USB-C นี้จัดว่าเป็นพอร์ตที่มหัศจรรย์มาก เพราะมันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างจริงๆ โดยเฉพาะใน USB Gen ใหม่ๆนี้ ที่รองรับทั้งการโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูง ต่อภาพ ทำ Daisy Chain หรือแม้กระทั่งส่งถ่ายพลังงานด้วยกำลังวัตต์ที่มากกว่าสมัยก่อนมาก .. เราจึงได้เห็น Notebook รุ่นใหม่ๆ ในกลุ่ม Segment บนๆนั้นมีการนำเข้ามาใช้เป็นพอร์ตหลัก หรือจำพวก Thunderbolt 4 ที่เรียกได้ว่า "Port เดียวจบทุกอย่าง" ตั้งแต่ชาร์จไฟยันถ่ายโอนข้อมูล
การชาร์จไฟด้วย USB-C ผ่าน Protocol USB Power Delivery (USB-PD) นี้ก็ทำให้ชีวิตยุคใหม่ของเราง่ายขึ้นมาก เพราะ Gadget สมัยใหม่ส่วนใหญ่ก็ใช้พอร์ตนี้ทั้งนั้น นั่นหมายความว่าที่ชาร์จอันเดียว ถ้ามีกำลังไฟพอ สามารถชาร์จได้ตั้งแต่ Smartphone, หูฟัง True Wireless, Notebook, และ Gadget อื่นๆอีกมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องพกหรือซื้อที่ชาร์จแยกอีกต่อไป
ประเด็นจำกัดมีอยู่ข้อนึง ก็คือ USB-PD นี้ปัจจุบันสามารถจ่ายไฟได้ราวๆ 100W นั่นทำให้ เหมาะกับ Notebook หรืออุปกรณ์ที่บริโภคพลังงานไม่มากเท่านั้น พวก Gaming Notebook ที่จำเป็นต้องใช้กำลังวัตต์สูงๆจึงจำเป็นต้องใช้ Adapter และหัวแปลงโดยเฉพาะของตัวเองอยู่ ส่วน USB-PD ที่ Gaming Notebook รองรับก็จะเต็มที่ 100W ทำให้เป็นตัวเลือกรองเอาไว้ชาร์จเวลาฉุกเฉินเท่านั้นมากกว่า
ล่าสุดนี้เราได้เห็น USB Implementer Forums (USB-IF) องค์กรที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาของมาตรฐาน USB ได้ออกมาประกาศว่า USB-C รุ่นใหม่นี้จะรองรับ Power Delivery เวอร์ชั่น 2.1 ที่สามารถจ่ายไฟได้มากกว่า .. สำหรับ USB-PD 2.0 ปัจจุบันนั้น ก็รองรับการจ่ายไฟที่ 20V 5A แต่รุ่นใหม่ 2.1 จะรองรับที่ 48v 5A แปลว่าตัวเลขรวมที่ออกมาจะอยู่ที่ 240W เลยทีเดียว
และข้อดีของ USB-C Power Delivery ก็คือมันจะมีการสื่อสารระหว่างตัว Adapter กับอุปกรณ์ที่ชาร์จตลอดเวลาว่าต้องการกำลังไฟประมาณไหน นั่นทำให้ถ้าคุณเปลี่ยนมาใช้เวอร์ชั่น 2.1 แล้ว มันจะยังคงรองรับอุปกรณ์ในอดีตหรือ USB-PD มาตรฐานก่อนหน้าได้ครบทั้งหมด ไม่จำเป็นจะต้องมาคอยดู Volt - AMP ว่าถ้าไม่ถูกจะเกิดความเสียหายแต่อย่างใด หน้าที่ของผู้ใช้มีแค่เลือก Adapter ที่จ่ายไฟได้สูงสุดเท่าที่ต้องการ และเสียบสายแค่นั้น
งานนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆครับ เพราะว่า 240W นี้น่าจะเพียงพอกับ Gaming Notebook หลายๆตัวในตลาด ถ้าไม่ได้ใช้การ์ดจอ High-End มาก ต่อไปนี้เราอาจจะได้เห็นพวก Notebook เหล่านี้หันมาใช้ที่ชาร์จเป็น USB-C แทนที่หัว DC-IN เฉพาะของแต่ละยี่ห้อที่ดูโบราณและใช้ร่วมกันไม่ได้ซักที !
ข้อมูล : TechPowerUp