เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราก็น่าจะได้เห็นกันไปแล้ว ถึงข่าวใหญ่โตในวงการไอที .. เรื่องมีอยู่ว่ามหาวิทยาลัย VU University จาก Amsterdam ในประเทศเนเธอแลนด์ ได้ออกมาประกาศว่านักวิจัยของมหาวิยาลัยได้ค้นพบช่องโหว่ใหม่ของ Processor จากฝั่ง Intel ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆในตลาดกว่า 75% .. หรือถ้าให้พูดกันง่ายๆก็คือ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Processor จากทาง Intel รุ่นใหม่แทบทั้งหมดนั่นแหละครับ
เรื่องช่องโหว่ ในมุมมองของกลุ่มที่ต้องการความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ก็เป็นเรื่องที่อันตรายอยู่พอสมควร เพราะว่าตรงนี้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรผิดแปลกมากมาย ก็อาจจะมีข้อมูลรั่วไหลไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดีได้ .. ยิ่งช่องโหว่เหล่านั้นมาจาก Hardware อย่างเช่นในกรณีนี้ การป้องกันยิ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่า และต่อให้สามารถแก้ไขช่องโหว่ได้ ก็ต้องมีผลกับประสิทธิภาพการประมวลผล ไม่มากก็น้อย
ช่องโหว่รุ่นใหม่นี้ก็เป็นประเภท Microarchitectural Data Sampling ที่โจมตีได้ในระดับ Microarchitecture ของ CPU เลย เมื่อผู้ใช้งานไปเจอ Code ที่ฝังไว้ ทางผู้ไม่หวังดีก็สามารถเข้าถึงช่องโหว่ระดับ Hardware และดึงข้อมูลอย่างเช่นรายละเอียดการทำธุรกรรมออกมาได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งประเด็นนี้หลายๆคนอ้างว่ามาจากระบบ Hyper-Threading ของทาง Intel ซึ่งบางรายเองก็มีการเคลมว่าเมื่อปิด Hyper-Threading แล้ว ก็จะปลอดภัยจากช่องโหว่ตัวนี้ได้อยู่พอสมควร..
ทางด้าน Apple บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ก็มีการใช้ Processor จากทาง Intel ในทุกกลุ่มคอมพิวเตอร์ของบริษัท ตั้งแต่ Mac Mini รุ่นเล็กสุด ไปยัน Mac Pro ที่ประสิทธิภาพสูงสำหรับกลุ่มทำงานโปรดักส์ชั่น รวมไปถึง MacBook สำหรับสายพกพา ต่างก็มีการใช้งาน Processor จากทาง Intel ทั้งนั้น .. และถึงแม้จะมีระบบปฏิบัติการของตัวเอง อย่าง MacOS ก็ไม่ได้รอดพ้นจากช่องโหว่นี้ไปได้ (อย่างที่บอกไป มันเป็นช่องโหว่ระดับ Hardware)
บริษัท Apple ก็ได้ออกมาแนะนำให้ผู้ใช้งานนั้นปิดฟีเจอร์ Hyper-Threading ของ Processor จากทาง Intel เพื่อป้องกันช่องโหว่ MDS แต่การกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลของเครื่องลดลงถึง 40% เลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย) .. ซึ่งการใช้งานที่น่าจะเจ็บตัวจากการปิด Hyper-Threading มากที่สุดก็คงจะเป็นกับ Application ที่เน้นการประมวลผลแบบ Multi-Thread ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ครับ เพราะ Processor จากทาง Intel นั้นสามารถมีประสิทธิภาพระดับนี้ได้ ก็ด้วยเทคโนโลยีนี้เป็นหลักด้วย และแถม Application ใหม่ๆก็ยังอาศัยการทำงานแบบ Multi-Thread นี่แหละ ..
ยังไงผู้ใช้งานก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้วหล่ะครับ ว่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว หรือว่าประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์มากกว่ากัน .. ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่อาจถูกผู้ไม่หวังดีขโมยไปใช้ได้ ก็ไม่ต้องกลัว .. แต่ถ้ามีข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน หรือรายละเอียดส่วนตัว ก็แนะนำให้ไปทำตามวิธีที่ผู้ผลิตบอกซะ / แต่อย่างไรก็ตาม ทาง Intel ก็ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการปิด Hyper-Threading นั้นไม่สามารถป้องกันช่องโหว่ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์
งานนี้เราในฐานะผู้บริโภคก็ต้องมองกันต่อไปแล้วหล่ะครับ ว่าทั้งทางฝั่งผู้ผลิต Software และผู้ผลิต Hardware จะมีมาตรการอะไรออกมาแก้ไขปัญหานี้บ้าง .. แต่แอดมินรับรองได้เลย ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน
อ้างอิงข้อมูลจาก : TechPowerUp