สวัสดีชาวโอเวอร์คล๊อกโซน ตลาดของสมาร์ทโฟนที่ในเวลานี้ SoC สุดแรงของสายเกมมิ่งเราคงรู้จัก Snapdragon 888 กันดี หรือ 888+ ที่เตรียมวางแผงเร็วๆนี้ แต่อันที่จริงแล้วก็ยังมีอีกหนึ่ง SoC ผู้ผลิตจากไต้หวันที่ทำออกมาได้น่าสนใจ Mediatek รหัส Dimensity 1200 ขนาดบวนการผลิต 6nm ของ TSMC ซึ่ง SoC ตัวนี้เค้าว่ากันว่า มันแรงในระดับเรือธง ถึงถ้าเทียบสเป็คกระดาษอาจสู้ไม่ได้ เพราะ Ultra Core ไม่ใช่ ARM Cortex X1 เหมือน SD888 แต่ Dimensity 1200 จะใช้ ARM Cortex A78 ที่ความถี่สัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นกว่า 3 แกนที่เหลือและใช้ Cortex A78 3 เหมือนกับ SD888 และ อีก 4 แกนเล็กใช้ Cortex A55 เหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งในคอร์กราฟฟิกที่ Dimensity 1200 ถ้าเทียบกับคอมพิวเตอร์มันเหมือนเอาการ์ดจอตกรุ่นใส่เข้ามา โดยที่ Mali G77 MC9 ในแง่ประสิทธิภาพ ยังมีความอ่อนด๋อยกว่า Mali G78MP14 ที่ใส่อยู่ภายใน Exynos 2100 จาก Samsung เท่านั้นยังไม่พอ Dimensity 1200 มันรองรับเมโมรี LPDDR4X เท่านั้น ซึ่งเรือธงเจ้าอื่นเค้ารองรับ LPDDR5 ที่แรงกว่า ส่วนแต่ทางด้านการใช้งานของมันก็มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย มันรองรับเทคโนโลยี 5G สองซิม ประหยัดพลังงาน ปล่อยความร้อนต่ำ แถมยังมีเอาไปทำเป็นเกมมิ่งโฟนซะด้วยแสดงว่ามันธรรมดาซะแล้ว โดยตัวสมาร์ทโฟนตัวแรกของโลกที่ใช้ Dimensity 1200 คือ Realme GT NEO แต่ที่เราหยิบยกมารีวิวมันคือตัวท็อปที่สุดกับ Flash Edition ที่ออกมาตามหลังและมีการอัพเกรดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย โดย Realme GT NEO Flash Edition การออกแบบที่เหมือนกับ Realme GT 5G ที่ขายในบ้านเราและประเทศจีน ที่เน้นอุปกรณ์ที่ยังคงความเป็นนักฆาเรือธง พร้อมทั้งราคาเริ่มต้นของ Realme GT NEO ในโมเดล 6/128GB ประมาณ 7XXX บาท (ช่วงนี้ค่าเงินบาทอ่อน ซื้อจริงอาจไม่ได้ราคานี้)
ตัว Flash Edition นอกจากที่จะระบุเอาไว้ด้านข้างกล่อง โดยการอัพเกรดของ Flash Edition คือรองรับการชาร์จเร็วระดับ 65 Watt และ มีสี racing yellow เหมือนกับ Realme GT 5G
Package & Bundled
ในปี 2021 ที่ Realme มีการเปลี่ยนธีมสีของแพ็คเกจ โดยก่อนหน้านี้จะเน้นใช้ธีมสีเหลือง มาเป็นสีดำลายดูซิ่งๆหน่อย ขนาดกล่องจะใหญ่และยาวหน่อยสำหรับรุ่นนี้
ในชุดของที่ให้มา คู่มือการใช้งาน ,เข็มจิ้มซิม และ เคสซิลิโคนใสรมดำใส่แล้วค่อนข้างขัดใจมาก เพราะมันทำให้ความสวยของเครื่องดูหมองลง
