ยังจำกันได้หรือเปล่า ช่วงประมาณสิบกว่าปีก่อน Browser ที่เป็นคู่แข่งหลักของ Internet Explorer ก็คือ Mozilla Firefox นี่แหละ ประมาณว่าถ้าใครเบื่อหรือไม่ชอบใช้งาน Internet Explorer ก็จะมี Firefox เป็นตัวเลือกแรกๆที่จะให้ลง เพราะสมัยนั้นยังไม่มี Google Chrome มาทำตลาดอย่างจริงจัง และ Google เองก็ไม่ได้มี Service ที่ครบครันและแพร่หลายเหมือนทุกวันนี้
หลังจากที่ Google Chrome เปิดตัวมา Browser ที่คนหนีจาก IE มาใช้ก็กลายเป็น Chrome เพราะว่าในตัว Browser ของมันนั้นมีความสามารถที่รวบรวม Service ต่างๆของ Google เข้ามาอยู่ด้วยกัน และยังขึนชื่อเรื่องความเร็วที่ดีที่สุดในยุคนั้น ทำให้ Firefox ได้รับความนิยมน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ในปัจจุบันก็ยังมีคนใช้ Firefox อยู่นะครับ โดยเฉพาะคนที่ไม่อยากใช้ Google Chrome หลักๆแล้วในกลุ่มผู้ใช้ Linux เอง เจ้า Firefox นี้ก็ยังคงเป็น Browser ที่ได้รับความนิยมสูง (แต่จำนวนผู้ใช้ Linux ก็มีน้อยมากๆ)
ล่าสุดเราก็ได้สถิติมาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ ที่ระบุว่าภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ Firefox สูญเสียฐานผู้ใช้ไปกว่า 46 ล้านรายเลยทีเดียว .. ซึ่งข้อมูลนี้ก็มาจากผู้ใช้ Reddit ที่ไปรวบรวมสถิติจากรายงานที่เปิดเป็นสาธารณะของ Firefox เอง
ข้อมูลโดยละเอียดก็คือในช่วงสิ้นปี 2018 Firefox มีผู้ใช้งาน Active User อยู่ราวๆ 244 ล้านคน และพอมาถึงไตรมาสที่สองของปี 2021 นี้ กลับเหลือผู้ใช้งานแค่ 198 ล้านคนเท่านั้น .. ข้อมูลจาก Statcounter ก็ได้เผยอีกว่าตอนนี้ Firefox มีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ของ Browser ใน Desktop, Mobile, และ Tablet แค่ 3.45% เท่านั้น ตามหลังที่สองอย่าง Safari (18.65%) อยู่ไกลพอสมควรครับ .. ส่วนที่หนึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Chrome ที่มีส่วนแบ่งสูงถึง 65.18% .. แต่จะว่าไปแล้ว Microsoft Edge นั้นก็ยังตามหลัง Firefox อยู่ ด้วยตัวเลข 3.41% ซึ่งห่างกันไม่มาก
ส่วนแบ่งทางการตลาดของ Firefox นั้นไม่ได้เป็นเลขตัวเดียวแบบนี้มาตลอด เพราะในช่วงปลายปี 2009 เจ็ดปีหลังจากที่มันเปิตดัว ตอนที่ Internet Explorer ยังครองอันดับหนึ่ง และ Google Chrome ยังอยู่ในขั้นแบเบาะ ตอนนั้น Firefox มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 32% ในขณะที่ Internet Explorer มีส่วนแบ่งที่ 56% .. แต่พอ Google Chrome เริ่มฮิตติดกระแสในช่วงปี 2013 นั้น ส่วนแบ่งการตลาดของ Firefox ก็หายไปครึ่งนึงในช่วงกลางปี และถูก Chrome แซงไปได้ในที่สุด
สาเหตุที่ Firefox ตกที่นั่งลำบากแบบนี้ก็มีหลายข้อครับ อันแรกเลยก็คือคู่แข่งทั้งหลายนั้นก็เป็น Default Browser ของ Platform ตัวเอง เช่น Android ที่เป็น Smartphone ส่วนใหญ่ของโลก ก็ใช้ Google Chrome เป็นหลัก , Safari ก็มากับ iOS และ MacOS ส่วน Edge ก็ติด Windows PC มา และบริษัทเหล่านี้ก็มีแคมเปญแย่งลูกค้ากันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็น Chrome Web Store ที่มีการแอบเตือนผู้ใช้งานว่าให้หลีกเลี่ยง Edge เพราะว่าอาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย และควรเปลี่ยน Browser ซะ .. ส่วน Microsoft เองก็เช่นกัน พยายามหาวิธีต่างๆนาๆไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Browser อื่นนอกจาก Edge อย่างเช่นพวกข้อความที่เราเห็นตอนที่จะเปลี่ยน Default Browser หรือโหลดตัวอื่นมาติดตั้ง
อีกสาเหตุนึงที่ Firefox ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าตัว Firefox เองนั่นแหละครับ .. อย่างทีเ่ห็นเลยว่าตัว Browser ก็ไม่ได้มีการอัปเกรดอะไรใหญ่ๆมานานมากแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องประสิทธิภาพที่คู่แข่งก็ต่างเปลี่ยนยกชุดมาหลายรอบแล้ว .. ทำให้ผู้ใช้ Firefox นั้นอาจได้มีโอกาสเปลี่ยนไปลองใช้ Browser ตัวอื่นๆตอนที่มีอัปเดทใหญ่ แล้วเกิดติดใจไม่กลับมา Firefox นั่นเองครับ
ข้อมูล : TechSpot