ทุกวันนี้เราก็ได้เห็น SSD หลากหลายรุ่นที่จัดว่ามีความแรงเหลือเฟือเกินการใช้งานไปมาก ตั้งแต่ SSD ที่วิ่งบน Interface PCIe เวอร์ชั่น 3.0 เป็นต้นมา เท่านั้นก็จัดว่าแรงจนเกินคนทั่วๆไปจะใช้งานกันแล้ว และพอขยับมาเป็น PCIe เวอร์ชั่น 4.0 เราก็ได้ยิ่งเห็นความแรงทะลุโลกไปอีก ด้วยตัวเลขการอ่านแบบ Sequential ระดับใกล้เคียง 7GB/s และล่าสุดนี้พวก Processor กับ Mainboard รุ่นใหม่ๆ ก็มีการขยับมารองรับ PCIe เวอร์ชั่น 5.0 แล้วด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแค่เราอาจจะยังไม่เห็น SSD ที่ใช้ประโยชน์ตรงนี้ออกมาในตลาดแบบจริงจัง
แน่นอนว่า SSD เองก็เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการให้พลังงาน และยิ่งแรงเท่าไหร่ มันก็ยิ่งปล่อยความร้อนออกมามากเท่านั้น ซึ่งถ้าตัว SSD นั้นปล่อยความร้อนออกมามากเกินไป ก็จะมีผลกับประสิทธิภาพและเสถียรภาพที่อาจจะลดลงได้ (หรือถ้าซวยจริงๆก็พัง ข้อมูลหายเลย)
Phison ในฐานะผู้ผลิต Controller ชื่อดังของ SSD ที่หลายๆเจ้าเอาไปใช้ ล่าสุดก็ออกมาให้ข้อมูลว่า SSD ระดับ High-End รุ่นใหม่ๆที่ใช้มาตรฐาน PCIe 5.0 นั้นอาจจะต้องใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Active Cooling หรือต้องใช้พัดลมระบายความร้อนแบบเดียวกับพวก CPU และการ์ดจอเลยก็ได้นะ ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทก็กำลังพยายามหาวิธีลดความร้อนของตัว Controller อยู่ มิเช่นนั้นพวกอุปกรณ์เล็กๆเช่น Desktop จิ๋ว หรือ Notebook ทั้งหลาย ก็อาจจะไม่สามารถใช้ SSD มาตรฐานใหม่นี้ได้ เพราะมันไม่มีพื้นที่ให้ใส่ SSD ซิงค์ยักษ์ๆพร้อมพัดลมนั่นเอง
Chief Technical Officer ของ Phison อย่างนาย Sebastian Jean ก็ออกมาพูดเองในงานสัมภาษณ์กับ MSI Insider และ StorageReview ว่า "แน่นอน SSD นั้นจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนเช่นเดียวกับที่ CPU และ การ์ดจอ เป็นในช่วงปี 1990 นั่นแหละ และถ้าเราเข้าสู่ยุค PCIe Gen 5 หรือ Gen 6 เมื่อไหร่ ตอนนั้นเราคงต้องพิจารณาการใช้ Active Cooling (มีพัดลม) แล้วหล่ะ"
หลักการทำงานและโครงสร้างของ SSD เองมันก็ส่งเสริมเรื่องนี้ครับ เพราะถ้าเราต้องการจะให้ SSD มีพื้นที่ความจุมากขึ้น เราก็จำเป็นจะต้องใช้ Stack ของ 3D-NAND ที่มากขึ้น มีความซับซ้อนมากขึ้น และแน่นอนว่าต้องปล่อยความร้อนออกมามากกว่าเดิม นอกจากนั้นยิ่งเราเพิ่มจำนวนชั้นของ Cell เข้าไป จาก SLC เป็น MLC เป็น TLC จนล่าสุดเป็น QLC คุณภาพของสัญญาณที่ NAND Cell นั้นผลิตออกมาก็จะลดลงไปเรื่อยๆ จนต้องไปชดเชยด้วย Controller ที่ฉลาดและรองรับการทำ Error Correction ที่ซับซ้อนกว่าเดิม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีใกล้เคียงเดิมนั่นแหละ .. นี่เป็นเหมือนสาเหตุที่ทำให้ตัว Controller นั้นต้องมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในทุกๆ Gen และอาจจะจำเป็นต้องปล่อยความร้อนออกมามากขึ้นด้วย
นอกจากนั้นแล้ว ทาง Phison ยังให้ข้อมูลว่า แท้จริงแล้ว Controller ของ SSD นั้นสามารถรองรับการทำงานได้ถึงอุณหภูมิระดับ 120 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะเกิดการเสื่อมสภาพของตัว Silicon ขึ้น ซึ่งตรงนี้จะอยู่ในระยะเดียวกับพวก CPU และการ์ดจอเลย แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่ตัว Controller เพราะถึงแม้ว่า Controller มันจะทนได้ แต่ตัว NAND Flash ที่อยู่รอบข้างนั้น จะมีอุณหภูมิการทำงานในช่วงที่เสถียรที่สุดไม่เกิน 75 องศา c มิเช่นนั้นก็อาจจะเกิดความผิดพลาดและอาจเจอข้อมูลสูญหายได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องคุมอุณหภูมิทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การเลือกใช้งานระบบ Active Cooling หรือแบบมีพัดลมนั้น อาจเป็นเรื่องจำเป็นในอนาคต เพราะว่าตัว NAND Flash ส่วนใหญ่นั้นจะทำการ Critical Shutdown เมื่ออุณหภูมิถึง 80c เพราะเช่นนั้นระบบระบายความร้อนต้องคุมให้อยู่ในตัวเลขนี้ .. ไดรฟ์ในรูปแบบ M.2 ปัจจุบันนี้เราก็เห็นทั้งในรูปแบบเปลือยๆและใช้อากาศโดยรอบนำความร้อนออกจากชิปไปเอง หรือถ้าเป็นรุ่นไฮโซหน่อย ก็อาจจะมีการเอา Heatspreader (ซิงค์) มาช่วยถ่ายเทความร้อนออกไปยังบรรยากาศรอบข้าง .. แต่ก็แน่นอนครับ ว่านั่นจะไม่เพียงพออีกต่อไปใน SSD บนมาตรฐาน PCIe Gen 5.0 รุ่นบนๆ ทำให้มันอาจจะต้องมีการออกแบบ Heatpipe ต่อลากออกไปยังพัดลมด้านนอก
แบบนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ว่าถ้า M.2 มันต้องใช้ Heatsink แบบมีพัดลมจริงๆแล้วเนี่ย จะติดตั้งในรูปแบบไหน ถ้าถึงขั้นนั้นจริง ผู้ผลิต Mainboard และ Notebook อาจจะต้องทำ Heatsink พร้อม Heatpipe ลากออกไประบายความร้อนที่อื่น ติดตั้ง Built-in มาในช่อง M.2 เลย
ข้อมูล : Tom's Hardware