ในช่วงไม่กี่ปีหลังๆนี้ เราได้เห็นข่าวเกี่ยวกับชิปประมวลผลจากทางจีนมามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าว CPU, GPU หรือแม้กระทั่งการ์ดประมวลผล AI เอง ทางจีนก็เริ่มมีเข้ามาแล้วเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆคนก็เชียร์จีน เพราะว่าตอนนี้ฝั่งโลกตะวันตกนั้นถือครองเทคโนโลยีด้านการผลิตชิปทั้งหมด ถ้าทางจีนสามารถทำออกมาแข่งได้ แน่นอนว่าผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้น
แต่สำหรับ Pat Gelsinger ตำแหน่ง CEO หัวเรือของบริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่ฝั่งตะวันตกอย่าง Intel นั้น ไม่คิดว่าทางจีนจะสามารถตามฝั่งตะวันตกได้เร็วๆนี้ โดยล่าสุดเขาได้ออกมาบอกว่านโยบายการ Sancition ของโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ ญี่ปุ่น หรือ เนเธอร์แลนด์ กำลังทำให้ประเทศจีนไม่สามารถผลิตชิปที่ล้ำหน้าไปกว่ายุค 7nm ได้โดยง่าย และแม้ว่าทางจีนจะพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนาตัวผลิตชิปแบบล้ำสมัยของตัวเอง ไม่พึ่งโลกตะวันตก แต่ทางจีนก็ยังตามหลังตลาด Semiconductor ของโลกอยู่ราวๆสิบปี โดยประโยคคร่าวๆของนาย Pat ก็กล่าวไว้ว่า
"นโยบายการส่งออกที่เพิ่งเริ่มนำเข้ามาใช้หลายๆอย่าง รวมไปถึงของฝั่ง Dutch ที่เพิ่งเอาเข้ามาใช้ ก่อนหน้านั้นก็มีของสหรัฐและญี่ปุ่น มันทำให้ทางจีนนั้นถูกจำกัดการพัฒนาไม่ให้ไกลไปกว่ายุคของ 10nm และ 7nm" ซึ่งนาย Pat ได้พูดประโยคนี้ไว้ในงาน World Economic Forum ที่ Devaos ประเทศ Switzerland
ซึ่งตอนนี้ Foundry บริษัทผลิตชิปของจีนอย่าง SMIC ก็ได้มีเทคโนโลยีในการผลิตชิปในระดับ 7nm ที่สามารถผลิตในแบบ High Volume ได้ ซึ่งการผลิตนี้จะเป็ฯชิปสำหรับ Smartphone แต่ด้านความล้ำสมัยของเทคโนโลยีเอง ก็ยังถือว่าตามหลัง TSMCI และ Samsung อยู่ราวๆ 5 ปี .. แต่ในขณะเดียวกัน จากรายงานของสื่อ บริษัท Shanghai Huali Microelectronics Crop (HLMC) ก็ได้เริ่มมีการเข้าสู่ขั้นตอน Trial Production ของชิป 14nm FinFET ตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งถ้าเทียบกับของ TSMC แล้ว ก็ถือว่าช้ากว่ากันอยู่ราว 10 ปี
แน่นอนว่าทั้ง SMIC และ HLMC ก็ใช้เครื่องมือผลิตชิปที่ถูกสร้างขึ้นใน เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และ สหรัฐ รวมไปถึงวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น .. ถ้าถูกจำกัดจากประเทศเหล่านี้ ทางจีนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพัฒนาอุปกรณ์สำหรับทำ Wafer Fabrication ด้วยตัวเอง รวมไปถึงพวกวัตถุดิบที่จำเป็นต้องนำเข้าจากหลายแหล่ง ทางจีนก็อาจจะไม่สามารถหาได้ด้วยตัวเองเช่นกัน .. ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้จีนที่ปัจจุบันตามหลังโลกตะวันตกอยู่ 10 ปีแล้ว จะยังคงเป็นอย่างงั้นต่อไปเรื่อยๆ
การผลิตชิปสมัยใหม่นั้นจำเป็นต้องใช้ความร่วมมือระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Research หรือ งบประมาณระดับหลายพันล้านเหรียญ เรื่องนึงก็คือจีนจะสามารถทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองได้หรือเปล่าก็เป็นเรื่องนึง แต่ประเด็นที่ทางจีนจะถูกเตะตัดขา ไม่ให้เข้าถึงเครื่องมือผลิตชิปและทรัพยากรที่ต้องเอามาใช้นั้นก็เป็นประเด็นหลักเช่นกัน .. ซึ่งจริงอยู่ว่าทางจีนอาจจะสามารถหาวิธีทำการ Reverse Engineer เพื่อให้ระยะห่างของเทคโนโลยีกับโลกตะวันตกนั้นน้อยลงได้ แต่แน่นอนว่าวิธีนี้มันไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืน
ข้อมูล : Tom's Hardware