกลัวว่าเสียงจะดังตลอดการทำงาน เพราะรอบการทำงานนั้นจะปรับไปตามความร้อนภายในครับ มาถึงการเชื่อมต่อกันบ้าง พอร์ตการเชื่อมต่อด้านหลังนั้น เดี๋ยวผมขอจะไล่จากด้านบน ปุ่มพาวเวอร์ ,สวิทซ์รีเซ็ต,พอร์ต USB 3.0 ,พอร์ต Gigabit Lan ,จุดการเชื่อมต่อหม้อแปลงไฟ และ k-lock
<<< Specifications >>>
สำหรับการเซ็ตอัพระบบก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น เอาแบบการใช้งานภายในบ้านง่ายสุดก็เสียบสายแลนเข้ากับหลัง Wireless Router ถ้าจะให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นควรเป็น Gigabit Switch นะครับ ผมก็มาทดลองใช้งานจริงกันที่บ้านก็แล้วกัน Wireless Router ที่ผมใช้ก็ไม่ได้แพงอะไรมาก ตัวนึงสองพันกว่าบาท เริ่มต้นให้โหลดตัวซอร์ฟแวร์ Control Center จากทาง ASUSTOR เมื่อติดตั้งไปแล้วมันจะค้นหา NAS ASUSTOR ในระบบเครือข่ายให้เอง เมื่อเจอแล้วหน้าจอจะเห็นว่าตัว NAS ยังไม่พร้อมที่ใช้งาน ก็ให้คลิกสองทีแล้วมันจะเด้ง Browser เพื่อเข้าไปสู่กับการเซ็ตอัพเบื้องต้น
เริ่มต้นการเตรียมระบบก่อน โดยเงื่อนไขว่าต้องมีการติดตั้งฮาร์ดดิกส์ไว้ขั้นต่ำ 1 ตัว ที่จะมีขั้นตอนเป็นภาษาไทยด้วย คำเตือนที่สำคัญ HDD ที่ติดตั้งไป ข้อมูลจะหายหมดกู้กลับไม่ได้
จัดการติดตั้ง ADM เข้าระบบ โดยจะสามารถโหลดมาจากทางเว็บ ASUSTOR แล้วเลือกไฟล์ img ที่เราได้โหลดมา
หลังจากการจัดการตัวเอง ก็ให้รอระบบรีบูตแล้วเริ่มหน้า Browser ขึ้นมาใหม่
พอมาถึงขั้นตอนนี้จะเห็นการเซ็ตอัพที่จะมีแบบ 1-Click Setup ที่ง่ายและเหมาะกับผู้ที่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับระบบเครือข่ายมากนัก และแบบ Custom Setup นั้นตามชื่อเลยที่จะปล่อยให้ผู้ใช้งานนั้นปรับค่าเริ่มต้นได้ละเอียดมากขึ้น แต่ผมว่ายังไงมันก็ไม่ยากเท่าไรนัก วันนี้ผมเลือกแบบวันคลิกละกัน เรียกว่าคลิกไม่กี่ทีก็พร้อมใช้งานสบายๆ ทำให้เรื่องยากๆกลายเป็นเรื่องง่ายไปทันที
จัดการเปลี่ยนชื่ออ้างอิงบนเครือข่าย Password ของ Admin และ จัดการความจุว่าต้องการประสิทธิภาพสูงสุดหรือโดยรวมระหว่างความจุและความ ปลอดภัย ก็ขึ้นกับจำนวนฮาร์ดดิสก์ที่ติดตั้งไป อย่าลืมว่าข้อมูลในฮาร์ดิสก์นั้นจะหายหมดนะครับ
ระบบจะจัดการตัวเองตามขั้นตอนไปจนเสร็จ
การลงทะเบียน ASUSTOR ID ในการใช้งานแบบ Cloud ส่วนตัว
การเลือกรูปแบบในตัวช่วยติดตั้งแอปการใช้งานตามความต้องการ ระหว่างความบันเทิงและธุรกิจ
ในการติดตั้งเราไม่จำเป็นต้องติดตั้งแบบยกแพ็ค สามารถเลือกได้ตามการใช้งาน
ในส่วนของธุรกิจ จะเน้นไปทางด้านการ Sync กับ Cloud Storage ภาพนอก เพื่อความปลอดภัยอีกขั้น รวมไปถึงการจัดเก็บ Log การทำงานของระบบ
เรียบร้อยพร้อมใช้งาน