ที่ชาร์จแบบ Dart Charge 65 Watt พร้อมกับสาย USB A to C ที่รองรับ Dart Charge ใช้ระบบชาร์จไวร่วมกับชาวบ้านเค้าไม่ได้ ยกเว้น OPPO ONEPLUS และ VIVO โดยในแง่การใช้งานถ้าใช้นอกบ้าน เป็นห่วงเรื่องการสายสลับกับคนอื่นมาก เพราะหัว Type A และ C มันสีขาว ไม่เหมือนญาติอย่าง Oppo และ One Plus ที่จะใช้หัวเชื่อมต่อที่ใช้สีบ่งบอกความพิเศษ
Design & Detail
การออกแบบดีไซน์ถ้าเรามองแต่ด้านหน้าคงยากที่จะดูออกว่ามันคือรุ่นอะไร ด้วยรูปทรงของหน้าจอ 20:9 ช่วยทำให้เครื่องหน้าจอขนาด 6.43 นิ้ว ถ้ามองในยุค 2021 มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก พอที่จะจับมือเดียวได้ถนัด ถ้าใครนิ้วโป้งยาวก็ยังพอใช้งานมือเดียวได้อยู่ หรือ ใครที่ไม่ชอบสมาร์ทโหนเครื่องใหญ่มาก โดยขนาดจะอยู่ที่ 158.5 x 73.3 x 8.4 มม. น้ำหนัก 179 กรัม มีติดฟิล์มกันรอยที่คิดว่าเป็นแบบไฮโดรเจล หน้าจอแสดงผล Super AMOLED Samsung E4 กระจกด้านหน้าคิดว่าน่าจะใช้ Dragontail โดยใช้หน้าจอ Super AMOLED ใช้พื้นที่ 91.7 % ของตัวเครื่อง Refresh Rate 120 Hz ด้วยความละเอียด FHD+ ขอบเขตสี 100% P3 อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี HDR10 และ Touch Samping 360 Hz วางกล้องหน้าตามยุคสมัย 2021 ที่จะเจาะรูกล้องหน้ามุมซ้ายของหน้าจอ ลำโพงสนทนาต้องย้ายไปอยู่ขอบเครื่องที่ซ่อนไว้เนียนมาก โดยลำโพงตัวนี้จะเป็นลำโพงตัวที่สองในการใช้งานอีกด้วย ทางด้านเทคโนโลยี NFC ที่ก็ถูกใส่มาให้ ในประเทศไทยก็เริ่มที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แล้ว
ด้านหลังที่เป็นใช้วัสดุพลาสติกที่หุ้มด้วยหนังวีแกน ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายคือหนังเทียมนั้นแหละ ด้วยสี racing yellow พร้อมกับแถบคาดสีดำที่เล่นลูกพื้นผิวดูคล้ายกับเส้นใยคาร์บอนวาง ดูแพงจับไม่ลื่นมือ โดย Realme GT NEO Flash Edition จะมีทางเลือกของสีดำ ,เทา และ รุ่ง-ม่วง แต่จะเป็นพลาสติกที่ให้ดูเหมือนกระจก การออกบริเวณของกล้อง ที่มีความดูอลังการมากขึ้น ซึ่งขอบมันจะยื่นๆมาหน่อย การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันควรต้องใส่เคสป้องกันด้วย เคสที่ให้มาในกล่องจะกันกล้องได้พอดี
แกนเครื่องทำจากโลหะ ที่ช่วยเสริมการระบายความร้อนได้ดีมากขึ้น พร้อมกับการใช้ Stainless Steel Vapour Cooling ที่ระบายความร้อนได้ทันใจแม้จะเล่นเกมหนักหรือใช้งานหนักต่อเนื่อง โดยทางด้านขวาจะมีปุ่มพาวเวอร์ที่มีขีดคาดสีเหลือง ซึ่งในฝั่ง Android เครื่องราคาที่ไม่สูงมากนัก มักจะวางปุ่มปรับระดับเสียงไว้ฝั่งเดียวกัน เวลาผมใช้งานลั่นจับภาพหน้าจอเป็นประจำ แม้จะเป็นเครื่องที่ใช้ชีวิตประจำวันมาหลายปีก็ตาม
ด้านซ้ายปุ่มเพิ่มและลดระดับเสียง พร้อมกับถาดใส่ซิมแบบนาโนได้สองซิม ถาดใส่ซิมไม่ได้มีขอบยางกันน้ำ เนื่องจากตัวเครื่องไม่ได้รองรับมาตรฐาน IPXX ใดๆครับ
