สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ในยุค 2021 ที่ทางด้านของเครื่องเสียงรถยนต์ หรือ Headunit ที่บ้านเรามักจะเรียกว่า Font หรือ Front ไปได้ไงก็มิทราบ มักจะมีการใส่ให้รองรับเทคโนโลยี Android Auto และ Apple Car กันมากขึ้น ซึ่งในรถยนต์ระดับราคาหลักแสนรองรับการ Android Auto และ Apple Car ก็มีมาให้เห็นในตลาด ส่วนใครถรุ่นเก่าที่ยังไม่รองรับ ก็สามารถอัพเกรด Headunit หรือ เครื่องเสียงรถยนต์ที่รองรับเทคโนโลยี Android Auto และ Apple Car ในตลาดบ้านเรามีหลากหลายแบรนด์ ทำตลาดกันได้ซักพักใหญ่แล้ว แต่เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ทาง Google ประเทศไทย ได้มีการประกาศเปิดให้บริการ Android Auto ในประเทศไทยกันอย่างเป็นทางการ แล้วที่ใช้ๆกันมาก่อนหน้านี้ต้องโหลดไฟล์ APK มาติดตั้งกันเองนะครับ โดยหลักๆแล้ว Android Auto ใน Headunit นั้นจะทำงานร่วมกับ Smartphone Android ที่จะทำให้สะดวกสบายกับการใช้งาน แผนที่ ,โทรศัพท์ ,ความบันเทิง และ การสั่งการด้วยเสียงได้อย่างสะดวกสบายระหว่างการขับรถ โดยไม่ต้องเสียสมาธิไปจับสมาร์ทโฟน ถ้ารถยนต์และเครื่องเสียงรองรับการควบคุมที่พวงมาลัย ก็จะควบคุมการใช้งานความบันเทิงได้โดยไม่จำเป็นต้องปล่อยมือจากพวงมาลัยรถยนต์
Android Auto นั้นเปิดให้ใช้งานในประเทศไทยกันอย่างเป็นทางการ หลังจากที่คนไทยแอบใช้มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว ฮ่าๆ
Android Auto
เมื่อใช้งาน Android Auto ในส่วนของสมาร์ทโฟนจะไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะถอดออก ถ้าให้ดีแล้ว Android Auto จะทำงานได้ดีบน Android 6.0 ขึ้นไป ส่วน Android 5.1 จะเพียงแค่รองรับเท่านั้น
Android Auto จะต้องทำการติดตั้งไฟล์จาก Play Store ได้ง่ายดาย เพราะมีให้ใช้งานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยส่วนตัวผมเห็นมามันสามารถโหลดได้ก่อนหน้าที่ทาง Google Thailand ประกาศมาหลายวัน
ส่วนรถยนต์ที่เราจะมาลองเล่น ส่องการใช้งาน Android Auto นั้นจะเป็น Mazda 2 ปี 2015 ที่เดิมๆมันไม่ได้รองรับ Android Auto ต้องจัดการ Tweak ให้ Android มันแสดงขึ้นมา โดยรถยนต์ที่วางตลาดในยุค 2020-2021 ถ้าไม่มีถือว่าเชยมาก
อินเตอร์เฟสของ Headunit คันนี้ที่จะแตกต่างจากของโรงงาน เพราะต้องลงตัว Tweak เพื่อทำให้มี Android Auto แสดงขึ้นมา
ในการใช้งาน Android Auto ที่จะต้องทำการเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนที่เป็น Android กันด้วย
ในส่วนของ Headunit ที่รองรับ Android Auto จะต้องมีพอร์ต USB เพื่อเชื่อมต่อต่างๆ เราก็ทำงานเชื่อมต่อ Data Cable จะเป็นแบบ Micro USB หรือ USB Type-C ก็แล้วแต่สมาร์ทโฟนที่ใช้
สมาร์ทโฟนที่ผมใช้ในการทดลองครั้งนี้จะเป็น Xiaomi Mi A1 เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้วมันจะเด้งเข้าสู่ Android Auto ให้เอง ทั้ง Headunit และ Smartphone
