Apple TV+ กำลังถูกรีแบรนด์ใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อเหลือเพียง “Apple TV” เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกประกาศผ่านข่าวประชาสัมพันธ์ของ Apple เกี่ยวกับการสตรีมทั่วโลกของภาพยนตร์ F1 The Movie ที่จะฉายบนบริการในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้ถูกซ่อนไว้ตอนท้ายของประกาศ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างเงียบสำหรับการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ครั้งสำคัญของแพลตฟอร์มสตรีมมิงของบริษัท
“Apple TV+ ตอนนี้คือ Apple TV” พร้อมอัตลักษณ์ใหม่ที่ดูสดใสยิ่งขึ้น
ก่อนการเปิดตัวแบบสตรีมทั่วโลกบน Apple TV ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงมีให้ซื้อบนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ ที่เข้าร่วม เช่น แอป Apple TV, Amazon Prime Video, Fandango at Home และอื่น ๆ
เท่าที่ทราบตอนนี้ Apple ยังไม่ได้อัปเดตโลโก้ของบริการ แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้จะยิ่งเพิ่มความสับสนให้กับระบบนิเวศ Apple TV ที่มีอยู่แล้ว เพราะในปัจจุบันมีสิ่งเหล่านี้:
-
Apple TV (ฮาร์ดแวร์): กล่องสตรีมมิงที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2007 รุ่นล่าสุดใช้ชิป A15 Bionic, รองรับ HDMI 2.1 และ Wi-Fi 6
-
Apple TV (แอป): ศูนย์รวมคอนเทนต์ที่เชื่อม Apple TV+ เข้ากับภาพยนตร์/ซีรีส์ที่คุณซื้อจาก iTunes รวมถึงคอนเทนต์จากบริการสตรีมมิงอื่น ๆ ที่สมัครสมาชิกไว้
-
Apple TV+ (ตอนนี้คือ Apple TV): บริการสมัครสมาชิกรายเดือนของ Apple เน้นคอนเทนต์ออริจินัล “Apple Originals” เปิดตัวครั้งแรกเมื่อพฤศจิกายน 2019
สำหรับ F1 The Movie นี่คือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของ Apple Studios ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก กำกับโดย Joseph Kosinski และให้ความสำคัญกับความสมจริงเป็นพิเศษ ในการถ่าย POV แบบสมจริง ทีมวิศวกรของ Apple ได้สร้างระบบกล้องแบบคัสตอมขึ้นมาเองด้วยการดัดแปลงเซนเซอร์กล้อง iPhone และชิปตระกูล A แล้วติดตั้งลงบนรถ F1 จริงเพื่อบันทึกภาพแบบเรียลไทม์
Apple โปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างดุดันมาก ถึงขั้นให้พื้นที่โชว์แบบตลก ๆ ในงาน WWDC 2025 และยังเคยโดนกระแสวิจารณ์เมื่อตอนเดือนมิถุนายน เพราะส่งการแจ้งเตือนโปรโมตผ่านแอป Wallet ไปยังผู้ใช้ iPhone
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเม็ดเงินการตลาดทั้งหมดจะคุ้มค่า เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็น “ภาพยนตร์กีฬาอันดับ 1 ทำเงินสูงสุดตลอดกาล” ด้วยรายได้ทั่วโลกกว่า 629 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่วันเข้าฉายจนถึงปัจจุบัน
ที่มา: Neowin