ในส่วนด้านล่างที่มีการเชื่อมต่อ USB Type-C พร้อมกับไมค์ และ ลำโพงตัวหลัก อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Hi-Res Audio ที่น่าสนใจกับสายใช้หูฟัง ใครที่มีหูฟัง 3.5 มม. ก็เสียบได้โดยไม่ต้องใช้สายแปลงให้รุงรัง
กล้องมาเป็นแผงการออกแบบรูปทรงดูเรียบๆดี คงจะเป็นรูปแบบที่นิยมของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ แฟลชแบบโทนสีสองโทน เซ็นเซอร์กล้องหลัก Sony IMX682 64 Mp f/1.8 ,มุมกว้างพิเศษ 8 Mp f/2.3 และ มาโคร 2 Mp f/2.4 ที่กล้องไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก คงจะเป็น เซ็นเซอร์กล้องหลัก Sony IMX682 ที่ยังพอเป็นความหวังของหมู่บ้านได้
กล้องที่จะเป็นการเจาะรูที่หน้าจอ อยู่ฝั่งซ้าย ใช้เซ็นเซอร์ 16Mp f/2.5 คาดว่ามันคือเซ็นเซอร์ตัวเดียวกันกับกล้องสมาร์ทโฟน Oppo ที่นิยมใช้
UI and Setting
ต้องแจ้งกันว่า Realme GT NEO Flash Edition มันคือเครื่องจีนไม่มี Google Play ต้องมาติดตั้ง และ ลบแอปจีนติดเครื่องทิ้งไป สำหรับ Realme Ui 2.0 ที่มันก็ดูคล้ายกับ ColorOS ของ OPPO โดยผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการใช้งานได้หลากหลายมาก ขึ้นกับความต้องการและความชื่นชอบกันเลย ในภาพเราคงจะเห็นแล้ว่า 5G ทั้งสองซิมนะครับ
Google Services ถูกฝังมาในรอม โดยผู้ใช้งานติดตั้ง Play Store และ Google ต่างๆ ใช้งานได้ปกติ การใช้งานของ Realme Ui 2.0 ที่นับได้ว่ามีฟีเจอร์การใช้งานต่างๆที่หลากหลายมาก โหมดการประหยัดพลังงานสามารถใช้งานได้ตามความต้องการน
การเปลี่ยน Themes และ UI ต่างๆ มีให้โหลดมาติดตั้งได้ สามารถแยกจะเปลี่ยนเป็นส่วนๆไปตามความต้องการ ถ้าอยากได้ธีมสวยๆ ก็ต้องซื้อเพิ่ม แต่ไม่แน่ใจว่าเติมเงินยังไง เพราะมันคือเครื่องจีน
การปรับแต่งดารทำงานต่างๆ การเซ็ตอัพ ที่เมนูการใช้งานดูไม่ยากนัก ถ้าข้อมมาจากแบรนด์อื่นก็ปรับตัวกันเล็กน้อย ถึงจะเป็นเครื่องจีนก็มีเมนูภาษาไทยให้ใช้งานด้วย สุดไปเลยครับ
ทางด้านของรอมที่จะเป็น Android 11 ครอบด้วย Realme UI 2.0 ซึ่งมันก็คือญาติของ ColorOS ของ OPPO โดยตัว GT NEO FLASH จะมีแรม 12GB รอม 256GB นอกจากนั้นยังสามารถทดลองใช้งานฟีเจอร์ที่ยังอยู่ในเวอร์ชั่น Beta ได้
อีกหนึ่งความเทพคือสามารถขยายพื้นที่ความจุของแรมได้ โดยดึงมากจาก Storage ในเครื่อง โดยส่วนตัวไม่ได้ใช้นะ เพราะแรมติดเครื่องมัน 12 GB ไปแล้ว
การแจ้งเตือนที่ดูแล้วมองได้ชัดเจนดี รวมไปถึง App นอกจากการปิดออกจากแรมแล้ว ก็ยังเลือกใช้งานสองหน้าจอ หน้าต่างลอย หรือ หน้าต่างเล็ก ได้ตามความต้องการ