อินเตอร์เฟสที่จะเป็นแบบฉบับของ Android แต่จะออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น หน้าจอหลักจะแสดงผลข้อมูลการพยากรณ์อากาศและประวัติการโทรล่าสุด แถบด้านล่างจะเป็นการใช้งานหลักของ Android Auto ได้แก่ Maps ,Phone ,Music และ อื่นๆที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Android Auto
การสั่งการด้วยเสียง ที่สามารถใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องแตะหน้าจอ เพียงแค่พูด Ok Google เท่านั้น เท่าที่ผมลองมาพอสั่งได้ แต่ถ้าจะสั่งให้เนียนบอกเลยว่าผมต้องไปเรียนภาษาอังกฤษใหม่ เพราะสำเนียงผมคืนอาจาร์ยผู้สอนไปนานมากแล้ว
ถ้าใครสำเนียงไม่ดี ก็สามารถสั่งการด้วยการพิมพ์ผ่านแป้นพิมพ์จำลองบนหน้าจอก็ได้ครับ
Music
การฟังเพลง ที่ Android Auto นั้นจะใช้งานผ่านทาง Google Play Music จะเป็นไฟล์เพลงที่ใส่ลงพื้นที่ในเครื่อง ,เพลงที่ซื้อเสียเงินใน Google Play Music หรือ เพลงจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งที่รองรับการใช้งานร่วมกับ Android Auto
เมื่อใช้งาน Google Play Music ก็สามารถใช้งานอื่นๆของ Android Auto ได้ไม่มีปัญหา อย่างเช่นนำทางไปฟังเพลงไป ถ้าไม่ได้ทำอะไรแล้วเลือกที่หน้า Home มันจะมีแถบการแสดงสถานะของเพลงที่ฟังอีกด้วย
YouTube
คำเตือนในการใช้งาน ที่แน่นอนว่าต้องใช้สมาธิมากขึ้น ควรแบ่งแยกความสำคัญว่าต้องขับรถเป็นหลัก ความบันเทิงเป็นรอง
อินเตอร์เฟสของ Youtube มาตรฐานของ Android แบบแนวนอน โดยจะมีแถบการควบคุมด้านบนเพิ่มเติม
คุณภาพเสียงก็เข้ารหัส AAC มาตรฐานที่ใช้งานบน Youtube
สามารถค้นหาได้สะดวก เท่าที่ผมลองดูเหมือนจะรองรับด้วยการพิมพ์ในเวลานี้
เปิดดู OverclockZoneTV กันดีกว่า
เรียกได้ว่าสะดวกสบายกับการดู Youtube ระหว่างการขับรถ ใครที่มีเด็กๆในรถ หรือ เดินทางกันนานๆ ก็เปิด Youtube เพื่อผ่อนคลายกับผู้โดยสารในรถได้
สามารถเปิดดูแบบ Full Screen ได้
Android Auto อันที่จริงมันรองรับการใช้งานงานได้หลากหลายมาก วันนี้ก็ลองดูกับการใช้งานพื้นฐานคร่าวๆของ Android Auto กันก่อนละกันครับ
Conclusion
ลองเล่น Android Auto ที่วันนี้ก็คงมานำเสนอเรื่องราวกระแสของระบบเครื่องเสียงรถยนต์ ที่พยายามจะรวมการใช้งานกับ Smartphone มากขึ้น ทั้งในรูปแบบเครื่องเสียงรถยนต์จากโรงานหรือแบบอัพเกรดคุณภาพสูง ที่ช่วยทำให้ความสะดวกสบายในการใช้งานของสมาร์ทโฟนระหว่างการขับรถ นั้นสามารถควบคุมและใช้งานได้จาก Headunit โดยตรง พร้อมยังรองรับการสั่งการด้วยเสียงและการควบคุมผ่านพวงมาลัยอีกด้วย ก็คงเป็นอีกกระแสของยุคปี 2021 ที่ Headunit ในรถยนต์ราคาหลักแสน ก็จะรองรับ Android Auto หรือ Apple Car มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในกลุ่มที่นิยมการอัพเกรดหรือรถรุ่นเก่าที่ไม่รองรับ Android Auto และ Apple Car ก็จะมีตัวเลือกในการอัพเกรด Headunit ตั้งแต่ราคาจับต้องได้ง่ายจนไปถึงกลุ่มระดับไฮเอนด์ สำหรับวันนี้ก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