สวัสดีชาวโอเวอร์คล็อกโซน ในยุค 2025 การใส่นาฬิกานอนคงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างไรนัก ถ้าย้อนกลับไปซักสิบปีที่แล้วที่ดูแปกมาก ยิ่งฟีเจอร์การใช้งานมันมากกว่าการนับก้าวเดิน ยิ่งในกลุ่มระดับไฮเอนด์ ที่การวัดความดันโลหิต ถ้าย้อนในปี 2020 เทคโนโลยีการวัดความดันโลหิต มีและใช้งานในประเทศไทยได้ บอกตามตรงผมคงไม่ต้องนอนเป็นผักอยู่เกือบปี VivoWatch 6 จาก ASUS ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จัดเต็มด้านสุขภาพมาก มีจุดเด่นการวัดความดันโลหิต, ECG และองค์ประกอบร่างกายมาอยู่ในตัวเดียว โดยมีแอป HealthConnect แสดงข้อมูลครบทุกด้าน: งานสุขภาพ, กิจกรรม, สถิติการนอน, ความเครียด, และสามารถแชร์ข้อมูลกับผู้อื่นได้ ที่ให้การใช้งาน VivoWatch 6 ครบถ้วนมากขึ้น รวมถึงการออกกำลังกายที่สามารถใช้งานได้ครบถ้วน มี GPS ในตัว ออกกำลังโดยที่ไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์ไปด้วยกับ เอาเป็นว่าถ้าคุณมีงบประมาณและอยากได้นาฬิกาที่ใส่ใจ “สุขภาพแบบลึกซึ้ง” VivoWatch 6 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก แต่ถ้าใช้แบบทั่วไปมากกว่าก็อาจจะ “เกินความจำเป็น” ไปหน่อย ลงตัวกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการติดตามสุขภาพอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ก้าวเดินหรือชีพจรเท่านั้น รวมถึงคนที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น วิ่ง/ปั่นจักรยาน และอยากได้ GPS ที่แม่น ผู้ใช้งานที่ต้องการแบตเตอรี่ใช้งานได้หลายวัน ไม่อยากชาร์จทุกวัน คนที่อยากแชร์ข้อมูลสุขภาพกับครอบครัวหรือคนดูแล
Package

แพคเกจที่ดูมินิมอล มาเป็นกล่องกระดาษแข็งสีขาว ตรงกลางชัดเจนโลโก้ ASUS VivoWatch

ในชุดที่มีคู่มือการใช้งาน พร้อมสาย USB A to นาฬิกา ความยาวประมาณคืบนึง
Watch Detail

เป็นทรงกลม หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 × 454 พิกเซล พร้อมกระจก Gorilla Glass 3 ตัวเรือนน้ำหนักประมาณ 60 กรัม (รวมสาย) และรองรับมาตรฐานกันน้ำ 5 ATM แบตเตอรี่ความจุราว 290 mAh พร้อมใช้งานได้ถึง “ประมาณ 9 วัน” ในโหมดปกติ หรือสูงสุดถึง 14 วันในโหมดประหยัดพลังงาน เซนเซอร์ครบครัน ECG, PPG (วัดชีพจร/SpO₂), BIA (วัดองค์ประกอบร่างกาย) รวมถึง GPS แบบ dual-frequency (L1 & L5) ฟีเจอร์สุขภาพ วัดความดันโลหิต-โดยนิ้วแตะ (finger-touch)และ ECG ได้, วัดองค์ประกอบร่างกาย เช่น ร้อยละไขมัน, มวลกล้ามเนื้อ, BMR; ติดตามการนอน, ความเครียด และ “Body Harmony Index”

หน้าจอใหญ่พอสมควร ทำให้ดูเวลา/ข้อมูลได้ชัดเจน และแบบ AMOLED ก็ให้ภาพที่คม สวยงาม

โดยเฉพาะตัวเรือนแบบโลหะ พร้อมสายซิลิโคนคุณภาพดี ใส่แล้วรู้สึกได้ทันทีเป็นของมีราคา

ตัวสายที่ออกแบบมาเรียบง่าย แต่แอบซ่อนไว้ด้วยคุณภาพ

การวัด ความดันโลหิต และ ECG โดยแตะนิ้วบนเซนเซอร์ ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่โดดเด่นและหายากในสมาร์ทวอชทั่วไป

ปุ่มกดทางขวา ถ้าใครใส่นาฬิกาแบบ Chronograph คงคุ้นเคยกับปุ่มที่ตัวเรือน ใน VivoWatch 6 จะมีปุ่มบน ที่มีวงแหวงสีแดง ที่ใช้ประโยชน์ในการวัดค่าที่ต้องใช้ เซนเซอร์ตามภาพบน

