จุดเด่นของ SSD คือความเร็ว เสถียร และใช้พลังงานน้อยกว่าเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบปกติ และถึงแม้ SSD จะไม่มีกลไลและแผ่นจานแม่เหล็ก แต่รู้หรือไม่ว่ามันก็มีโอกาสเสียหายได้ก่อนจะถึงอายุการใช้งาน (ประมาณ 5-7 ปี) วันนี้เราจะมาบอกวิธีสังเกตอาการของ SSD ที่ใกล้พัง จะได้เตรียมรับมือถ่ายโอนข้อมูลไปยังที่ปลอดภัยก่อนเกิดการสูญหาย เพราะโอกาสกู้กลับเรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย
สาเหตุการเสียของ SSD
อย่างที่เกริ่นไปครับว่า SSD ต่างกับ HDD ชัดเจนโดยเฉพาะทางด้านกายภาพ มันไม่มีกลไลหรือชิ้นส่วนที่ขยับเขยื้อนได้ (หัวอ่าน อาร์ม แผ่นจานแม่เหล็ก) จึงได้เปรียบมากในเรื่องความทนทานต่อการตกหล่น-แรงกระแทก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ลืมว่า SSD ก็ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำคัญๆ อย่างคาปาซิเตอร์และภาคจ่ายไฟ ที่เป็นจุดอ่อนและมีโอกาสเกิดความเสียหายได้โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะไฟตก-ไฟกระชาก หรือถ้าโชคดีหน่อยอาจยังสามารถใช้งานได้อยู่แต่สูญเสียข้อมูลบางส่วนที่เก็บไว้อยู่ดี อีกปัจจัยที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ SSD นั้นมีไซเคิลหรือจำนวนรอบการอ่าน-เขียนที่จำกัดซึ่งถือเป็นธรรมชาติของหน่วยความจำแฟลชอยู่แล้ว
เครื่องมือเช็คสุขภาพ SSD เบื้องต้น
แม้ว่าปัจจุบัน SSD จะมีการพัฒนาให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นอย่างน้อยๆ ก็ 5 ปีขึ้นไปในการใช้งานปกติ แต่หากรู้วิธีสังเกตอาการผิดปกติเอาไว้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถแบ็กอัพข้อมูลออกมาได้ทันเวลา
ถ้าเป็นอาการผิดปกติของ HDD เราจะสังเกตได้ง่ายกว่าทั้งจากเสียงการหมุนวู้ๆ ของจานแม่เหล็ก หรือเสียงติ้กๆๆ ของหัวอ่าน ในทางกลับกันถ้า SSD มีปัญหาเราจะไม่ได้ยินอะไรจากมันทั้งสิ้น แล้วทีนี้จะสังเกตได้อย่างไรหล่ะ?
โดยส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ตรวจสอบการทำงานของไดรฟ์ เพราะมันสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการทำงานหรือเตือนให้เรารู้ได้ทันทีเมื่อมีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับโครงสร้างการเก็บข้อมูลของไดรฟ์ ซึ่งสำหรับผู้ใช้งาน Windows อาจจะคุ้นชื่อของ CrystalDiskInfo หรือ Hard Disk Sentinel อยู่แล้ว ส่วนผู้ใช้ MacOS ก็จะมี Smart Reporter Lite ให้เลือกใช้
ดาวน์โหลด CrystalDiskInfo (Windows/Free)
ดาวน์โหลด Hard Disk Sentinel (Windows/Linux/Free)
ดาวน์โหลด Smart Reporter Lite (iOS/Free)
ต่อไปนี้คืออาการที่ควรระวังและกำลังเป็นสัญญาณบอกว่า SSD ที่คุณใช้งานใกล้กลับบ้านเก่าเต็มทน
[1] เริ่มมี Error ที่เกี่ยวข้องกับ Bad Blocks (พื้นที่บันทึกข้อมูลเสียหาย)
คล้ายกับ Bad Sectors ของ HDD เป็นอาการที่เครื่องคอมพิวเตอร์พยายามอ่านหรือเขียนไฟล์ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแต่ใช้เวลานานกว่าปกติและลงท้ายด้วยการแจ้งเตือนความผิดพลาด
อาการโดยทั่วไปเมื่อเกิด Bad Blocks มีดังต่อไปนี้
1. ไม่สามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลลงไดรฟ์ได้
2. วินโดวส์แจ้งเตือนให้ Repair ไฟล์ระบบตลอดเวลา
3. แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานค้างหรือปิดตัวเองบ่อยๆ
4. การย้ายไฟล์ข้อมูลเกิด Error บ่อยๆ
5. เครื่องทำงานช้าลง โดยเฉพาะเมื่อต้องเปิดไฟล์ข้อมูลขนาดใหญ่ๆ
