มีรายงานว่า Samsung ได้เริ่มการผลิตต้นแบบ Exynos 2600 จำนวนมากในเดือนมิถุนายน โดยใช้กระบวนการ GAA ขนาด 2 นาโนเมตรรุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับคู่แข่ง แม้ว่าความคืบหน้าของการผลิตจะยังไม่ชัดเจน แต่หลักฐานชิ้นแรกที่บ่งชี้ว่ายักษ์ใหญ่จากเกาหลีรายนี้ได้เริ่มการทดสอบชิปเซ็ตเบื้องต้นแล้วนั้น ปรากฏเป็นข้อมูลหลุดจาก Benchmark ซึ่งเผยให้เห็นคะแนนทั้งแบบซิงเกิลคอร์และมัลติคอร์ รวมถึงคลัสเตอร์ 10 คอร์ ชิปเซ็ตนี้น่าจะถูกปรับแต่งให้ "พร้อมสำหรับตลาด" โดยคาดว่า Samsung จะใช้ชิปนี้ในตระกูล Galaxy S26 ที่จะวางจำหน่ายในปีหน้า ความเร็วสูงสุดที่บันทึกได้ใน Benchmark คือ 3.55 GHz และ Exynos 2600 อาจเพิ่มความถี่ได้เมื่อพบรุ่นสุดท้ายใน Galaxy S26 บางรุ่น

 

พบสมาร์ทโฟน Samsung รหัสรุ่น S5E9965 ในฐานข้อมูล Geekbench 6 โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Jukanlosreve บังเอิญไปเจอชิปนี้และแชร์ภาพหน้าจอบน X Exynos 2600 จะมาพร้อมซีพียูคลัสเตอร์ ‘1 + 3 + 6’ รวม 10 คอร์ โดยมีโครงสร้างคล้ายกับ Dimensity 9400 และ Dimensity 9400+ ของ MediaTek เมื่อพิจารณาจากความเร็วสัญญาณนาฬิกา Samsung อาจตัดคอร์ประสิทธิภาพออกและเปลี่ยนไปใช้คอร์ ‘ประสิทธิภาพสูง’ แทนได้ ด้วยเทคโนโลยี GAA ขนาด 2 นาโนเมตร ซึ่งรับประกันการใช้พลังงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับโหนด GAA ขนาด 3 นาโนเมตร

 

แน่นอนว่าผู้อ่านคงสังเกตเห็นคะแนนการทดสอบแบบ Single-core และ Multi-core ที่ต่ำ และถึงแม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะต่ำอย่างน่าผิดหวัง แต่เราต้องขอย้ำว่า Exynos 2600 ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทดสอบ ดังนั้นเราจึงคาดว่าตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับความเร็วสัญญาณนาฬิกา ซึ่งปัจจุบันจำกัดอยู่ที่ 3.55GHz นอกจากนี้ เรายังสังเกตเห็นว่าอุปกรณ์ที่กำลังทดสอบด้วย SoC รุ่นล่าสุดและดีที่สุดของ Samsung มาพร้อมกับ RAM 12GB เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวตระกูล Galaxy S25 โดยมีหน่วยความจำตามที่กล่าวข้างต้นเป็นมาตรฐาน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่ารุ่น Galaxy S26 จะมาพร้อมกับสเปคที่เหมือนกัน

 

จากรายงานก่อนหน้านี้ การออกแบบ Exynos 2600 น่าจะพร้อมภายในไตรมาสที่สาม เพื่อให้ Samsung มีความหวังที่จะผลิตชิปเซ็ตนี้อย่างเป็นทางการจำนวนมาก มีรายงานว่า Samsung มุ่งเน้นอย่างจริงจังในการปรับปรุงผลผลิตของเทคโนโลยี GAA 2 นาโนเมตรอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเชื่อว่าเทคโนโลยีการผลิตจะเป็นที่ต้องการอย่างมากไปอีกนานถึงสี่ปี ซึ่งจะทำให้โรงงานมีเวลาเพียงพอในการปรับเปลี่ยนต่อไป 

ที่มา : Wccftech