การเข้าไปปรับแต่งระบบ ใช้ผ่านทาง Web Browser ถ้าใครไม่รู้จะเข้าได้ทาง IP ไหน ถ้าตาไวก็จำเลข IP ตอนช่วงเซ็ตอัพแล้วก็กรอกเข้าไปในช่อง Address หรือ จะใช้ Utiltiy ช่วยเปิดก็ได้ หลังจาก LOGIN เข้ามาแล้วก็จะเจอคำแนะนำในการใช้งาน
อินเตอร์เฟสการใช้งานของ ADMที่เรียกได้ว่ามีการปรับเปลี่ยนให้ดูสวยงามมากขึ้น
การตั้งค่ากฎในการเข้าถึงและโควต้าต่างๆของผู้ใช้งานกำหนดได้แต่ละ User หรือ Group อย่างละเอียด ในส่วนต่างๆของฟีเจอร์ในการเข้าถึง
การตรวจสอบการทำงานในส่วนต่างๆของระบบในการทำงาน ที่จะแสดงสถานะได้เป็นกราฟต่างๆในแบบเรียวไทม์
ในส่วนของ App ต่างๆที่ทาง ASUSTOR นั้นอออกแบบให้มันมีฟีเจอร์การใช้งานได้หลากหลายเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ตอนนี้มีแอปจากผู้พัฒนานอกเหนือจาก ASUSTOR มาให้ได้ใช้งานอีกด้วย
ความช่วยเหลือในการใช้งานและการปรับแต่งแบบออนไลน์
ฟีเจอร์ในการสำรองหรือคือข้อมูล ที่มีหลายรูปแบบ รวมไปถึงการวางแผนการได้อีกด้วย
การจัดการในส่วนของพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ,เครื่องพิมพ์ ,Wireless Adapter ,UPS ,Bluetooth และ ODD ทางพอร์ต USB 3.0 ที่สามารถตรวจสอบและดูแลได้ในทุกส่วน
ในส่วนของ File Explorer ที่จะจัดการไฟล์ในส่วนต่างๆของ HDD ที่ติดตั้งใน NAS หรือ Storage ที่ติดตั้งเข้าไปทางพอร์ต USB
การจัดการคอนฟิกและเปิด-ปิด ฟีเจอร์หรือ Services ในการใช้งาน ที่อินเตอร์เฟสดูเหมือนง่ายๆแต่นับว่าละเอียดมาก
การเซ็ตอัพระบบการทำงานที่จะแบ่งออกเป็นหัวข้อหลักที่ตามมาด้วยหัวข้อย่อยซอยออกมา ที่บอกเลยว่าละเอียดยิบย่อยมาก
การจัดการในส่วนของข้อมูล ที่สามารถตรวจสอบและดูแลได้ครอบคลุมระบบการใช้งานด้านต่างๆ
การจัดการในส่วนของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ติดตั้งเข้ากับ NAS
มาดูในส่วนแอปการใช้งานที่น่าสนใจดีกว่า เริ่มด้วย Hi-Res Player ที่รองรับการเล่นไฟล์เสียง ถ้าพูดง่ายๆก็ไฟล์เพลงนั้นแหละ ได้ถึงระดับ DSD 11.2 Mhz ซะด้วย
ในการ Sync ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเข้าสู่ NAS สามารถทำได้ง่ายมาก เพียงติดตั้ง Software หรือ Apps เข้าไป
สถานะการทำงานด้านข้าง ที่เรียกได้ว่ามีความสะดวก และใช้งานได้ไม่ยาก
การทดสอบประสิทธิภาพ ไม่ได้เซ็ตอัพอะไรยุ่งยาก โดยใช้เครือข่ายที่ผมใช้งานจริงภายในบ้าน โดยขณะการทดสอบมีการใช้งานภายในเครือข่ายกันปกติครับ
การอัพโหลดไฟล์ที่ทำได้สูงสุดประมาณ 107 MB/s เห็นจากหน้าตาทีแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมาก แต่ด้วยระบบเครือข่ายแบบบ้านๆใช้งานจริงที่มีการใช้งานพร้อมกับขณะการทดสอบ ผลที่ออกมาได้ใช้งานจริงก็แรงมากแล้ว
