ทำงานได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ ทนทานและไม่มีส่วนใดที่เป็นกลไกเคลื่อนไหว แน่นอนว่า เครื่องพีซีในโลกนี้ต่างมีเจ้าไดรฟ์ SSD สิงสถิตย์อยู่มากมาย และมันกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานในปัจจุบันทั้งสำหรับเครื่องพีซีและเครื่องแลปทอป แต่เทคโนโลยีนี้มีอายุมากกว่าที่คุณคิด และนี่คือ เกร็ดเรื่องราวเล็กๆ น้อยเกี่ยวกับ Solid State Drive
-
SSD ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 1978 แต่ขณะนั้นยังไม่ได้มีการนิยามคำว่า SSD เลย
-
STC 4305 ถือเป็น SSD ตัวแรกและมีความจุข้อมูลเพียง 45 MB
-
ราคาของ SSD ตัวแรก (STC 4305) สูงถึง 400,000$ หรือ 8,888 USD ต่อ 1 MB
-
ปี 1982 แผ่นหน่วยความจำ SemiDisk S-100 ขนาด 512KB จำหน่ายในราคา 1,995 USD
-
ไดรฟ์ Samsung PM1633a ในปี 2017 ขนาด 15TB มีราคา 10,000 USD หรือ 0.6 USD ต่อ 1 MB
-
Sandisk ผลิต SSD ความจุ 20MB ออกสู่ตลาดครั้งแรกให้กับโน้ตบุ๊ก IBM Thinkpad ในราคาประมาณหน่วยละ 1,000 USD
-
ปัจจุบันไดรฟ์ SSD มีความจุสูงสุดถึง 60TB (Seagate)
-
ไตรมาส 2 ของปี 2017 ไดรฟ์ SSD ถูกขายออกไปถึง 42 ล้านหน่วย
-
คิดเป็นความจุข้อมูลประมาณ 15,156 ExaByte หรือ 15,156,000 TeraBytes
-
SLC (1 Bit / cell) มีวงรอบการเขียนได้สูงถึง 100,000 ครั้ง ขณะที่ TLC และ QLC อยู่ที่ 300 – 3,000 ครั้ง และ 150 – 1000 ครั้ง ตามลำดับ
-
ไดรฟ์ SSD สามารถทำงานภายใต้อุณหภูมิ -25 ถึง 85 องศาเซลเซียส
-
โดยเฉลี่ยไดรฟ์ SSD ขนาด 2.5 นิ้วจะมีน้ำหนัก 73 กรัม
-
ค่าลาเทนซี่ในการอ่านข้อมูลของชิป SLC อยู่ที่ 25us ขณะที่ MLC และ TLC อยู่ที่ 50 และ 100us ส่วนแรม 0.04 – 0.1us
-
ถ้าส่งไฟล์ขนาด 1 Kilobyte ผ่านสายเคเบิ้ลความเร็ว 1Gbps จะใช้เวลาเพียง 10us
- อัตราความผิดพลาดในการทำงานต่อเนื่องของ SSD มีเพียง 0.5% ขณะที่ฮาร์ดดิสก์มีมากถึง 2-5%
SSD เติบโตอย่างรวดเร็ว
ไดรฟ์ SSD ไม่ได้ถูกจำกัดการใช้งานเฉพาะกลุ่มอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากการนำไปใช้งานแทนที่ฮาร์ดดิสก์ในหลายๆ ลักษณะ อย่างเช่น ในโน้ตบุ๊กหรือเครื่องพีซี แม้กระทั่งในกลุ่มองค์กรต่างก็กำลังหันไปใช้งานระบบสตอเรจแบบ All Flash กันแล้ว