สิ่งที่หายากคือสายชาร์จ ต้องใช้ของรุ่นมัน ขนาด ASUS โมเดลอื่น ที่ผมมีใช้ร่วมกันไม่ได้

สายนาฬิกา ที่สามารถเปลี่ยนสาย ความกว้างขนาด 22 มม. ทั่วไปได้ หาสายง่ายมาก หรือ ตัดสายที่ไม่ยากครับ

เพื่อการวัดค่าที่ดีที่สุด ต้องรัดสายให้พอดีกับแขนเรา เอาเป็นว่าแค่พอตึงครับ ถ้าหลวมไปวัดค่าความเครียดไม่ได้เลย
ใช้งานร่วมกับแอป ASUS HealthConnect ซึ่งสามารถดูข้อมูลสุขภาพทั้งหมด แชร์กับครอบครัว (Care Track) ได้

เมื่อเข้าแอปมา จะมีการแจ้งเตือนให้ปรับเทียบ (Calibration) ในการเทียบสามารถใช้เครื่องมือที่เชื่อถือได้ในการวัดค่าด้านสุขภาพคุณ จากนั้นจึงเริ่มการปรับเทียบ (Calibrate) นาฬิกาของ โดยป้อนค่าที่วัดได้ลงไป

ในส่วนของอุปกรณ์ ที่เราสามารถปรับแต่งการทำงานได้

การแสดงผลเวลา ที่สามารถป้องค่ามากกว่าเวลาที่แสดงได้ เช่นไปเที่ยวต่างประเทศ สามารถป้อนเวลาที่สองได้ โดยไม่ต้องไปปรับเวลาที่เครื่อง และ การปลุก ถ้าใครชอบตั้งปลุกตอนเช้าทุก 5 นาที คงถูกใจมาก

ภาพซ้ายเป็นเมนูตั้งค่า ช่วงเวลาวัดความดันและการตรวจสุขภาพแบบเบื้องหลังอัตโนมัติ สามารถตั้งให้วัดความดันช่วงหลังตื่นนอน (กำหนดเวลาช่วงเช้าได้) ,ตั้งให้วัดความดันช่วงก่อนนอน (กำหนดเวลาช่วงกลางคืนได้) ส่วนภาพขวา เป็นหน้าตั้งค่าปุ่มลัดบนหน้าปัดนาฬิกา (Quick Button / Quick Access) คุณสามารถเลือกได้ว่า “ปุ่มลัด 4 ช่องบนหน้าปัด” จะให้เปิดฟีเจอร์อะไรบ้าง

ข้อความตอบกลับ ที่สามารถเซ็ตคำที่ต้องการใช้งาน รวมไปถึงการเพิ่มคำที่ต้องการนอกจากภาษาอังกฤษได้

การแจ้งเตือน ที่สามรถสั่นในการเตือนได้ รวมไปถึงการแจ้งเตือนการใช้งานพื้นฐานของนาฬิกา

ที่ผมถูกใจมากในการแจ้งเตือน เรียกได้ว่าครบมากครับ ขนาดแอป E-Mail ที่ผมใช้อยู่ (เป็นเมลองค์กร) ที่ VivoWatch 6 สามารถแจ้งเตือนได้ดีมาก

โหมดการประหยัดพลังงาน ที่เปิดแล้วความสามารถลดลงไปบ้าง ส่วนตัวไปต่างประเทศกลัวสายชาร์จหายเหมาะมาก

การปรับเปลี่ยนหน้าปัดแสงผล ที่มีรูปแบบให้เลือกพอสนควร

รูปแบบหน้าปัดที่มีหลากหลายพอสมควร

หน้าปัดที่มีมาให้ ถ้าไม่ถูกใจ สามารถใช้รูปที่เรามีภายในเครื่องได้ครับ พร้อมแสดงค่า ได้สี่ค่า

มาถึงหน้าหลัก ที่รวมข้อมูลสุขภาพไว้ทั้งหมด เค้าสรุปข้อมูลให้เราทันที

การวัดความดันโลหิต ถ้าเทียบในความแม่นยำกับเครื่องวัดเกรดใช้งาน อย่าง Omron ถือว่าใกล้เคียงมาก ซึ่งในการวัดความดันจาก VivoWatch มีการจับตัวที่เซ็นเซอร์เข้าร่วมด้วย VivoWatch 6 เลยต้องใช้ความคิดมากมากกว่ากัน ความดันจาก VivoWatch 6 สูงกว่าการวัดจากเครื่อง Omron ในแบบผ้าพับแขน หรือ Cuff เล็กน้อย ในภาพ เวลา 16.00 ที่ผมวัดเทียบกับ

อัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) คือจำนวนครั้งที่หัวใจเต้นในหนึ่งนาที โดยอัตราการเต้นขณะพักปกติสำหรับผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที ซึ่งอัตรานี้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ ระดับความฟิต อารมณ์ และกิจกรรมที่ทำอยู่ หากหัวใจเต้นช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาทีเรียกว่า หัวใจเต้นช้า (bradycardia) และหากเต้นเร็วกว่า 100 ครั้งต่อนาทีเรียกว่า หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia) ในภาพที่ช่วงเวลาหลัง 19.00 ผมเฝ้าพระอินทร์ไปแล้ว ส่วนสูงสุด 124 น่าจะเป็นค่าที่ผมไปเดินออกกำลังกาย

PTT หรือ Pulse Transit Time คือ “ระยะเวลาที่คลื่นชีพจรใช้เดินทางในหลอดเลือด” นับตั้งแต่หัวใจบีบตัวส่งเลือดออกไป จนคลื่นชีพจรไปถึงตำแหน่งที่เซนเซอร์อีกจุดหนึ่งตรวจจับได้ ใช้พลังงานในการตรวจจับไม่สูงมาก โดยที่หลังผมหลับไปแล้วยังสามารถตรวจจับ PTT ได้อยู่
ECG คือ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) เป็นการตรวจอย่างง่าย ปลอดภัย และไม่เจ็บปวด โดยจะบันทึกกิจกรรมไฟฟ้าของหัวใจออกมาเป็นกราฟ เพื่อประเมินการทำงานของหัวใจ เช่น อัตราการเต้น ความสม่ำเสมอของจังหวะ และช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับหัวใจ ในการแชร์ผล จะถูกส่งเป็นไฟล์ PDF ที่จะมีจังหวะ มีแสดงค่าได้ยาวมากขึ้น

Body composition (องค์ประกอบของร่างกาย) คือ สัดส่วนของมวลไขมัน, กล้ามเนื้อ, กระดูก, และน้ำในร่างกาย ซึ่งเป็นข้อมูลสุขภาพที่ละเอียดกว่าการวัดน้ำหนักหรือดัชนีมวลกาย (BMI) เพียงอย่างเดียว เพราะสามารถบอกได้ว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นมาจากการเปลี่ยนแปลงของมวลไขมันหรือมวลกล้ามเนื้อ องค์ประกอบที่สมดุลช่วยประเมินความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง หรือเบาหวาน และเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนการออกกำลังกายและโภชนาการส่วนบุคคล

Relax Index ของแอป ซึ่งคะแนนนี้มักคำนวณจาก ความเครียด, อัตราการเต้นของหัวใจ (HR), และความแปรปรวนของอัตราการเต้นหัวใจ (HRV) เพื่อตีความว่า ร่างกายและระบบประสาทของคุณอยู่ในโหมดผ่อนคลายมากน้อยแค่ไหน ตัวอย่างในภาพเป็นระดับ ค่อนข้างดี แปลว่าในช่วงเวลานั้น ร่างกายไม่ได้อยู่ในสภาวะตึงเครียดมากเกินไป ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (โหมดพักผ่อน-ซ่อมแซม) ทำงานได้โอเค

สรุปคุณภาพการนอน (Sleep Report) โดยสมาร์ทวอทช์แสดงข้อมูลระยะเวลาการนอนและชนิดของ Sleep Stage (Light Sleep) ซึ่งเป็นระยะพักผ่อนเริ่มต้น, (Deep Sleep) ที่ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซม และระยะ REM (Rapid Eye Movement) ซึ่งสมองทำงานคล้ายช่วงตื่น และเป็นช่วงที่มักเกิดความฝัน ซึ่งช่วยบอกว่าร่างกายได้พักจริงมากน้อยแค่ไหน ถ้าเทียบความละเอียดที่น้อยไปหน่อยในระดับราคานี้ ปกติผมต้องเอาข้อมูลเรื่องการนอนไปส่งการบ้านให้หมอดู พอดีคืนนั้นผมไม่ได้กินยานอนหลับ หลับได้แค่นี้ถือว่าปกติมากสำหรับผมแล้ว

การแจ้งถึง อุณหภูมิร่างกายที่ VivoWatch 6 สามารถจับ สรุป ได้อย่างชัดเจนมาก

Exercise หรือ ออกกำลังกาย จะต้องเข้าการใช้งานด้วย วิ่งเป็นโลมันก็ไม่นับรวมครีบ ในการออกกำลังการที่จะมีการเก็บข้อมูลอย่างครบถ้วน