ในกรณีที่เกิดอาการใดอาการหนึ่งข้างต้น แนะนำให้ทำการรัน Crystal Disk Info หรือ Hard Disk Sentinel เพื่อตรวจสอบการเกิดปัญหาทางกายภาพของไดรฟ์ ให้ลองสังเกตค่าในหัวข้อ Wear Leveling Count ที่สามารถบอกอายุการใช้งานที่เหลือของ NAND Flash ได้ (เริ่มจาก 100 และจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งาน) หากค่านี้เหลือน้อย หรือมีการแจ้งเตือนให้รีบทำการแบ็กอัพข้อมูลแล้วเปลี่ยนไดรฟ์ SSD ลูกใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
[2] อ่านหรือเขียนไฟล์ไม่ได้
เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเกิด Bad Blocks ในข้อแรก ซึ่งจะส่งผลต่อการอ่านเขียนไฟล์ใน 2 ลักษณะคือ
A. ระบบตรวจเจอ Bad Block ขณะทำการเขียนข้อมูลลงไดรฟ์ และปฏิเสธการเขียนข้อมูลนั้น
B. ระบบตรวจเจอ Bad Block หลังจากเขียนข้อมูลลงไดรฟ์แล้ว และปฏิเสธที่จะอ่านข้อมูลนั้น
ในกรณีแรก ข้อมูลของคุณยังไม่ได้ถูกบันทึกลงไดรฟ์ หมายความว่าข้อมูลยังสามารถใช้งานได้ปกติ สามารถแก้ปัญหา ได้โดยการเปลี่ยนไดรฟ์ปลายทางสำหรับการเซฟ หรือเซฟเก็บไว้บนคลาวด์แทน
ส่วนกรณีที่สอง ถือว่าโชคร้ายเพราะข้อมูลนั้นจะไม่สามารถถูกอ่านกลับมา (เปิดใช้) ได้อีกต่อไป มีแอพพลิเคชั่นหลายตัวโฆษณาว่าสามารถกู้ไฟล์จาก SSD ได้ แต่ขอให้ทำใจไว้ล่วงหน้าได้เลยเพราะกรณีการเกิด Bad Block นี้หมายความว่าข้อมูลใดๆ ที่ถูกเก็บอยู่ในนั้นจะหายไปไม่มีวันกลับมาแน่นอน
[3] Windows เตือนให้ซ่อมแซม File System บ่อยผิดปกติ
ถ้าเคยเจอข้อความแจ้ง Error แบบภาพนี้ สาเหตุแรกคือการชัตดาวน์ไม่สมบูรณ์ (ไฟดับ, กด Power ปิดเครื่องตอนเครื่องค้าง) ซึ่งถ้าคุณมั่นใจว่าชัตดาวน์เรียบร้อยทุกครั้งแน่ๆ ก็เป็นไปได้ว่า SSD ที่คุณใช้เริ่มมีอาการเกิด Bad Block หรือถ้าโชคดีหน่อยอาจจะเป็นสายเคเบิลหลุดหลวม
ในกรณีนี้ Windows จะมีเครื่องมือสำหรับการซ่อมแซมไฟล์ระบบให้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าระหว่างทำใช้เวลานานมาก หรือทำเสร็จแล้วยังคงเจอ Error แบบเดิมอยู่ ก็เตรียมใจเตรียมเงินซื้อ SSD ลูกใหม่ได้เลย
[4] เครื่องแฮงค์ ค้าง ระหว่างบูต
อีกกรณีที่สังเกตไม่ยากคือพีซีของคุณมักจะแฮงค์ หรือหยุดค้างระหว่างการบูต อาจจะเป็นบ้างไม่เป็นบ้างหรือต้องบูตหลายทีหน่อยถึงจะเข้าวินโดวส์ได้ อันนี้ก็ให้เอะใจไว้ก่อนว่า SSD อาจจะกำลังมีปัญหา วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้แอพพลิเคชั่นรันเพื่อตรวจสอบความผิดปกติ แล้วรีบแบ็กอัพข้อมูลเก็บไว้โดยเร็วที่สุด
หลังจากแบ็กอัพข้อมูลแล้ว ลองตรวจสอบสาเหตุให้แน่ใจอีกครั้งว่าเป็นปัญหาที่ SSD โดยการฟอร์แมตและลงวินโดวส์ใหม่ ถ้ายังเป็นอาการเดิมก็แปลว่าได้เวลาเสียเงินแล้ว มีปัญหา
[5] อยู่ดีๆ สถานะของไดรฟ์ก็เปลี่ยนเป็น Read-Only
อาการนี้อาจไม่ได้เกิดบ่อยๆ แต่ก็มีหลายคนที่เจออยู่บ้าง นั่นคืออาการที่วินโดวส์แจ้งข้อความปฏิเสธการเขียนข้อมูลลงไดรฟ์แต่ยังคงสามารถอ่านข้อมูล (เปิดไฟล์) ได้ตามปกติ โชคดีของอาการนี้ก็คือคุณยังมีโอกาสแบ็กอัพข้อมูลทุกอย่างเก็บไว้ได้
หลังจากแบ็กอัพข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะโยนมันทิ้งแนะนำให้ลองนำไปใส่ Enclosure แล้วเสียบดูว่าไดรฟ์สามารถใช้งานได้ปกติหรือเปล่า ถ้ายังเป็นอาการเดิมคือ Read-Only ก็คงต้องเก็บใส่ลิ้นชักไว้ถ้ามีไฟล์ส่วนตัวที่สำคัญ แต่ถ้าไม่มีอะไรต้องห่วงก็โยนลงถังขยะรีไซเคิลได้เลย
ทั้งหมดนี้คืออาการที่เหมือนเป็นลางบอกเหตุที่มีการรายงานปัญหาในฟอรั่มต่างประเทศค่อนข้างบ่อยๆ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันความเสียหายของข้อมูลคือการหมั่นทำแบ็กอัพข้อมูลสำคัญเก็บไว้เสมอ อย่าลืมว่า SSD นั้นโอกาสกู้ข้อมูลกลับคืนมาแบบ HDD แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ ส่วนวิธีการใช้งานและดูแล SSD แบบถูกต้อง ตามไปอ่านได้จากบทความ "SSD Maintenance Guide: ยืดอายุ SSD ให้ใช้งานได้นานๆ" ที่เราเคยนำเสนอไปแล้วได้เลยครับ