หากคุณเคยใช้ Firefox หรือ MS Edge ที่มีฟีเจอร์ “Work Offline” มาก่อนจะทราบดีถึงประโยชน์ของโหมดนี้ เพราะจะช่วยให้สามารถเรียกหน้าเว็บที่เคยเปิดดูมาก่อนหน้าได้แม้จะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งในกรณีฉุกเฉินเช่นไปต่างจังหวัดไกลๆ แล้วไม่มีสัญญาณเน็ต หรือสัญญาณเน็ตที่บ้านขัดข้อง ก็ยังคงสามารถเปิดดูข้อมูลที่ดูค้างอยู่เพื่อทำงานหรืออ่านต่อได้ทันที
หลายคนอาจไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว Google Chrome ก็มีฟีเจอร์นี้ให้ใช้งาน เพียงแต่ Google ไม่ได้ใส่ปุ่มเมนูไว้ให้ผู้ใช้งานเลือกเปิดใช้งานได้ง่ายๆ เหมือน Firefox หรือ Edge แต่จะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ต้องทำผ่านการตั้งค่า Flags ซึ่งเป็นการตั้งค่าระดับสูง (อ่านบทความเรื่อง “5 Chrome Flags ท่องเน็ตไวขึ้น ดีขึ้น สะดวกขึ้น”)
หลักการทำงานของ Offline Mode ใน Google Chrome คือบราวเซอร์จะการสร้างแคชของเว็บเพจที่ผู้ใช้งานเข้าไปเยี่ยมขชมเก็บเอาไว้ ซึ่งหากมีการเรียกหน้าเว็บไซต์เดิมอีกครั้งขณะที่ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จะมีการแจ้งเตือนพร้อมแสดงออปชั่นในการโหลดหน้าเว็บจากข้อมูลที่แคชเก็บไว้ก่อนหน้า ที่สำคัญคือฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้ง Chrome บน Windows, Mac, Linux, Chrome OS และ Android
หมายเหตุ: ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้ง Chrome บน Windows, Mac, Linux, Chrome OS และ Android เวอร์ชั่นต่ำว่า 75.0
เข้าถึงการตั้งค่า Chrome Flags
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าฟีเจอร์นี้จะต้องเปิดใช้งานผ่านการตั้งค่าใน “Chrome Flags” หรือการปรับแต่งขั้นสูง ซึ่งวิธีการเข้าถึงการตั้งค่า Flags สามารถทำได้โดยพิมพ์คำว่า chrome://flags ในแอดเดรสบาร์แล้ว Enter จากนั้นจะปรากฏหัวข้อการตั้งค่ามากมาย แนะนำให้ใช้ชอร์ทคัต [CTRL] + [F] เพื่อค้นหาคำสั่งต่างๆ ได้เร็วขึ้น
วิธีเปิดใช้ Offline Mode
1. หลังจากเข้าสู่หน้าต่างการตั้งค่า Flags แล้ว พิมพ์ “Show Saved Copy Button” ในช่อง Search ด้านบน
2. ที่หัวข้อ “Show Saved Copy Button” ให้คลิกปุ่ม “Default” แล้วเลือกออปชั่น “Enable: Primary”
3. จะมีข้อความแจ้งเตือนให้ปิดและเปิด Google Chrome เพื่อให้การตั้งค่ามีผล คลิกปุ่ม “Relaunch Now”
4. หลังจากนี้ เวลาที่ไม่มีสัญญาณเน็ต โปรแกรมจะแจ้ง Error พร้อมแสดงปุ่ม “Show Saved Copy” โดยข้อแม้คือเว็บดังกล่าวจะต้องเคยถูกเปิดดูมาแล้วก่อนหน้า