สื่อต่างประเทศรายงานว่า Microsoft ได้โพสต์บนโซเชียลมีเดีย สอนผู้ใช้ “10 วิธีทำให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้น” แต่ส่วนใหญ่เป็นคำแนะนำพื้นๆ ที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น อัปเดตซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ หมั่นตรวจสอบไวรัสหรือมัลแวร์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีอยู่เพียง 2 ข้อเท่านั้นที่ได้ผลจริงในทางปฏิบัติ ได้แก่
-
หยุดการซิงก์ OneDrive ชั่วคราว
-
ปิดเอฟเฟกต์ภาพ (Visual Effects) ของ Windows
ตามรายงานจาก Neowin ทาง Microsoft ยอมรับว่า บางฟีเจอร์ใน Windows 10 และ Windows 11 อาจทำให้ระบบทำงานช้าลง หนึ่งในนั้นคือ ฟังก์ชัน OneDrive Sync ซึ่งถึงแม้จะเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับการซิงก์ไฟล์บนคลาวด์ แต่ก็อาจกินทรัพยากรของเครื่องจนทำให้ระบบหน่วงได้
ในเอกสารจากฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft ยังระบุชัดว่า
“ฟังก์ชันซิงก์ไฟล์ของ OneDrive ช่วยให้คุณเข้าถึงเอกสารได้จากทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และช่วยป้องกันการสูญหายของไฟล์หากเครื่องเกิดความเสียหายหรือสูญหาย แต่ในบางกรณี ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เครื่องทำงานช้าลงได้ หากคุณยังไม่จำเป็นต้องใช้งาน สามารถหยุดการซิงก์ชั่วคราวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพีซีได้”
นอกจากนี้ Microsoft ยังแนะนำให้ผู้ใช้ ปิดเอฟเฟกต์ภาพของ Windows เช่น แอนิเมชัน การไล่เงา และลูกเล่นกราฟิกต่างๆ ซึ่งถึงแม้จะช่วยให้หน้าตาระบบดูสวยงามขึ้น แต่ก็ใช้ทรัพยากรของเครื่องเพิ่มขึ้น และในคอมพิวเตอร์ที่มี RAM น้อย จะยิ่งเห็นผลชัดว่า เครื่องทำงานช้าลงมาก
สรุปคือ Microsoft เองยืนยันว่า หากต้องการให้ Windows ทำงานเร็วขึ้น
ควร “ปิด OneDrive Sync ชั่วคราว” และ “ปิด Visual Effects” จะช่วยให้เครื่องเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่มา: Neowin