ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะเป็นยุคที่คนส่วนใหญ่หันมาใช้ SSD ในคอมบ้านๆกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว เพราะความเร็วและการตอบสนองนั้นเหนือกว่า Harddrive (HDD) ที่เป็นจานหมุนอย่างมาก ทำให้เราเห็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ HDD ทั่วๆไปนั้นน้อยลงไปทุกที
แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องความจุแล้วขีดจำกัดทางเทคโนโลยีของ HDD นั้นเหมือนจะยังอยู่อีกไกลกว่า เพราะว่าตอนนี้ราคาต่อความจุของ HDD ยังคงถูกกว่า SSD เป็นอย่างมาก ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความจุมหาศาลนั้น จำเป็นต้องใช้ HDD กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพวก Data Center หรือแม้กระทั่งการใช้งานในองค์กร ไปจนตามบ้านด้วยโปรดักส์ประเภท Network Attached Storage (NAS) เอง
ล่าสุดนี้เราก็ได้เห็นข่าวคราวจากแบรนด์ Seagate ผู้ผลิต HDD ชื่อดังที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ได้มีการอัพเดทสถานะ Roadmap การทำ HDD ของตัวเอง ซึ่งแผ่นตอนนี้คือเราจะได้เห็น HDD ขนาด 50TB ภายในปี 2026 และ 100TB ภายในปี 2030 และ 120TB ขึ้นไปหลังช่วงปี 2030 แล้ว
เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ทางบริษัทจึงต้องมีการเปลี่ยนเทคโนโลยีทางด้านการบันทึกลงบนแม่เหล็กเป้นแบบใหม่ เพื่อเพิ่มทั้งความจุและประสิทธิภาพในการใช้งานไปพร้อมๆกัน .. สิ่งนี้จะเรียกว่า Multi-Actuator หรือพูดง่ายๆคือ "หลายหัวขับ"
ปัจจุบันนี้ทาง Seagate ก็มี Harddrive ขนาด 20TB จำหน่ายอยู่ในตลาด ซึ่งจะใช้เทคโนโลยี Heat-assisted Magnetic Recording (HAMR) ซึ่งเจ้าสิ่งนี้จะทำให้ความหนาแน่นของตัว Platter นั้นเพิ่มขึ้นราวๆ 20% ในแต่ละปี (Compound Annual Growth Rate) นี่คือสิ่งที่จะทำให้ทางบริษัทสามารถอัพเกรดด้านความจุอย่างก้าวกระโดดตาม Roadmap ได้ .. ซึ่งก่อนหน้านี้เทคโนโลยี PMR ใน Harddrive จะทำให้ความจุสามารถเพิ่มได้แค่ทีละ 1-2TB จึงเป็นอะไรที่เริ่มช้า จนคนมองว่าเทคโนโลยีของ HDD นั้นใกล้จะสิ้นสุดแล้วนั่นเอง พอตอนนี้มีเทคโลโลยี HAMR เข้ามาใช้แทน เราจึงมีโอกาสได้เห็นความจุของมันกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ซึ่งการเพิ่มทีละ 4,6,หรือแม้กระทั่ง 10TB ต่อครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใด
การเพิ่มความจุด้วยการใช้ความหนาแน่นของแผ่นเก็บข้อมูลนั้นก็จะมีข้อดีเรื่องค่าการอ่านและเขียนไฟล์ในรูปแบบ Sequential แต่สำหรับค่า IOPS หรือการเข้าถึงไฟล์แบบสุ่มนั้น ก็จะมีประสิทธิภาพลดลงไปเรื่อยๆตามขนาดความจุ .. หรือพูดง่ายๆว่ายิ่งจุเยอะ มันก็จะยิ่งตอบสนองช้านั่นแหละครับ .. ทางออกก็คือการใช้ Actuator หรือหัวขับหลายๆหัวตามที่ว่าไปในตอนแรก ซึ่งการใช้หัวขับสองหัวพร้อมๆกันก็จะทำให้ค่า IOPS นั้นเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เช่น Data Center ทั้งหลาย
ข้อมูล : Tom's Hardware