เข้ามาอยู่ในการลากหน้าจอจากด้านบนลงมา Quick Setting จะมีแถบบนสุด 6 คำสั่ง ลากลงมาอีกระดับ จะมี 16 คำสั่ง และ เลื่อนไปทางด้านขวาก็จะเห็นคำสั่งลัดเพิ่ม ที่ผู้ใช้งานสามารถลากปรับตำแหน่งได้ตามความชอบและถนัด
การปรับโหมดการแสดงผล ซึ่งหน้าจอ Amoled โดยส่วนตัวผมชอบใช้ Dark Mode มากกว่า ส่วนทางด้านค่า Refresh Rate ที่รองรับที่ 60 และ 120 Hz ซึ่งเสียดายไม่มี 90 Hz ระหว่างกลาง
การปรับการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ สามารถตั้งค่าได้ว่าให้แถบดำช่วงกล้อง หรือ เต็มหน้าจอไปเลย โดยการปรับโทนสีที่ตั้ง P3 sRGB หรือ ประหยัดพลังงาน
ภาคขยายหูฟัง ซึ่งในการเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มม. ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งจูนเสียงได้พอสมควร อีกทั้งยังสามารถตัดเสียงรบกวนของ Headset ได้ ทางด้านของ Dolby Atmos ที่มามารถเปิดโหมดตามรูปแบบการใช้งานได้
Game Space ที่จะเป็นตัวช่วยการจัดการการเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากความแรงของการเล่นเกมแล้ว การจัดการต่างๆสามารถเข้ามาปรับเพิ่มสำหรับเกมแต่ละเกม
แม้จะเข้าตัวเกมมาแล้ว ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการทำงานของตัวเครื่องเพิ่้มเติมได้
เล่นเกมอยู่ ไม่ต้องห่วงว่าใครจะมารบกวน แต่ก็ยังไม่พลาดการสื่อสารจากโลกนอกเกม
ระบบการชาร์จ Dart Charge ที่เรียกได้ว่าชาร์จไวสะใจมากสำหรับเครื่องราคาเริ่มต้นไม่ถึงหมื่นบาท (ราคาที่จีน) ซึ่งสายชาร์จแท้ในกล่อง และ สายในกล่อง oneplus mclaren สมารถใช้ Dart Charge ได้ ตัวเครื่องแบตกับความจุ 4500 mAh ถ้าเทียบในยุค 2021 มันอาจดูไม่เยอะ แต่พอมาใช้กับ Dimensity 1200 ใช้วันนึงได้สบาย ถ้าใช้งานไม่มากสองวันชาร์จทีก็ยังได้
สายที่ใช้ทดสอบลองชาร์จ Dart Charge ในกล่อง และ สายจาก oneplus mclaren เทคโนโลยี Warp Charge ที่เป็นญาติกับ Oppo ทั้งคู่
ประสิทธิภาพในการทดสอบ AnTuTu กับ SoC Dimensity 1200 คะแนนที่ออกมาระดับเกือบ 700000 ในเครื่องที่ลงแอปใช้งานจริง ไม่ได้เค้นในการทดสอบเพื่อคะแนนสูงสุด ถ้ามองในแง่มุมระดับเรือธง ถือว่ามันสามารถทำออกมาได้ชนกับพวก SD888 SD870 และ SD888 อีกการทดสอบสตอเรจ ที่ใช้ UFS 3.1 ผลการทดสอบออกมาแรงใช้ แต่ถ้ามองกันที่ราคาตัวเครื่อง ถือว่าแรงมากแล้ว
ตัวเครื่องมาตรฐาน Wireless AX หรือ WiFi 6 แบบ 80 Mhz เมื่อใช้งานกับ WiFi 6 Router ความเร็วที่ออกมาระดับ 7XX Mbps แต่ถ้ามีการเปิดใช้งาน GT Mode การทดสอบสามารถทำไปได้เกือบ 900 Mbps ถือว่าไม่ธรรมดาครับ แต่ยังไงงงว่าทำไมต้องเปิด GT Mode แล้วถึงจะแรง
เนื่องจากบ้านผมอยู่ตะเข็บชายแดนกรุงเทพฯ การใช้งาน 5G นั้นมันสัญญาณไม่ดี วิ่งแทบไม่ออก เท่าที่ลองกับซิม AIS และ TRUE-H สามารถใช้งานได้ และรองรับ 5G สองซิมพร้อมกัน
