ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้ ประเด็นของ Processor Intel Gen 13/14 นั้นถูกตีแผ่กันเป็นวงกว้าง โดยข้อมูลจากสื่อโดยรวมนั้นก็จัดว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว อย่างแรกคือสื่อต่างประเทศทุกเจ้า มีการเอาเรื่องนี้มาพูดถึง และประเด็นที่เริ่มต้นของมันเลยก็คือ ผู้พัฒนาเกมอย่าง Alderon Games ก็ออกมาบอกว่าอัตราการเสียของ CPU รุ่นบนจาก Gen 13/14 นั้นคือ 100% .. พอเห็นข้อมูลมารอบด้านแบบนี้ ในฐานะคนเสพข่าวก็ต้องตกใจอยู่แล้วหล่ะครับ และไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรที่จะตกใจด้วย เพราะว่า CPU รุ่นดังกล่าวเป็นสินค้าราคาสูง
ล่าสุดนี้เราไปเห็นข้อมูลมาจากทาง Puget System ซึ่งเป็นบริษัทสั่งประกอบคอมเจ้าใหญ่ในสหรัฐอเมริกา คือบริษัทนี้ไม่ใช่หน้าร้าน Retail เพียงอย่างเดียว แต่รับสั่ง Order เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Notebook แบรนด์ตัวเอง, Server, Workstation, Storage Solution คือโดยรวมแล้วจะเน้นรับงานระดับองค์กรมากกว่าจะมาประกอบ Gaming PC ขายกันเฉยๆครับ
ทาง Puget System ออกมาแสดงอัตราการเสียของ Processor ทั้งของฝั่ง Intel และ AMD โดยข้อมูลที่เราเห็นนั้นมันอาจจะไม่ตรงกับภาพจำปัจจุบันที่เรามีต่อ Intel ซักเท่าไหร่นัก
จากข้อมูลที่บริษัทนำมาเสนอ เราก็จะเห็นว่า Intel Gen 13/14 นั้นมีอัตราการเสียหายมากจริงอย่างที่เข้าใจนั่นแหละครับ โดยเฉพาะช่วงไม่กี่เดือนหลังนี้จะเห็นว่ากราฟมันพุ่งขึ้นอย่างชัดเจนเลย โดยในกราฟนี้แนวนอนก็จะเป็นในส่วนของเดือนที่ได้รับรายงาน และแนวตั้งก็จะเป็น % ของการเสียหาย ส่วนสีแดงจะเป็น Field ซึ่งหมายความว่าไปพังในฝั่งผู้ใช้งาน หลังจากเอาเครื่องไปใช้แล้ว ส่วน Shop ก็น่าจะหมายความว่าพังตั้งแต่อยู่ที่ร้าน หรือว่าก่อนส่งมอบนั่นแหละครับ (อันนี้ถ้าผมเข้าใจผิด ขออภัยด้วย ใครทราบว่าจริงๆแล้วหมายความว่ายังไง ช่วยเมนท์เข้ามาหน่อย)
จากตัวเลขจริงๆแล้วจะเห็นว่า Intel Gen 13/14 นั้นมี Shop Failure Rate ต่ำกว่า 2% แต่ตัวเลขด้าน Field Failure Rate นั้นสูงกว่ามาก ซึ่งส่วนใหญ่จะพังเมื่อใช้งานไปแล้วเกิน 6 เดือน .. อันนี้จะว่าไปแล้วก็ตรงกับข้อมูลที่เราว่าไปก่อนหน้า ก็คือ CPU นั้นอาจจะมีการเสื่อมสภาพ
แต่สิ่งที่น่าสนใจเลยก็คือ ถ้าเรามามองกราฟแบบแบ่งเป็นรุ่นแล้ว จะเห็นว่า AMD Ryzen 5000 / 7000 มีอัตราการเสียหายสูงกว่า Intel Gen 13/14 อีกด้วยซ้ำ ส่วนตัวที่มีอัตราการเสียหนักจริงๆเนี่ยคือ Intel Gen 11 ครับ ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วน Intel Gen 10 และ 12 นั้นถือว่าเป็น Processor ที่ได้รับความเสียหายน้อยที่สุด
แต่สิ่งนึงที่เราต้องเข้าใจเลยก็คือ บริษัท Puget นั้นเน้นปรับแต่งประสิทธิภาพให้คอมของตัวเองมีความเสถียรมากที่สุด ไม่ได้เน้นความแรงเพียงอย่างเดียว เพราะว่าลูกค้าหลักๆแล้วจะเป็นกลุ่ม Workstation มากกว่า .. โดยทางบริษัทได้บอกว่าเขาไม่เชื่อว่าค่า Default ของ BIOS จะเป็นค่าที่ดีที่สุด ทำให้ทางบริษัทมีการปรับ BIOS Setting เป็นของตัวเองมาตั้งแต่ปี 2017 แล้ว ไม่ได้ตาม
ฟังมาถึงตรงนี้เราก็อาจจะเข้าใจได้มากขึ้น เพราะถ้าเอาที่ว่าตรงนี้ไปเทียบกับปัญหาที่ได้รับการแจ้งมาก่อนหน้า ก็จะเข้าใจได้ดีครับ .. ปัญหาที่ Processor Intel มีปัญหานั้นเป็นเพราะว่าตัว CPU ได้รับไฟเกินจาก Voltage Spike ทำให้ได้รับความเสียหาย แต่บริษัทนี้มีการ Custom BIOS ของตัวเองเข้าไป เหมือนเป็นการล๊อคไฟและ Undervolt ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไม CPU Intel ที่ถูกขายไปจากร้านนี้ไม่ค่อยมีปัญหามากเท่ากับที่เราเห็นสื่อรายงานกันไป และอาจจะสรุปได้อีกทางว่าใครที่ได้ CPU มาแล้วไปล๊อคค่าไฟเอง ไม่ใช้ค่า Default ก็อาจจะมี CPU ที่อายุยืนยาวกว่า
แต่ถ้ากลับมามอง Data ที่ว่าไปตอนแรก และเดาทิศทางกราฟต่อไป ก็จะเห็นว่า ไม่ว่ายังไง ช่วงหลังๆนี้ก็จะเห็นกราฟความเสียหายของ CPU Intel นั้นพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะเป็นข้อมูลอีกทางว่าถ้ารอไปหลังจากนี้ซักพัก อาจจะได้เห็นเปอร์เซ็นต์นั้นเพิ่มเติมขึ้นอีกก็เป็นไปได้ อันนี้ก็ต้องมารอดูกันต่อไปครับ
ข้อมูล : Wccftech