จากที่ผมลองเดินออกกำลังกาย จะมีข้อมูลเก็บไว้ให้เราดูได้อย่างครบถ้วน

มี GPS แบบ Dual-frequency L1 และ L7 ช่วยให้ VivoWatch 6 จับสัญญาณดาวเทียมได้รวดเร็วขึ้น และระบุตำแหน่งได้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม หมดห่วงในกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมเก็บข้อมูลที่คุณต้องการได้อย่างครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์ติดตัว ในการทดลองผมไม่ได้พกโรศัพท์ติดตัวด้วย

การใช้พลังงานในกิจกรรมประจำวัน และ เผาพลังงาน สามารถตรวจได้จาก VivoWatch 6

มีการเทียบข้อมูลจากคนกลุ่มตัวอย่าง

ยังไงเสียแล้ว เราก็หนี AI ไม่ได้ ที่จะเก็บข้อมูล และ สรุปออกมาให้ปรับการตัว
Conclusion
VivoWatch 6 ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จัดเต็มด้านสุขภาพ สำหรับนาฬิกาสมาร์ทในตลาด ณ ตอนนี้ ราคาค่าตัวที่สูงใช้ได้ ที่ประมาณ 15,XXX บาท เหมาะมากสำหรับผู้ที่จริงจังเรื่องสุขภาพ หน้าจอใหญ่และคุณภาพดี (AMOLED) ทำให้อ่านข้อมูลได้ง่าย GPS แบบ dual-frequency เพิ่มความแม่นยำสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง แบตเตอรี่อึดใช้งานได้หลายวัน (ถ้าใช้งานแบบปกติ) ดีไซน์ทันสมัยและวัสดุประกอบดี ทำให้ดูคุ้มค่า ลงตัวกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการติดตามสุขภาพอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ก้าวเดินหรือชีพจรเท่านั้น คนที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น วิ่ง/ปั่นจักรยาน และอยากได้ GPS ที่แม่น ผู้ใช้งานที่ต้องการแบตเตอรี่ใช้งานได้หลายวัน ไม่อยากชาร์จทุกวัน คนที่อยากแชร์ข้อมูลสุขภาพกับครอบครัวหรือคนดูแล มีฟีเจอร์ที่หายาก เช่น การวัดความดันโลหิต, ECG และองค์ประกอบร่างกายมาอยู่ในตัวเดียว พร้อม GPS และแบตเตอรี่อึดดี อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในแง่ความแม่นยำทางการแพทย์ หรือฟีเจอร์สมาร์ทวอชเต็มรูปแบบ (ติดตั้งแอปได้เยอะ, ฟังเพลงด้วยตัวเอง) อาจพบข้อจำกัดอยู่บ้าง ตามสเปกอยู่ได้สูงสุด 9 วันในโหมดปกติ และสูงถึง 14 วันในโหมด Power Saving ในการใช้งานจริง จำนวน 9 วันถือว่าน่าพอใจมากสำหรับสมาร์ทวอชที่มีหน้าจอ AMOLED และเซนเซอร์เยอะ หากใช้งานหนัก (GPS / วัด ECG / วัดความดันบ่อย) แต่จากที่ใช้งานมา ผมลองวัดจัดหนัก วัดความดันบ่อยจัด หมดเอากลางดึกได้เลย ข้อแนะนำหากอยากให้แบตเตอรี่อึด ใช้โหมด “พื้นฐาน” ลดความสว่างหน้าจอ ปิดวัดพื้นหลังหนักๆ เช่น SpO₂ ซึ่ง VivoWatch 6 หน้าจอใหญ่พอตัว ทำให้ดูเวลา/ข้อมูลได้ชัดเจน และหน้าจอ AMOLED ก็ให้ภาพที่คม สวยงาม โดยเฉพาะในตัวเรือนแบบโลหะ พร้อมสายซิลิโคนคุณภาพดี ให้ความรู้สึกใส่สบาย ไม่อึดอัด เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันและกิจกรรมออกกำลังกาย ความรู้สึกโดยรวม ดูทันสมัย ไม่ได้ดูเป็นนาฬิกาฟิตเนสราคาถูก น้ำหนัก 60 กรัมถือว่าไม่หนักมาก แต่ถ้าเทียบกับนาฬิกาฟิตเนสบางรุ่นที่เบามาก (เช่น < 40 กรัม) อาจมีความรู้สึกว่าหนักกว่านิดหน่อยเมื่อใส่ทั้งวันโดยเฉพาะตอนนอน วันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Special Thanks : ASUSTek Computer (Thailand) Co.,Ltd.