การใช้งาน
หน้าจอแสดงผลครับ ถ้ามองที่ระดับราคาเริ่มต้นของ GT NEO ที่ขายในจีน ความสวยงามของหน้าจอแสดงผลนี่มันคุ้มเกินราคามาก ถ้าเทียบกับค่าตัวของ GT NEO Flash Edition ยังถือว่าสวยงามไหลลื่นเกินค่าตัว ความสดของสีสันอยู่ในระดับที่โดนเด่นกับ Super Amoled ในจุดของ Refresh Rate 120 Hz ไถ Facebook ,Twitter และ Tick Tok ทำได้ดี Touch Samping Rate 360 Hz เล่นเกมมีความแม่นยำ
การใช้งานทางด้านความบันเทิง ด้วยขนาดจอ 6.43 นิ้ว แบบ Super AMOLED ที่เรียกได้ว่าเต็มตาสะใจในการดูหนังหรือดูคลิปวีดีโอต่างๆ Youtube เราสามารถขยายหน้าจอไม่ให้เห็นขอบดำได้ ถ้าวีดีโอที่รองรับ HDR สีสันโดดเด่นมาก ส่วนกล้องหน้าที่เจาะมุมซ้ายหน้าจอ อาจให้ความรู้สึกขัดๆตาไปบ้าง ถ้าตั้งใจไปสังเกตุมองมัน ระบบเสียงสเตริโอในแง่ของการจูนเสียงถ้าเทียบกับราคาเครื่องสอบผ่านนะ แต่ถ้าเอาไปเทียบกับระดับเรือธงยังห่างชั้น รายละเอียดเสียงสูงและกลางที่ชัดเจน จุดด้อยจุดเดียวคงเป็นเรื่องของเสียงต่ำ ฝาหลังเป็นพลาสติก(หุ้มหนังวีแกน) ทำให้เสียงต่ำมันดูกระป๋องไปกันอีก อีกทั้งมิติเสียงจากตำแหน่งลำโพงทั้งสองตัวตำแหน่งต่างกัน มิติเสียงจะขัดๆกันบ้าง อีกทั้งระดับความดังของเสียงที่ไม่สะใจเวลาดูหนังหรือเล่นเกม
การเล่นเกมที่ด้วยหัวใจ Mali G77 MC9 การเล่นเกมในยุค 2021 ถือว่าเล่นได้ดีไหลลื่นแบบการ์ดจอตกรุ่นไปหนึ่งยุค ซึ่งถ้าเทียบกับ Adreno 660 ใน SD880 และ Adreno 650 ใน SD870 หรือ 865 Mali G77 MC9 บางเกมไม่สามารถปรับได้สุดซอย บางเกมที่กราฟฟิกกินสเป็ค ต้องลดความสวยงามลงมาบ้าง ที่ยังให้ความไหลลื่นที่ดีอยู่ แต่ยังไง Mediatek Dimensity 1200 มันไม่ร้อนมือเวลาเล่นเกม ซึ่งถ้าเป็นพวก Snapdragon 865 870 และ 888 ที่เคยได้ลองใช้มา เอาเป็นว่ามันควรต้องเป่าพัดลม เล่นในห้องแอร์ หรือ ติด Cooling ที่หลังเครื่อง
คอนเทนต์จาก Netflix ที่รองรับความละเอียดระดับ L3 และ ไม่รองรับ HDR ซึ่งถ้ามองในแง่ไปเทียบกับเรือธง ก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี มันคือเครื่องจีนที่ด้อยในเรื่องนี้ จุดนี้ต้องหลับตาข้างนึง
การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอที่ความเร็วที่ผมประทับใจมาก เพราะส่วนตัวผมมีปัญหาลายนิ้วมือของผมที่บางและเจอสารเคมีประจำ ยังไม่ค่อยเจอปัญหาสแกนไม่ติด
ไหนๆก็มีช่องเสียบหูฟังมาในเครื่อง ถ้ามองกันที่สมาร์ทโฟนระดับราคาเรือนหมื่นเสียงที่ออกมามีรายละเอียดที่ดีครับ แต่ถ้าเจอหูฟังขับยากเสียงออกมาแย่ได้