การโหลดไฟล์กลับที่ผลจากการทดสอบที่ออกมาดูแล้วไม่ได้แตกต่างจากการอัพโหลดเลยเท่าไร แรงกันพอตัวครับ
ผลการทดสอบจากโปรแกรม LAN Speed Test ขนาดไฟล์ 1GB ใช้ 2 แพคเกจในการทดสอบที่แรงพอสมควร ด้วยระดับราคาค่าตัวและฮาร์ดดิสก์ที่ผมใส่ในการทดสอบคือ WD Black 500GB อายุ 5 ปี ที่มาต่อ RAID 0 x 2 ถือว่าออกมาได้น่าพอใจ
Media Server
ลองของกันไหน ดูสิว่า ASUSTOR AS1002T v2 ที่ใช้ซีพียู Marvell ARMADA-385 จะแน่แค่ไหนกับการใช้งาน Plex Server
ในการเล่นไฟล์ Full HD ไฟล์ไม่ใหญ่มาก ไม่มีระบบเสียงอะไรพิเศษ ก็เล่นได้สบายๆ ไหลลื่นดูจบไปหลายเรื่องยังไม่เจอกับความสะดุด แม้จะเชื่อมต่อกันทาง Wireless Lan
ลองมาดูกับไฟล์ Full HD ที่มีความใหญ่ขึ้นมาระดับ 10GB พร้อมกับระบบเสียง DTS-HD ก็ดูไม่ได้ครับ พลังประมวลผลไม่พอ
พอมาใช้กับการสตรีมมิ่งผ่านโปรโตคอล DLNA จาก SMART TV โดยตรง ก็สามารถดูได้ ถ้าทีวียี่ห้อที่ผมใช้ตามภาพจะมีปัญหาเรื่องของคำบรรยายเป็นเรื่องปกติ
ห้าวมาลองกับไฟล์ 4K ขนาดประมาณ 4X GB กันบ้างครับ ดูไม่ได้แน่นอน NAS ที่แรงกว่านี้ยังดูไม่ได้เหมือนกัน
พอมาใช้กับการสตรีมมิ่งผ่านโปรโตคอล DLNA จาก SMART TV โดยตรง ก็สามารถดูได้อย่างไหลลื่น ก็เปิดให้หนังมันดูผมนอนไปหลายคืน ก็ไม่พบเจอปัญหาอะไร
Conclusion !
สำหรับ ASUSTOR AS1002T v2 ถ้าเรามองกันที่สเปคนั้นมันก็เป็นเพียงกับ NAS แบบ 2 Bay ในระดับเริ่มต้น ที่เน้นกับการใช้งานทั่วไป แต่ด้วยการอัพเกรดของ v2 ที่ทำให้ ASUSTOR AS1002T v2 มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากการทำ File Server หรือ Cloud Stroage ส่วนตัวแล้ว ASUSTOR AS1002T v2 ก็ยังสามารถตอบโจทย์กับการใช้งานทางด้านความบันเทิงได้เป็นอย่างดี ตามระดับราคาของที่มันทำออกมาได้ ด้วยฟีเจอร์การใช้งานอย่างที่มาพร้อมกับ ASUSTOR AS1002T v2 ก็สามารถไปไปใช้งานกันได้อีกหลากหลาย ขึ้นกับว่าจะวางแผนให้ไปใช้งานกันอย่างไรบ้าง เพราะ NAS หนึ่งตัว มันไม่ได้มีฟีเจอร์ตายตัว มันสามารถติดตั้ง Apps การการใช้งานต่างๆเพิ่มเติมกันได้อีกมากมาย ส่วนตัวที่ผมชอบ ASUSTOR AS1002T v2 ไม่ได้มองกันที่ประสิทธิภาพ เพราะการใช้งานส่วนตัวหรือการใช้งานจำนวนผู้ใช้งานไม่สูงมาก ASUSTOR AS1002T v2 ตัวเดียวเอาอยู่ ที่แต่ชอบคือมันประหยัดไฟดี ถ้าเทียบกับ NAS ตัวใหญ่ๆที่เคยใช้มา ASUSTOR AS1002T v2 คงเหมาะกับการเป็น NAS ตัวแรก หรือ กลุ่มที่ต้องการ NAS ราคาไม่สูง แต่มาด้วยคุณภาพและการใช้งานในแบบฉบับของ ASUSTOR สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : N/A
Special Thanks : PT Automation (Thailand) co.,ltd