ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดสำหรับ Gamer และคนทำงานที่เน้นการ์ดจอเป็นอย่างมาก เพราะสภาวะ Chip ขาดตลาด ทำให้ การ์ดจอ นั้นถูกผลิตออกมาได้ไม่ทันความต้องการ .. ในขณะที่กลุ่ม Miner หรือนักขุดเหมือง Cryptocurrency ก็ต้องการการ์ดจอเอาไปเพื่อสร้างรายได้ในช่วงขาขึ้นของ Cryptocurrency ด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ Gamer และคนทำงาน มักจะซื้อการ์ดจอแค่ทีละใบ เพื่อนำไปใช้งานเป็นหลัก .. กลุ่ม Miner นั้นกลับต้องการ "ทั้งหมดเท่าที่หาได้" ทำให้เกิดภาวะการ์ดจอขาดแคลนครั้งใหญ่ และราคาขึ้นกันทวีคูณอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
รายงานล่าสุดจาก Jon Peddie Research ก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบที่ตลาด Cryptocurrency Mining กระทำต่อตลาดการ์ดจอโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นกับผู้ผลิตการ์ดแบบ AIB (การ์ดแบรนด์ต่างๆ) หรือ NVIDIA และ AMD เอง .. ข้อแรกที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือผลกำไรครับ ทั้งสองแบรนด์เจ้าตลาดก็ได้กำไรไปอย่างมหาศาล จากความต้องการของตลาดที่สูงมาก
ซึ่งทางผู้วิจัยก็ได้ระบุว่า จำนวนการ์ดจอทั้งหมด 25% ของไตรมาสแรกปี 2021 นั้นก็ถูกส่งไปให้กับนักขุด Cryptocurrency โดยตรง ถ้านับเป็นตัวเลขแล้วก็ราวๆ 700,000 หน่วยหรือมากกว่านั้น .. ซึ่งการ์ดเหล่านี้ก็จะประกอบไปด้วยทั้งการ์ดในกลุ่ม High-End และ Mid-End นับเป็นมูลค่าก็อยู่ราวๆ $500 ล้าน เหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้วิจัยก็ได้ยอมรับว่า ตัวเลขที่ออกมานี้อาจไม่แม่นยำเท่าไหร่ เพราะวิธีการวิเคราะห์นั้นไม่สามารถใช้แบบเดียวกับสมัยก่อนได้ 100% เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่เขาไม่อาจแยกได้ เช่น นักขุดรายใหญ่ หรือ รายย่อย เช่น บางคนอาจจะขุดเพื่อเป็นงานอดิเรก ซื้อการ์ดจอมาแค่ใบสองใบ แล้วเอาไปขุด ตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าจะนับเป็นนักขุดแบบมืออาชีพหรือเปล่า หรือบางคนที่ซื้อการ์ดจอในราคาที่ต่ำไป และ อาจไปขายต่อในราคาที่สูงก็ได้ เราจึงไม่สามารถรู้ได้ว่า คนที่ซื้อการ์ดจอไปนั้น แท้จริงแล้วเอาไปทำอะไร เพราะว่ามันมีการซื้อขายกันเกิดขึ้นตลอดเวลา
แต่ก่อนที่ผู้อ่านจะโทษนักขุด Cryptocurrency ว่าทำให้การ์ดจอหายาก และมีราคาแพง .. ก็อยากให้ทำความเข้าใจก่อนว่า แม้ปัจจัยดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดของปัญหา เพราะว่าในช่วงโรคระบาดที่ผ่านมานั้น ปัญหาหลักๆแล้วเกิดจากสายการผลิตสินค้ามากกว่า ด้วยความที่โรงงานหลายแหล่งนั้น ถูกปิด ทำให้ Supply Chain เกิดการสะดุดขึ้น
ให้ลองคิดภาพกันนะครับ .. การ์ดจอหนึ่งตัว มีอุปกรณ์ภายในอยู่เยอะมาก ทั้งภาคจ่ายไฟ ตัว GPU , Memory , ชิพ IC , Controller , PCB , พอร์ตเชื่อมต่อ และอื่นๆอีกมากมาย ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้จะสามารถผลิตได้จบภายในโรงงานแห่งเดียว .. ถ้ามี Supplier เจ้าใดเจ้านึงในนี้ถูกปิดโรงงาน หรือไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด การ์ดจอในล๊อตนั้นๆก็ไม่สามารถผลิตต่อได้เลย .. ผมจึงอยากให้ทุกคนมองตรงนี้มากกว่าจะไปโทษกลุ่มนักขุด Crypto เพียงอย่างเดียวครับ
ในช่วงปี 2017 ที่ Cryptocurrency บูมรอบที่แล้วนั้น กระแสการขุดก็แรงไม่แพ้ตอนนี้หรอกครับ ตอนนั้นแทบทุกคนก็ต่างคิดจะลงทุนขุดกันทั้งนั้น และหลายๆคนก็ลงทุนจริงจังด้วย .. ถึงแม้การ์ดจอจะขาดตลาด ราคาขยับขึ้น มันก็ไม่ได้ขยับขึ้นแบบน่าเกลียดเหมือนตอนนี้ .. นั่นก็เป็นเพราะว่ารอบนั้น ไม่มีโรคระบาดไงครับ การ์ดจอมีความต้องการมากก็จริง แต่โรงงานยังคงสามารถผลิตได้ตามปกติ ผิดกับตอนนี้ ที่ทั้งมีความต้องการมากและโรงงานไม่สามารถผลิตได้
ข้อมูล : John Padidie Research
รูปภาพ : Tom's Hardware