มันใส่ฟีเจอร์กันมาอย่างครบถ้วน เช่น AI ,HDR ,การถ่ายระยะประชิด หรือ ฟิวเตอร์ต่างๆ การจูนสีกล้องการเร่งสีสันมันคือสไตล์ของ OPPO ยังสามารถใช้ระยะของการถ่ายภาพได้แบบ Ultra Wide ,Wide และ ซูม ตามการรองรับแต่ละโหมด โดยยังรองรับการซูมดิจิตอลได้สูงสุด 20x ที่จัดได้ว่าครบเครื่อง แต่ถ้ามองแง่คุณภาพถ่ายที่ออกมาจากการประมวลผลที่ Dimensity ยังสู้ Snapdragon ยิ่งมาเจอเซ็นเซอร์ที่ใส่เข้ามากับ Realme GT NEO เลนส์เป็นความหวังของหมู่บ้านได้คือตัวหลัก Sony IMX682 ถ้าลองดูจากภาพถ่ายตัวอย่างด้านท้าย ที่เราจะเห็นว่าระยะ Ultra Wide ,Wide และ ซูม ที่โทนสีออกมาใกล้เคียง ดูเทียบกับไม่ได้รู้สึกว่ามันขัดตาเท่าไรนัก ในการถ่ายภาพบุคคลที่ทำละลายเนียนตามสไตล์ OPPO ก็ปรับได้ตามความชอบในภายหลัง ไม่รู้ว่าคนพัฒนาของ Realme มองว่าน้อง Mitu ของ Xiaomi มันคืออาหารของเค้าหรือเปล่านะครับ **** ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องอยู่ด้านท้ายบทความครับ ***
การถ่ายวีดีโอที่รองรับการใช้ AI และ ระบบกันสั่นพิเศษ สามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 60 fps พร้อมข้อจำกัดการใช้งาน
การใช้งานโหมดต่างๆ ที่ทาง Realme ใส่มาให้ใช้งานได้ครบเครื่องครับ
โหมดการถ่ายภาพแบบมือโปร ที่สามารถปรับแต่งการถ่ายภาพได้ละเอียดดี
โหมดการถ่ายภาพ 64 ล้าน ซึ่ง Ai ก็ยังมองว่า น้อง Mitu มันคืออาหารอยู่ดี ฮ่าๆ
Conclusion
Realme GT NEO ที่ไม่มีขายในบ้านเรา นั้นถ้ามองกันที่ความเป็นนักฆ่าเรือธง ก็ทำได้ดีในแง่มุมไลฟ์สไตล์ที่ Dimensity 1200 ทำได้ดีในความไหลลื่น ที่ส่วนตัวผมถูกใจมาก คือเรื่องของความร้อนในการใช้งาน การประหยัดพลังงาน มันทำให้ผมไม่เหลียวมอง Sanpdragon 888 หรือ 870 ด้วยซ้ำ เพราะส่วนตัวไม่ปลื้มเรื่องความร้อน Realme GT NEO Flash Edition ถ้ามองกันที่ส่วนประกอบ เช่นหน้าจอแสดงผล ,กล้อง ,แบต หรือ ตัวบอดี้ต่างๆ มันใช้เหมือนกับ Realme GT 5G ที่ขายเครื่องศูนย์ไทย การใช้งานต่างๆของตัวเครื่องที่ทำออกมาได้ตามราคาและใช้งานกันได้อย่างครบเครื่องตามสไตล์นักฆ่าเรือธง ที่ไม่ได้ว่าจะดีไปซะทุกอย่าง บางอย่างใส่มาให้มีตามยุคสมัย แต่ยังมีดีที่หน้าจอสวย ใช้งานได้ไหลลื่น ถ้าเทียบกับราคาเครื่องนับว่ามันคืออีกหนึ่งจุดเด่นก็ไม่ผิดเท่าไรนัก เอาเป็นว่า Realme GT NEO Flash Edition เครื่องจีน ยังไงก็คือเครื่องจีน ที่การใช้งานต่างๆนั้นยังไม่สมบูรณ์ มันยังมีความเป็นจีน และ การใช้งานบางอย่าง ที่ไม่เนียน 100% แบบเหมือนเครื่อง Global หรือ ศูนย์ไทยอยู่ดีครับ ก็คงต้องรอติดตามดูว่าแบรนด์ไหนจะเอาเครื่องที่ใช้ Mediatek Dimensity 1200 มาทำตลาดกลุ่มนักฆ่าเรือธงราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น อย่างเป็นทางการในบ้านเราบ้าง ฮ่าๆ สำหรับวันนี้ผมก็ต้องขอลากันแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
Price : N/A