สำหรับ Intel Core Ultra 200S แล้ว ในอีกไม่กี่วันนี้เราก็จะได้เห็นรุ่นรหัส K วางขายกันแล้วครับ พร้อมกับผลทดสอบก็จะสามารถเปิดเผยได้ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ .. แต่แน่นอนครับ เหมือนการเปิดตัวครั้งอื่นๆของ Processor จากทาง Intel ก็คือรุ่นที่เอามาทำตลาดก่อนก็จะเป็นรหัส K ส่วนรุ่นตลาด Mainstream อย่าง Non-K นั้น จะตามมาทีหลัง
ซึ่งจากการคาดการณ์แล้ว Core Ultra 200S ก็จะมีรุ่นที่เป็น Non-Overclockable หรือ Non-K ตามเข้ามาด้วยในช่วงงาน CES2025 หรือต้นเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ .. และแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่รุ่นบนรหัส K อย่าง Ultra 9 285K แต่ตัวรหัส Non-K ที่เป็นรุ่น Mainstream มากกว่านั้นก็จัดว่าทำประสิทธิภาพออกมาได้ดีเลยเหมือนกันครับ
ตัวอย่างล่าสุดก็คือ Intel Core Ultra 2 285 ไม่ K ที่มี Base Clock อยู่ที่ 2.5GHz และสามารถ Boost ได้ถึงระดับ 5.6GHz ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่ารุ่น K แค่ 100MHz เท่านั้น .. ส่วนของค่า TDP ก็จะอยู่ที่ 65W สำหรับ PL1 และ 190W สำหรับ PL2
ไม่นานมานี้เราก็ได้เห็นผลการทดสอบในส่วนของ Geekbench ออกมาให้เราเห็นกัน ซึ่งถือว่าทำได้ดีในระดับนึงเลยครับ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า .. แม้ว่าประสิทธิภาพด้าน Single Core อาจจะไม่ได้ดีแบบก้าวกระโดดอย่างที่หลายๆคนหวังไว้ในประสิทธิภาพแบบ Gen ต่อ Gen แต่สำหรับ Multi-Core นั้นก็จัดว่าน่าประทับใจเลยครับ
คะแนนของ CPU นั้นทำออกมาได้ที่ 3247 สำหรับ Single Core และ 20204 คะแนนสำหรับ Multi-Core จากการทดสอบของ Geekbench 6 .. นั่นหมายความว่าคะแนนประมาณนี้ก็จัดว่าทำได้ใกล้เคียงกับ i9-14900K สำหรับ Multi-Thread เลยครับ แม้ว่าตัวรุ่นก่อนหน้านั้นจะมี Thread มากกว่าก็ตามครับ .. โดยคะแนนของตัว 14900K นั้นอาจจะมีบางจังหวะที่ทำได้ดีกว่าอยู่บ้าง แต่ก็จัดว่าไม่ได้แตกต่างกันจนถึงว่าใช้งานแล้วจะรู้สึกอะไร .. อีกอย่างคือการบริโภคพลังงานของ Processor ทั้งสองรุ่น แตกต่างกันเป็นอย่างมากด้วยครับ
เมื่อเทียบกับ Core i9-14900K จากปัจจัยทั้งหมดแล้ว ตัวใหม่ที่เป็น 285 Non-K ก็ถือว่าทำได้ดีเลยนะครับ โดยเฉพาะกับตัวเลข TDP แค่ 65W ในจุดเริ่มต้นแล้วเนี่ย ในขณะที่ 14900K นั้นอยู่ที่ 125W ซึ่งก็มากกว่ากันประมาณเท่าตัวเลย .. และแม้ว่าเรายังไม่ได้เห็นประสิทธิภาพในการเล่นเกมของ Processor รุ่นใหม่นี้ .. แต่จากตัวเลขระดับนี้ มันก็จัดว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับ PC ที่ต้องการใช้ชิป Low TDP ในอนาคตเลยหล่ะ .. เราได้เห็นจุดที่ 65W สามารถทำประสิทธิภาพได้ใกล้เคียงกับ Gen ก่อนหน้าที่ TDP มากกว่าเท่าตัวแล้ว
ข้อมูล : Wccftech